ความจริงแล้วถ้าดูผ่านๆ อาจจะคิดว่าแอสตัน มาร์ตินขยันเปิดตัวทางเลือกใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเหลือเกิน แต่ถ้าดูให้ดีจะพบว่า ทางเลือกใหม่ๆ ที่ว่านั้น คือ การนำผลผลิตที่มีอยู่แล้วมาสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อขยับแนวรุกใหม่ เหมือนกับที่เห็นอยู่นี้
สำหรับแฟนๆ ของแอสตัน มาร์ตินอาจจะไม่ฮือฮากับชื่อของวิราจ (Virage) สักเท่าไร เพราะชื่อนี้เคยถูกใช้มาก่อนแล้วกับสปอร์ตสุดหรูทั้งตัวถังคูเป้และเปิดประทุนของแอสตัน มาร์ติน รุ่นวี8 ที่ถูกวางขายในระหว่างปี 1989-2000 และอาจจะยิ่งนิ่งมากขึ้นเมื่อเพ่งพิจารณาแล้วพบว่า ‘มันก็คือ DB9 นี่หว่า’
ใช่แล้ว วิราจ คือ DB9 แต่ถ้าจะเล่นง่ายๆ แบบยกมาทั้งคันและเปลี่ยนแค่แม็กกับชื่อรุ่น เห็นทีจะไม่ค่อยลงทุนไปหน่อย เพราะจากการเปิดเผยของแอสตัน มาร์ตินนั้น วิราจจะถูกอัพสเปกเพื่อวางชายแทรกกลางระหว่าง DB9 กับ DBS โดยเน้นเอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบความแรงเคียงคู่กับความหรูหรา ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงจึงมีมากกว่านั้น
อย่างน้อยๆ ในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอกก็มีการเปลี่ยนไฟหน้า กันชนหน้า และกันชนท้ายใหม่ รวมถึงล้อแม็กก็ไฮโซซะ เพราะมากับขนาด 20 นิ้ว ขณะที่การตกแต่งภายในก็เน้นความหรูหราขึ้น โดยในรุ่นคูเป้ สามารถลดน้ำหนักให้กับตัวรถด้วยการแปลงสภาพจากสปอร์ต 2+2 ที่นั่ง มาเป็น 2 ที่นั่งแท้ๆ ได้ ด้วยการถอดเบาะหลังออก ส่วนรุ่นเปิดประทุนไม่มีออพชั่นนี้
ที่สำคัญ วิราจมีขายเฉพาะเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น ดังนั้นในห้องโดยสารก็เลยไม่มีคันเกียร์มาตั้งเด่นเป็นสง่าข้างกายผู้ขับ โดยจะเปลี่ยนเป็นระบบกดปุ่ม D-N-R-P บนแผงคอนโซลกลางแทน หรือถ้าจะอยากเล่นเกียร์ก็ทำได้ผ่านทางแป้น Paddle Shift บนพวงมาลัย
เครื่องยนต์ที่วางอยู่ด้านหน้าในแบบ Front Midship Engine นั้นเป็นเครื่องยนต์วี12 ทวินแคม 48 วาล์ว 6,000 ซีซีที่คุ้นเคยกันดี มีกำลังสูงสุด 490 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 58.0 กก.-ม. ที่ 5,750 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะรุ่น Touchtronic-II สู่ล้อหลัง และใช้เพลากลางแบบคาร์บอนไฟเบอร์ มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 4.6 วินาที และความเร็วสูงสุด 299 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ไม่ได้หมดแค่นี้ แต่แอสตัน มาร์ตินยังติดตั้งระบบ Adaptive Damping System (ADS) ปรับระดับความหนืดของโช้กอัพโดยสัมพันธ์กับเส้นทาง หรือถ้าอยากจะเลือกปรับเองก็มีให้เลือกถึง 5 โหมด และก็ดิสก์เบรกแบบคาร์บอนเซรามิกที่มีให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน
เจอกันแน่ที่เจนีวา แต่แอสตัน มาร์ตินยังไม่เปิดเผยราคาออกมาเลยในตอนนี้
