หลังจากฟังบรรยายสรรพคุณความดีของ “มาสด้า 3 ใหม่” เสร็จเรียบร้อย ทีมงาน มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ยังจัดให้ผู้สื่อข่าวได้สัมผัสเก๋งคอมแพกต์รุ่นดังอย่างใกล้ชิด ที่สนาม โบนันซ่า มอเตอร์ สปอร์ตแลนด์ เขาใหญ่ ซึ่งคันที่ลองขับในทริปนี้ เป็นการนำเข้ามาทั้งคันจากประเทศญี่ปุ่น (ทำตลาดในญี่ปุ่นชื่อ เอ็กเซลา)
จากรูปที่เห็น มาสด้า 3 คันนี้ ถูกพรางหน้าปิดตาด้วยผ้าใบและสติกเกอร์เต็มคัน ด้วยเหตุผลว่ารถยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และมาสด้าเองน่าจะเกรงใจเจ้าที่อยู่หลายองค์ ส่วนเวลาการลองขับค่อนข้างจำกัด เพราะหนึ่งคนมีโอกาสได้ควบ 3 รอบสนาม(หนึ่งรอบระยะทางประมาณ 2.8 กิโลเมตร)
หลังจากลองขับตามสมควร พบว่าบุคลิก มาสด้า 3 ใหม่ เปลี่ยนไปพอสมควร โดยเฉพาะช่วงล่าง ดูจะนุ่มนวลขึ้น ซึ่งอาการนุ่มที่ว่านี้ไม่ได้ยวบย้อยอะไรนะครับ เพียงแต่รู้สึกว่าความกระด้างดิบลดลงไปจากรุ่นเก่านิดหน่อย ส่วนการทรงตัวในโค้งยังทำได้ยอดเยี่ยม แม้จะใช้ความเร็วระดับ 100 กม./ชม. ก็ตาม
ด้านเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ถ้าตามสเปกญี่ปุ่นให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิด 186 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ออกตัวอาจจะไม่พลุ่งพล่านมากมาย การไล่ความเร็วและจังหวะเปลี่ยนเกียร์ราบรื่นนุ่มนวล หรือช่วงความเร็วกลางไหลไปถึง 120 กม./ชม.เรียกพลังมาใช้ได้ทันใจ สอดคล้องกับแรงกดของเท้าขวา
ด้านการควบคุมผ่านพวงมาลัย ผู้เขียนอาจยังไม่คุ้นชินนัก การสั่งงานดูเบามือพิกล ส่วนความแม่นยำอยู่ในระดับพอรับได้ แต่ที่น่าประทับใจเห็นจะเป็นความรู้สึกการกดแป้นเบรก ที่จังหวะกดกับระยะหยุดดูจะสัมพันธ์กับที่ใจคิด แถมไม่ออกอาการหน้าจิกให้เวียนหัว
...หลังการเปิดตัวในเดือนมีนาคม ผู้เขียนคงจะได้มีโอกาสขับอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นน่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับ นิสัยที่เปลี่ยนไปของ “มาสด้า 3 ใหม่”
อนึ่ง “มาสด้า 3 โมเดลเชนจ์” ที่เตรียมทำตลาดในไทย จะเป็นการขึ้นไลน์ประกอบที่โรงงาน เอเอที จังหวัดระยอง ซึ่งต่างจากรุ่นปัจจุบันที่เป็นการนำเข้ามาจากประเทศฟิลิปปินส์
จากรูปที่เห็น มาสด้า 3 คันนี้ ถูกพรางหน้าปิดตาด้วยผ้าใบและสติกเกอร์เต็มคัน ด้วยเหตุผลว่ารถยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และมาสด้าเองน่าจะเกรงใจเจ้าที่อยู่หลายองค์ ส่วนเวลาการลองขับค่อนข้างจำกัด เพราะหนึ่งคนมีโอกาสได้ควบ 3 รอบสนาม(หนึ่งรอบระยะทางประมาณ 2.8 กิโลเมตร)
หลังจากลองขับตามสมควร พบว่าบุคลิก มาสด้า 3 ใหม่ เปลี่ยนไปพอสมควร โดยเฉพาะช่วงล่าง ดูจะนุ่มนวลขึ้น ซึ่งอาการนุ่มที่ว่านี้ไม่ได้ยวบย้อยอะไรนะครับ เพียงแต่รู้สึกว่าความกระด้างดิบลดลงไปจากรุ่นเก่านิดหน่อย ส่วนการทรงตัวในโค้งยังทำได้ยอดเยี่ยม แม้จะใช้ความเร็วระดับ 100 กม./ชม. ก็ตาม
ด้านเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ถ้าตามสเปกญี่ปุ่นให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิด 186 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ออกตัวอาจจะไม่พลุ่งพล่านมากมาย การไล่ความเร็วและจังหวะเปลี่ยนเกียร์ราบรื่นนุ่มนวล หรือช่วงความเร็วกลางไหลไปถึง 120 กม./ชม.เรียกพลังมาใช้ได้ทันใจ สอดคล้องกับแรงกดของเท้าขวา
ด้านการควบคุมผ่านพวงมาลัย ผู้เขียนอาจยังไม่คุ้นชินนัก การสั่งงานดูเบามือพิกล ส่วนความแม่นยำอยู่ในระดับพอรับได้ แต่ที่น่าประทับใจเห็นจะเป็นความรู้สึกการกดแป้นเบรก ที่จังหวะกดกับระยะหยุดดูจะสัมพันธ์กับที่ใจคิด แถมไม่ออกอาการหน้าจิกให้เวียนหัว
...หลังการเปิดตัวในเดือนมีนาคม ผู้เขียนคงจะได้มีโอกาสขับอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นน่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับ นิสัยที่เปลี่ยนไปของ “มาสด้า 3 ใหม่”
อนึ่ง “มาสด้า 3 โมเดลเชนจ์” ที่เตรียมทำตลาดในไทย จะเป็นการขึ้นไลน์ประกอบที่โรงงาน เอเอที จังหวัดระยอง ซึ่งต่างจากรุ่นปัจจุบันที่เป็นการนำเข้ามาจากประเทศฟิลิปปินส์
