xs
xsm
sm
md
lg

นิสสัน จู๊ค16จีที...เท่ได้-แรง(ขึ้น)ด้วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“นิสสัน จู๊ค ประหลาดตา ประทับใจ”...เป็นพาดหัวของบทความคราวก่อน ที่ผู้เขียนได้ลองขับ “ซับคอมแพกต์เอสยูวีรุ่นใหม่” ซึ่งครานั้นได้พรรณนาถึงความกล้าแหวกแนวของทีมออกแบบนิสสัน (Nissan Design Europe) พร้อมบุคคลิกการขับขี่ออกแนวเรื่อยๆมาเรียงๆ จากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 119 แรงม้า

… สรุปว่า“จู๊ค” เป็นแฟชั่นคาร์หน้าแปลก แต่บุคคลิกการขับไม่โดดเด่น?


จริงอยู่ว่า “เอสยูวี” หลายรุ่น อาจจะเกิดมาเพื่อรองรับความอเนกประสงค์ พร้อมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ดังนั้นสมรรถนะหรือการขับสนุกคงเป็นเรื่องรองของกลุ่มลูกค้า แต่ทว่าคอนเซปต์นี้คงไม่ถูกต้องเสมอไปกับการแข่งขันและพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน

เช่นเดียวกับ “จู๊ค” ที่นิสสันยังเพิ่มทางเลือกในการทำตลาด ด้วยรุ่น “16จีที” (16GT) ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหม่ รหัสMR16DDT ขนาด1.6 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า มีทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD)และ 4 ล้อ (4WD)

แน่นอนว่าบรรดาผู้นำเข้าอิสระเมืองไทย ไม่พลาดจัดมาตอบสนองลูกค้าไฮโซ รวมถึงเกรย์มาร์เก็ตจากศรีนครินทร์ “อีตั้น อิมปอร์ท” ที่ “อัจฉรีย์ ตันติยันกุล” ผู้บริหารใหญ่ย้ำว่า จะเน้นทำตลาด “จู๊ค” รุ่น16GT 2WD เป็นหลัก เพราะเชื่อว่าราคา 1.98ล้านบาท พร้อมสมรรถนะขนาดนี้เพียงพอกับการขับขี่ของลูกค้า

กล่าวคือขับดีกว่ารุ่น 1.5 ลิตร และไม่ต้องจ่ายแพงเพื่อแลกกับตัวขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งหลังจากผู้เขียนได้ลองขับสัมผัสนั่ง “จู๊ค 16GT” ก็เห็นจริงตามนั้น โดยเฉพาะขุมพลังเบนซินเทอร์โบ ไดเรกอินเจกชัน (DIG T - Direct Injection Gasoline Turbo-charged) ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด190 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ที่ 2,000 - 5,200 รอบต่อนาที ทำงานกระฉับกระเฉงกว่ารุ่น 1.5 ลิตร 119 แรงม้าเยอะ

ยิ่งมาประกบกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ทำให้การส่งกำลังสู่ล้อหน้าไหลลื่นต่อเนื่อง ช่วงรอบเครื่อง 3,000 ถือว่าอัตราเร่งจัดจ้าน ขณะเดียวกันถ้าเลือกใช้โหมดSport การขับเคลื่อนยิ่งทำงานเต็มประสิทธิภาพ ทุกย่านความเร็วตอบสนองทันใจ ส่วนโหมด Normal นั้น การขับก็ไม่ได้ขี้เหร่ แต่อาจจะมีจังหวะรอเทอร์โบนิดๆ แต่ช่วงความเร็วกลาง ไปถึงปลาย 120-140 กม.ชม.ไหลได้ยาวๆ


ขณะที่โหมด Eco ไม่ได้คาดหวังมากครับ และมีโอกาสได้ลองขับสั้นๆ แต่บุคคลิกในโหมดนี้ คล้ายๆจู๊ครุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร คือ เน้นการขับประหยัดน้ำมัน คายไอเสียน้อย โดยระวังไม่ให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก พร้อมบริหารจัดการระบบไฟฟ้า-ระบบแอร์ภายในห้องโดยสารให้ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าสูงสุด

ที่สำคัญ เกียร์ CVT ของ“จู๊ค 16GT” ยังเล่นเป็นแบบแมนวลได้ 6 สปีด ตรงนี้ทำออกมาเอาใจพวกคอสปอร์ตที่ชอบอารมณ์ชุดกระชากลากดึง ซึ่งจังหวะเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะดันขึ้นเพิ่มเกียร์-โยกลงลดเกียร์

ด้านการบังคับพวงมาลัยค่อนข้างกระชับถนัดมือกว่า จู๊ค1.5 ซึ่งการสั่งงานซ้าย-ขวาตรงไปตรงมา น้ำหนักพวงมาลัยกำลังดี หรือกรณีขับทางยาวๆความเร็วประมาณ 100 - 120 กม./ชม.ยังควบคุมได้สบายมือ

ช่วงล่างของ “จู๊ค 16GT” ถือว่าสอบผ่าน การทรงตัวในโค้งนิ่ง แม้จะใช้ความเร็วระดับ 100 กม./ชม. ส่วนการขับในเมืองช่วงขึ้น-ลงคอสะพาน หรือผ่านเนินลูกระนาด ระบบกันสะเทือนและล้อขอบ 17 นิ้ว ซับอาการสะท้านจากพื้นพอใช้ได้ บางสถานการณ์ลองเปลี่ยนเลนเร่งแซงกะทันหัน ตัวรถมีอาการโยกโยนเล็กน้อย

การนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังไม่อึดอัดครับ ระยะห่างช่วงขา(Leg Room) พอดี ช่วงหัว(Head Room)เหลือเพียบ แต่ติดตรงพนักพิงหลังชันไปนิด ตรงนี้ต้องลองนั่งทางไกลสัก 300กิโลเมตรเดี๋ยวรู้เรื่อง

แม้ภายในห้องโดยสารจะตกแต่งสวยงาม จากสีสันแผงหน้าปัด เครื่องเสียง-จอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลาง รวมถึงวัสดุการประกบดูดีมีสกุล แต่กระนั้นการเก็บเสียงรวมๆ ก็เหมือนเก๋งเล็กแบรนด์ญี่ปุ่นทั่วไป ทั้งเสียงลม-เสียงยาง(ก็ใช้ตั้ง 215/55R17)ปะทะดังแบบไม่ประนีประนอม

ด้านอัตราบริโภคน้ำมันในการขับนอกเมืองเป็นหลัก หรือความเร็วเฉลี่ย 120-130 กม./ชม. รวมถึงเจอรถติด(ช่วงทำอุโมงถนนศรีนครินทร์)นาน 20-30 นาที สุดท้ายจอแสดงผลโชว์ตัวเลข10.2 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนตัวเลขสวยๆที่นิสสันญี่ปุ่นเคลมไว้อย่างเป็นทางการคือ 13 กิโลเมตรต่อลิตร

รวบรัดตัดความ...ถ้าคุณชอบรูปลักษณ์ของ “จู๊ค” และอยากมีไว้ขับเท่เฉยๆใช้รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ก็พอ (หาได้ตามเกรย์มาร์เก็ตทั่วไป) แต่ถ้าหวังโดดเด่นบนท้องถนนพร้อมการขับขี่เต็มอรรถรส ก็ต้องยอมจ่ายเพิ่มอีกนิดเพื่อรุ่น 1.6 เทอร์โบ รับรองไม่ผิดหวัง




กำลังโหลดความคิดเห็น