เหมือนกับคนธรรมดา รถยนต์ในตลาดมีความหลากหลายจอดรอให้เลือกจับจ่าย ซึ่งสำหรับนักแข่งบางคนที่เข้าร่วมการแข่งขันบางรายการที่ไม่ได้มีการกำหนดตายตัวเกี่ยวกับเรื่องรถแข่งเหมือนอย่างใน F1 หรืออินดี้คาร์ พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกพาหนะคู่ใจสำหรับใช้ในการแข่งขันที่ถูกใจตัวเองและงบฯ ด้วยเช่นกัน
ทางบีเอ็มดับเบิลยูก็เลยจัดการนำสาปอร์ตเปิดประทุนหลังคาแข็งพับเก็บได้อย่าง Z4 มาดัดแปลงตัวรถให้สอดคล้องกับสเปก GT3 ของทาง FIA เพื่อเป็นอีกทางเลือกใหม่ให้นักซิ่งที่กำลังมองหารถแข่งในคลาสนี้
Z4 GT3 ได้รับการดัดแปลงและพัฒนาโดยอิงอยู่กับรถสปอร์ตรุ่น Z4 ส่วนหลังคาแข็งที่เคยพับเก็บได้ด้วยไฟฟ้าก็ถูกยึดติดตายตัวเรียกว่าโดนดัดแปลงให้กลายเป็นตัวถังคูเป้ไปเลยโดยได้รับการผลิตตัวถังที่โรงงานเมือง Resengerg และอ่านมาถึงตรงนี้ ก็ชวนให้คิดต่อเนื่องไปว่า บีเอ็มดับเบิลยูจะผลิต Z4 คูเป้ออกมาขายเหมือนกับสมัยก่อนที่มี Z3 คูเป้หรือเปล่า ? หลังจากที่ตัวถังนี้ถูกเว้นวรรคการผลิตออกไปในช่วงการทำตลาดของ Z4 รุ่นแรก
ด้วยตัวถังในแบบ 2 ที่นั่ง ทางวิศวกรของบีเอ็มดับเบิลยูบอกว่าเป็นเรื่องที่ง่ายหน่อยในการดัดแปลงให้ Z4 มีความสอดคล้องกับกฎการแข่งขัน GT3 ซึ่งตัวรถได้รับการเพิ่มความดุดันและบึกบึนกับโป่งซุ้มล้อ พร้อมกับมีการเสริมสเกิร์ตและสปอยเลอร์รอบคันที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ รวมถึงมีการใช้แผ่นปิดทึบใต้ท้องรถ ขจัดปัญหากระแสลมที่แปรปรวนเวลาลอดใต้ท้องรถ เพื่อให้ตัวรถมีการทรงตัวและสมรรถนะที่ดีขึ้น โดยที่ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 1,200 กิโลกรัมเท่านั้น
สมรรถนะในส่วนนี้เป็นผลมาจากการออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ภายใต้แนวคิด Computational Fluid Dynamics (CFD) และมีการทดสอบในอุโมงค์ลมเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดก่อนที่จะมีการผลิตออกมาเป็นคันจริง
เครื่องยนต์ที่อยู่ใต้ฝากระโปรงก็มีความแตกต่างจากรุ่นธรรมดา เพราะถอดเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงที่พบเห็นได้เป็นประจำออกไป และแทนที่ด้วยเครื่องยนต์แบบวี8 4,000 ซีซีของบีเอ็มดับเบิลยู M3 เข้าไปแทนที่ พร้อมกับมีการปรับปรุงการทำงานของกล่องสมองกล ECU ใหม่ โดยหันมาใช้ ECU รุ่น Type-408 ECU และ Power400 จนสามารถรีดกำลังออกมาได้ 480 แรงม้าจากเดิมที่มีกำลังอยู่แค่ 420 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ซีเควนเชียล Quick Shift แบบ 6 จังหวะสู่การขับเคลื่อนล้อหลัง
งานนี้ไม่ได้เป็นแค่การเปลี่ยนเครื่องยนต์เท่านั้น เพราะว่าบีเอ็มดับเบิลยูต้องใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ CATIA V5 ที่มีความทันสมัย ในการคำนวณหาจุดที่เหมาะสมที่สุดในการวางเครื่องยนต์ลงในห้องเครื่องเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการผลิตกำลังและการกระจายน้ำหนักของตัวรถที่เหมาะสม
นอกจากนั้นระบบช่วงล่างหน้ายังมีการปรับปรุงใหม่เพื่อความเหมาะสมด้วยการติดตั้งเหล็กกันโคลงหน้าแบบปรับระดับได้ ส่วนระบบกันสะเทือนหลังยังอิงอยู่บนพื้นฐานเดิมแต่มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานอย่างหนักหน่วงในสนามแข่ง
ค่าตัวของ Z4 GT3 แบบรวม VAT แล้วอยู่ที่ 298,000 ยูโร หรือ 14.9 ล้านบาท ทีมแข่งไหนที่สนใจรถแข่งระดับไฮเอนด์ก็ไม่ควรมองข้ามอีกความแรงที่พัฒนามาจากรถบ้านรุ่นนี้
