ต่อจากการปรับโฉมของตัวถังหลักอย่างซีดานและสเตชันแวกอน คราวนี้ทางบีเอ็มดับเบิลยูกระตุ้นตลาดรถสปอร์ตครั้งใหม่ด้วยการส่งเวอร์ชันปรับโฉม-ไมเนอร์เชนจ์ของซีรีส์ 3 คูเป้ และเปิดประทุนออกมาพร้อมกันแล้ว โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าในยุโรปได้ทันทีในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนตลาดกลุ่มอื่นก็รอกันได้อีกไม่นานหลังจากนั้น
ซีรีส์ 3 คูเป้ และเปิดประทุนซึ่งมากับรหัสตัวถัง E92 และ E93 ถูกเปิดตัวในปี 2006 หรือตามหลังการเปิดตัวรุ่นซีดานประมาณ 1 ปีกว่าๆ โดยมีขายทั้งเครื่องยนต์ธรรมดาและตัวแรงในรหัส M3 ซึ่งการปรับโฉมในครั้งนี้ยังไม่เปิดเผยความเคลื่อนไหวของ M3 ออกมา แต่เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงจะต้องปรับโฉมตามรุ่นเครื่องยนต์หลัก
ความเปลี่ยนแปลงอาจจะสังเกตกันไม่ชัดเจนจนลูกค้าบางคนอาจบ่นว่า ‘ตกลงเปลี่ยนแล้วหรือเนี่ย’ เพราะเน้นไปที่การเปลี่ยนในเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยเป็นหลัก เช่น ด้านหน้าก็เปลี่ยนในส่วนของกันชนหน้าใหม่ ฝากระโปรงหน้าใหม่ ส่วนไฟหน้าแม้ว่าจะมีการขยายขนาดใหญ่ขึ้น แต่ด้วยรูปแบบที่ยังดูคล้ายของเดิมก็เลยทำให้ไม่เกิดสัมผัสของความแตกต่าง แต่ก็เพิ่มความสปอร์ตด้วยไฟเลี้ยวแบบ LED เช่นเดียวกับไฟท้ายที่ยังเป็นทรงเดิมเหมือนกัน แต่เปลี่ยนมาใช้หลอด LED พร้อมกับจัดวางตำแหน่งของไฟสัญญาณใหม่
คาดว่าเครื่องยนต์หลักๆ ที่ทำตลาดก็คงเหมือนเดิม คือ 320i (170 แรงม้า), 325i (218 แรงม้า), 330i (272 แรงม้า), 320d (177 แรงม้า), 325d (197 แรงม้า), 330d (245 แรงม้า) และ 335d (286 แรงม้า) แต่ที่มีเปลี่ยนไปคือ รุ่น 335i ขุมพลังแบบ 6 สูบ เทอร์โบคู่ 3,000 ซีซี
แม้ว่าตัวเครื่องยนต์รุ่นนี้จะยึดพื้นฐานเดิม แต่บีเอ็มดับเบิลยูบอกว่ามีการเปลี่ยนมาใช้เทอร์โบแบบ Twin-Scroll ซึ่งช่วยลดอาการรอรอบ และทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้ฉับไวขึ้นเช่นเดียวกับความประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น ส่วนกำลังขับเคลื่อนยังเหมือนเดิม คือ มีกำลังสูงสุดที่ 300 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 41.4 กก.-ม. ที่ 1,200-5,000 รอบ/นาที เลือกส่งกำลังได้ทั้งแบบธรรมดา 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 6 จังหวะแบบ Steptronic
ในเรื่องกำลังขับเคลื่อน ให้ความเร้าใจด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 5.3 และ 5.5 วินาทีสำหรับรุ่นคูเป้ที่ใช้เกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติตามลำดับ ส่วนรุ่นเปิดประทุนอยู่ที่ 5.5 และ 5.7 วินาที ซึ่งนั่นเป็นตัวเลขของรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อในชื่อ xDrive การสนองตอบในส่วนนี้ดีขึ้นอย่างชัดเจน เพราะมีอัตราเร่งอยู่ที่ 5.2 และ 5.3 วินาทีสำหรับรุ่นคูเป้เกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ ส่วนความเร็วปลายอยู่ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่จะเพิ่มเป็น 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าจ่ายเงินเพิ่มกับ Sport Package
นอกจากนั้นยังมีรุ่น 328i สำหรับรุ่นเปิดประทุนซึ่งใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3,000 ซีซีในรหัส N52 แต่มีกำลังอยู่ที่ 230 แรงม้า
ใครที่สนใจก็เตรียมเงินรอเอาไว้ได้เลย เพราะหลังการส่งมอบในตลาดยุโรปแล้ว บีเอ็มดับเบิลยูจะเริ่มทยอยทำตลาดในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกทันที