ข่าวต่างประเทศ - เฟียตยกเครื่องโครงสร้างการบริหารภายใน เมื่อวางแผนเตรียมนำอัลฟา, มาเซราติ และอาบาร์ธ มารวมตัวกันอยู่ในกลุ่มบริษัทใหม่ เพื่อหวังสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์สปอร์ตและยกตัวในเรื่องการบริหารจากเฟียต กรุ๊ป ออโต้โมบิลส์
สำหรับกลุ่มบริษัทใหม่สำหรับ 3 แบรนด์สปอร์ตนี้จะมี เฮรัลด์ เจ เวสเตอร์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CEO ของมาเซราติและอาบาร์ธ รับหน้าที่ดูแลกิจการทั้งหมด โดยที่เขายังดำรงตำแหน่งเดิมที่อยู่ในเฟียต กรุ๊ป และเฟียต กรุ๊ป ออโต้โมบิลส์เหมือนเดิม ส่วนแซร์โจ้ คราเวอโร CEO ของอัลฟา ก็โดนย้ายไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวางแผนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเฟียต กรุ๊ป ออโต้โมบิลส์
‘การปรับโครงสร้างใหม่ครั้งนี้จะทำให้อัลฟา, มาเซราติ และอาบาร์ธมีนโยบายเดียวกันในการทำตลาดโดยเน้นไปที่การยกระดับคุณค่าและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 แบรนด์ให้กับลูกค้าโดยเน้นไปที่ความสปอร์ตและเร้าใจเช่นเดียวกับความหรูหรา’ แซร์โจ้ มาร์คิออนเน่ CEO ของเฟียตกล่าว
นอกจากนั้น ยังมีการเปิดเผยว่าการนำอัลฟาและอีก 2 แบรนด์มารวมกันจะช่วยในเรื่องของการส่งเสริมในด้านการทำตลาด เพราะว่าอัลฟาถือเป็นแบรนด์ที่อยู่ในสภาพที่หมิ่นเหม่มากต่อการล้ม เพราะว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทไม่เคยทำกำไรได้เลย แถมยังขาดทุนระดับ 200-400 ล้านยูโรต่อปี หรือ 10,000-20,000 ล้านบาทต่อปี แม้ว่าปีที่แล้ว อัลฟาจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 8.1% ด้วยตัวเลข 110,545 คัน แต่ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2000 แล้ว ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าใจหาย เพราะว่ายอดขายลดลงเกือบครึ่ง เพราะในปี 2000 อัลฟามียอดขายถึง 203,000 คัน
สำหรับอัลฟา ซึ่งก่อตั้งในปี 1910 และถูกเฟียตซื้อเข้ามาอยู่ในเครือเมื่อปี 1986 ตอนนี้มี 2 ทางเลือก คือ ระงับการลงทุนทั้งหมดหลังจากที่รถยนต์รุ่นล่าสุด คือ จุยเลียตต้าเปิดตัว “เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2010 “ เพื่อแทนที่รุ่น 147 และปล่อยให้แบรนด์อัลฟามีรถยนต์ทำตลาดเพียง 2 รุ่นเท่านั้นคือ จุยเลียตตา และ MiTo ส่วนที่เหลือ เช่น 159, บรีรา และ 166 ก็ยังทำตลาดต่อไปจนกว่าจะครบอายุในการขาย และไม่มีรุ่นต่อไปเข้ามาแทนที่
ขณะที่อีกอีกทางออกคือ การร่วมมือกับไครสเลอร์ซึ่งเฟียตถือหุ้นอยู่ 20% และนำพื้นตัวถังของไครสเลอร์มาใช้ในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ โดยเชื่อว่าอนาคตของอัลฟาจะได้รับการประกาศออกมาในกลางเดือนเมษายนนี้ เมื่อเฟียตเปิดเผยแผนกลยุทธ์ในการทำตลาดช่วงปี 2010-2014 ออกมา
สำหรับกลุ่มบริษัทใหม่สำหรับ 3 แบรนด์สปอร์ตนี้จะมี เฮรัลด์ เจ เวสเตอร์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง CEO ของมาเซราติและอาบาร์ธ รับหน้าที่ดูแลกิจการทั้งหมด โดยที่เขายังดำรงตำแหน่งเดิมที่อยู่ในเฟียต กรุ๊ป และเฟียต กรุ๊ป ออโต้โมบิลส์เหมือนเดิม ส่วนแซร์โจ้ คราเวอโร CEO ของอัลฟา ก็โดนย้ายไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวางแผนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเฟียต กรุ๊ป ออโต้โมบิลส์
‘การปรับโครงสร้างใหม่ครั้งนี้จะทำให้อัลฟา, มาเซราติ และอาบาร์ธมีนโยบายเดียวกันในการทำตลาดโดยเน้นไปที่การยกระดับคุณค่าและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 แบรนด์ให้กับลูกค้าโดยเน้นไปที่ความสปอร์ตและเร้าใจเช่นเดียวกับความหรูหรา’ แซร์โจ้ มาร์คิออนเน่ CEO ของเฟียตกล่าว
นอกจากนั้น ยังมีการเปิดเผยว่าการนำอัลฟาและอีก 2 แบรนด์มารวมกันจะช่วยในเรื่องของการส่งเสริมในด้านการทำตลาด เพราะว่าอัลฟาถือเป็นแบรนด์ที่อยู่ในสภาพที่หมิ่นเหม่มากต่อการล้ม เพราะว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทไม่เคยทำกำไรได้เลย แถมยังขาดทุนระดับ 200-400 ล้านยูโรต่อปี หรือ 10,000-20,000 ล้านบาทต่อปี แม้ว่าปีที่แล้ว อัลฟาจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 8.1% ด้วยตัวเลข 110,545 คัน แต่ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2000 แล้ว ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าใจหาย เพราะว่ายอดขายลดลงเกือบครึ่ง เพราะในปี 2000 อัลฟามียอดขายถึง 203,000 คัน
สำหรับอัลฟา ซึ่งก่อตั้งในปี 1910 และถูกเฟียตซื้อเข้ามาอยู่ในเครือเมื่อปี 1986 ตอนนี้มี 2 ทางเลือก คือ ระงับการลงทุนทั้งหมดหลังจากที่รถยนต์รุ่นล่าสุด คือ จุยเลียตต้าเปิดตัว “เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2010 “ เพื่อแทนที่รุ่น 147 และปล่อยให้แบรนด์อัลฟามีรถยนต์ทำตลาดเพียง 2 รุ่นเท่านั้นคือ จุยเลียตตา และ MiTo ส่วนที่เหลือ เช่น 159, บรีรา และ 166 ก็ยังทำตลาดต่อไปจนกว่าจะครบอายุในการขาย และไม่มีรุ่นต่อไปเข้ามาแทนที่
ขณะที่อีกอีกทางออกคือ การร่วมมือกับไครสเลอร์ซึ่งเฟียตถือหุ้นอยู่ 20% และนำพื้นตัวถังของไครสเลอร์มาใช้ในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ โดยเชื่อว่าอนาคตของอัลฟาจะได้รับการประกาศออกมาในกลางเดือนเมษายนนี้ เมื่อเฟียตเปิดเผยแผนกลยุทธ์ในการทำตลาดช่วงปี 2010-2014 ออกมา