ในที่สุดก็กลายเป็นจริงแล้วสำหรับเวอร์ชันยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อในแบบเอสยูวีของมินิ คูเปอร์ เมื่อทางแบรนด์รถเล็กชื่อดังจากอังกฤษเผยโฉมตัวลุยรุ่นใหม่แกะกล่องในชื่อคันทรี่แมน ซึ่งจะเผยโฉมครั้งแรกในเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2010 เดือนมีนาคมนี้ และจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าทั่วโลกได้ในช่วงปลายปีเดียวกัน
ถือเป็นครั้งแรกของมินิกับการลุยตลาดเอสยูวี ซึ่งแม้ว่าเมือก่อนในช่วงทศวรรษที่ 1960 จะมีรุ่นขับ เคลื่อน 4 ล้อทำตลาด แต่ก็เป็นแค่ทางเลือกของการขับเคลื่อนและใช้ตัวถังแบบแวกอนเหมือนกับรุ่นปกติเท่านั้น ไม่ได้ยกสูงพร้อมลุยเหมือนกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
โปรเจ็กต์การรุกเข้าสู่ตลาดเอสยูวีของมินิเริ่มขึ้นครั้งแรกกับการเปิดตัวต้นแบบในปี 2008 ด้วยชื่อครอสส์โอเวอร์ คอนเซ็ปต์ และจากนั้นอีก 1 ปีถัดมาก็เป็นต้นแบบที่เพิ่งเผยโฉมในดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2010 อย่างรุ่นบีชคอมเบอร์ และตามด้วยการเผยภาพคันจริงสำหรับขายพร้อมรายละเอียดออกมาช่วงปลายเดือนมกราคม รวมถึงชื่อรุ่นที่จะใช้ในการทำตลาด ซึ่งระบุอย่างชัดเจนว่า ‘คันทรีแมน’ ไม่ใช่ ‘ครอสส์แมน’ อย่างที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งชื่อนี้มินิเคยใช้ในการทำตลาดช่วงปี 1961-1969
สำหรับเวอร์ชันเอสยูวีคาดว่าจะใช้รหัสตัวถัง R60 และเป็นการพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของมินิ คูเปอร์รุ่นปัจจุบันซึ่งมีรหัส R56 ซึ่งมีระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบ Multi-Arm โดยตัวรถมาในแบบเอสยูวี 5 ประตู 4 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งด้านหลังเป็นแบบ 2 ที่นั่งและคั่นกลางด้วยแผงคอนโซลซึ่งยาวต่อเนื่องมาจากเบาะด้านหน้า โดยเบาะหลังแต่ละฝั่งสามารถแยกปรับเอนหรือเลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้อย่างอิสระ ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุ 350 ลิตร แต่จะเพิ่มเป็น 1,170 ลิตรเมื่อพับเบาะแถวหลังลงทั้งหมด
เท่าที่มีการเปิดตัวออกมาในตอนนี้ คันทรี่แมนจะทำตลาดด้วยทางเลือกที่ไม่ต่างจากรุ่นปกติ คือ มีทั้งรุ่น D ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 90 แรงม้าไปจนถึงตัวแรงในแบบคูเปอร์เอส ซึ่งมีการปรับปรุงกันพอสมควร เพราะเปลี่ยนจากเทอร์โบธรรมดามาเป็นแบบ Twin-Scroll แถมด้วยระบบวาล์วแปรผัน ทำให้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1,600 ซีซีบล็อกนี้มีกำลังขยับขึ้นมาเป็น 184 แรงม้า
ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อตลอดเวลาที่เรียกว่า ALL4 ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุด เพื่อเอสยูวีรุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งในการขับจะมีการแปรผันการกระจายกำลังของเครื่องยนต์ไปสู่ล้อหน้าและหลังตามความเหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งในการขับปกติกำลังส่วนใหญ่จะถูกส่งไปยังล้อหน้า และกำลังที่ถูกส่งมายังล้อหลังจะแปรผันอยู่ในระดับไม่เกิน 50% และติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครันทั้งระบบควบคุมการทรงตัว หรือ DSC และระบบป้องกันการลื่นไถล DTC
แฟนๆ มินิที่อยากขับตัวลุยรุ่นนี้อดใจรอกันอีกนิด เพราะมีขายอย่างแน่นอนปลายปีนี้ ส่วนราคายังไม่เปิดเผยออกมาในตอนนี้
ถือเป็นครั้งแรกของมินิกับการลุยตลาดเอสยูวี ซึ่งแม้ว่าเมือก่อนในช่วงทศวรรษที่ 1960 จะมีรุ่นขับ เคลื่อน 4 ล้อทำตลาด แต่ก็เป็นแค่ทางเลือกของการขับเคลื่อนและใช้ตัวถังแบบแวกอนเหมือนกับรุ่นปกติเท่านั้น ไม่ได้ยกสูงพร้อมลุยเหมือนกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
โปรเจ็กต์การรุกเข้าสู่ตลาดเอสยูวีของมินิเริ่มขึ้นครั้งแรกกับการเปิดตัวต้นแบบในปี 2008 ด้วยชื่อครอสส์โอเวอร์ คอนเซ็ปต์ และจากนั้นอีก 1 ปีถัดมาก็เป็นต้นแบบที่เพิ่งเผยโฉมในดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2010 อย่างรุ่นบีชคอมเบอร์ และตามด้วยการเผยภาพคันจริงสำหรับขายพร้อมรายละเอียดออกมาช่วงปลายเดือนมกราคม รวมถึงชื่อรุ่นที่จะใช้ในการทำตลาด ซึ่งระบุอย่างชัดเจนว่า ‘คันทรีแมน’ ไม่ใช่ ‘ครอสส์แมน’ อย่างที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งชื่อนี้มินิเคยใช้ในการทำตลาดช่วงปี 1961-1969
สำหรับเวอร์ชันเอสยูวีคาดว่าจะใช้รหัสตัวถัง R60 และเป็นการพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของมินิ คูเปอร์รุ่นปัจจุบันซึ่งมีรหัส R56 ซึ่งมีระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบ Multi-Arm โดยตัวรถมาในแบบเอสยูวี 5 ประตู 4 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งด้านหลังเป็นแบบ 2 ที่นั่งและคั่นกลางด้วยแผงคอนโซลซึ่งยาวต่อเนื่องมาจากเบาะด้านหน้า โดยเบาะหลังแต่ละฝั่งสามารถแยกปรับเอนหรือเลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้อย่างอิสระ ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุ 350 ลิตร แต่จะเพิ่มเป็น 1,170 ลิตรเมื่อพับเบาะแถวหลังลงทั้งหมด
เท่าที่มีการเปิดตัวออกมาในตอนนี้ คันทรี่แมนจะทำตลาดด้วยทางเลือกที่ไม่ต่างจากรุ่นปกติ คือ มีทั้งรุ่น D ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 90 แรงม้าไปจนถึงตัวแรงในแบบคูเปอร์เอส ซึ่งมีการปรับปรุงกันพอสมควร เพราะเปลี่ยนจากเทอร์โบธรรมดามาเป็นแบบ Twin-Scroll แถมด้วยระบบวาล์วแปรผัน ทำให้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1,600 ซีซีบล็อกนี้มีกำลังขยับขึ้นมาเป็น 184 แรงม้า
ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อตลอดเวลาที่เรียกว่า ALL4 ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุด เพื่อเอสยูวีรุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งในการขับจะมีการแปรผันการกระจายกำลังของเครื่องยนต์ไปสู่ล้อหน้าและหลังตามความเหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งในการขับปกติกำลังส่วนใหญ่จะถูกส่งไปยังล้อหน้า และกำลังที่ถูกส่งมายังล้อหลังจะแปรผันอยู่ในระดับไม่เกิน 50% และติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครันทั้งระบบควบคุมการทรงตัว หรือ DSC และระบบป้องกันการลื่นไถล DTC
แฟนๆ มินิที่อยากขับตัวลุยรุ่นนี้อดใจรอกันอีกนิด เพราะมีขายอย่างแน่นอนปลายปีนี้ ส่วนราคายังไม่เปิดเผยออกมาในตอนนี้