ทิ้งระยะจากการยั่วน้ำลายแฟนๆ ทั่วโลกด้วยการกระจายข่าวเรื่องการเปิดตัวรถยนต์คอมแพ็กต์ซีดานรุ่นใหม่ในชื่อครูซตามหน้าอินเตอร์เนตได้เพียงไม่นาน ทางเชฟโรเลต แบรนด์ดังในเครือจีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์สจัดการเผยภาพระลอกแรกของครูซรุ่นจำหน่ายจริงออกมาแล้ว พร้อมรูปลักษณ์สุดสปอร์ตและจะเริ่มขายในยุโรปเป็นแห่งแรกในเดือนมีนาคม 2009
การเปิดตัวของครูซจะมีขึ้นครั้งแรกในปารีส มอเตอร์โชว์ ต้นเดือนตุลามคมนี้ที่ประเทศฝรั่งเศส แต่ความจริงแล้วจีเอ็มหักหลังนำครูซคันจริงมาเปิดตัวแบบไม่เป็นทางการครั้งแรกที่โรงงานลอร์ดทาวน์ มลรัฐโอไฮโอเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา และทันทีที่ได้เห็นหน้าตาก็ทำเอาบรรดาแฟนๆ โล่งใจกันเป็นแถว
เนื่องจากในตอนแรกข่าวระบุว่าจะเป็นการนำเชฟโรเลต โคโบลต์ที่ขายในสหรัฐอเมริกามาแต่งหน้าทาปากใหม่ แต่จากภาพที่เปิดเผยออกมาและจากการเปิดเผยของเชฟโรเลตคงช่วยทำให้เบาใจ เพราะเชฟวี่ระบุว่า ตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคันและถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้เส้นสายและแนวทางการออกแบบรุ่นใหม่ซึ่งเชฟโรเลตจะนำมาใช้ในการออกแบบรถยนต์ใหม่ทุกรุ่นที่สวมโลโก้ Bowtieสำหรับขายในตลาดทั่วโลก และก็รวมถึงในสหรัฐอเมริกา
ในด้านมิติตัวถังแม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผย แต่ก็มีทั้งความยาวและความกว้างเหนือคู่แข่ง โดยครูซก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อลุยตลาดรถยนต์คอมแพ็กต์ในระดับเดียวกับฮอนด้า ซีวิค, โตโยต้า โคโรลล่า และมาสด้า 3 เพื่อเป็นผลผลิตหนึ่งเดียวที่ส่งขายทั่วโลก
นั่นเท่ากับว่าครูซจะเข้ามาแทนที่ออพตร้าสำหรับตลาดยุโรปและเอเชียซึ่งเป็นการนำผลผลิตของแดวูรุ่นลาเซ็ตติมาปรับหน้าตา ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะไม่มีการระบุว่ารถยนต์รุ่นนี้แทนที่รุ่นโคโบลต์ แต่จากการเลือกไลน์ผลิตที่โรงงานเดียวกัน และโคโบลต์ที่ขายอยู่ในตอนนี้ก็เปิดตัวมานานแล้วตั้งแต่ปี 2004 จึงมีความเป็นไปได้ว่าหน้าที่ในการลุยตลาดกลุ่มนี้จะตกเป็นของครูซ
ส่วนภายในจุดเด่นเห็นจะเป็นแผงหน้าปัดที่เรียกว่า Twin Cockpit ที่ได้รับการพัฒนาและประยุกต์แนวคิดมาจากรถสปอร์ตรุ่นคอร์เว็ตต์ ซี6 เน้นความสปอร์ตในทุกรายละเอียด ผสมผสานการเลือกใช้วัสดุชั้นดีที่มีความกลมกลืนและความสะดวกสบายของห้องโดยสารที่รองรับผู้ขับและผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง
"ผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่เห็นอยู่ในครูซ คือ งานออกแบบที่มีความโดดเด่นสะดุดตา แต่ยังไม่ใช่การปฏิวัติรูปแบบการออกแบบที่เป็นอยู่ของเชฟโรเลต เราต้องการอะไรที่แสดงให้เห็นถึงก้าวย่างครั้งใหญ่แบบก้าวกระโดด เพื่อเปรียบเสมือนกับแถลงการณ์ในด้านการออกแบบที่โดดเด่นของเชฟโรเลตเพื่อใช้กับรถยนต์ที่ขายอยู่ในตลาดทั่วโลก"Taewan Kim หัวหน้าทีมออกแบบของเชฟโรเลตกล่าว
รูปแบบของเครื่องยนต์ในรุ่นจำหน่ายจริงจะแตกต่างไปตามแต่ละภูมิภาคที่เข้าไปขาย ส่วนในสเปกยุโรปที่จะเปิดตัวในปารีสนั้น ทางเชฟโรเลตยืนยันว่ามีทางเลือกในช่วงแรก 3 แบบเป็นเบนซิน 2 รุ่นและเทอร์โบดีเซลอีก 1 รุ่น ซึ่งแบบแรกมากับเครื่องยนต์ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย VVT ในรุ่น 1,600 ซีซีมีกำลังสูงสุด 112 แรงม้า และรุ่น 1,800 ซีซี 140 แรงม้า
ส่วนอีกรุ่นมีความจุ 2,000 ซีซี 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. โดยเป็นขุมพลังบล็อกใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้ายุโรปโดยเฉพาะ แต่ที่น่าสนใจคือ เชฟโรเลตกำลังจะกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในกลุ่มคอมแพ็กต์ที่นำเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะมาใช้ในรถยนต์ระดับนี้ และจะทำตลาดคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
หลังเปิดตัวในปารีสแล้ว ครูซจะลุยตลาดทั้งพวงมาลัยซ้ายและขวาในยุโรปช่วงเดือนมีนาคม 2009 ส่วนในสหรัฐอเมริกา ริค แวโกเนอร์ ซีอีโอและประธานของจีเอ็มยืนยันแล้วว่าจัดการทุ่มเงินจำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 16,500 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงไลน์ผลิตสำหรับประกอบครูซในโรงงานเมืองลอร์ดทาวน์ มลรัฐโอไฮโอซึ่งเป็นไลน์ผลิตของเชฟโรเลต โคโบลต์ และพอนทิแอค จี5 ซึ่งจะเริ่มการผลิตในเดือนเมษายน 2010
ขณะที่เมืองไทยน่าจะมีโอกาสได้สัมผัสครูซในฐานะตัวแทนของออพตร้าในปลายปี 2009 หรือไม่ก็ปี 2010 ส่วนหน้าตาจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อสอดคล้องกับรสนิยมของคนไทยหรือไม่นั้น คงต้องติดตามกันต่อไป
การเปิดตัวของครูซจะมีขึ้นครั้งแรกในปารีส มอเตอร์โชว์ ต้นเดือนตุลามคมนี้ที่ประเทศฝรั่งเศส แต่ความจริงแล้วจีเอ็มหักหลังนำครูซคันจริงมาเปิดตัวแบบไม่เป็นทางการครั้งแรกที่โรงงานลอร์ดทาวน์ มลรัฐโอไฮโอเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา และทันทีที่ได้เห็นหน้าตาก็ทำเอาบรรดาแฟนๆ โล่งใจกันเป็นแถว
เนื่องจากในตอนแรกข่าวระบุว่าจะเป็นการนำเชฟโรเลต โคโบลต์ที่ขายในสหรัฐอเมริกามาแต่งหน้าทาปากใหม่ แต่จากภาพที่เปิดเผยออกมาและจากการเปิดเผยของเชฟโรเลตคงช่วยทำให้เบาใจ เพราะเชฟวี่ระบุว่า ตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ทั้งคันและถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้เส้นสายและแนวทางการออกแบบรุ่นใหม่ซึ่งเชฟโรเลตจะนำมาใช้ในการออกแบบรถยนต์ใหม่ทุกรุ่นที่สวมโลโก้ Bowtieสำหรับขายในตลาดทั่วโลก และก็รวมถึงในสหรัฐอเมริกา
ในด้านมิติตัวถังแม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผย แต่ก็มีทั้งความยาวและความกว้างเหนือคู่แข่ง โดยครูซก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อลุยตลาดรถยนต์คอมแพ็กต์ในระดับเดียวกับฮอนด้า ซีวิค, โตโยต้า โคโรลล่า และมาสด้า 3 เพื่อเป็นผลผลิตหนึ่งเดียวที่ส่งขายทั่วโลก
นั่นเท่ากับว่าครูซจะเข้ามาแทนที่ออพตร้าสำหรับตลาดยุโรปและเอเชียซึ่งเป็นการนำผลผลิตของแดวูรุ่นลาเซ็ตติมาปรับหน้าตา ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะไม่มีการระบุว่ารถยนต์รุ่นนี้แทนที่รุ่นโคโบลต์ แต่จากการเลือกไลน์ผลิตที่โรงงานเดียวกัน และโคโบลต์ที่ขายอยู่ในตอนนี้ก็เปิดตัวมานานแล้วตั้งแต่ปี 2004 จึงมีความเป็นไปได้ว่าหน้าที่ในการลุยตลาดกลุ่มนี้จะตกเป็นของครูซ
ส่วนภายในจุดเด่นเห็นจะเป็นแผงหน้าปัดที่เรียกว่า Twin Cockpit ที่ได้รับการพัฒนาและประยุกต์แนวคิดมาจากรถสปอร์ตรุ่นคอร์เว็ตต์ ซี6 เน้นความสปอร์ตในทุกรายละเอียด ผสมผสานการเลือกใช้วัสดุชั้นดีที่มีความกลมกลืนและความสะดวกสบายของห้องโดยสารที่รองรับผู้ขับและผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง
"ผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่เห็นอยู่ในครูซ คือ งานออกแบบที่มีความโดดเด่นสะดุดตา แต่ยังไม่ใช่การปฏิวัติรูปแบบการออกแบบที่เป็นอยู่ของเชฟโรเลต เราต้องการอะไรที่แสดงให้เห็นถึงก้าวย่างครั้งใหญ่แบบก้าวกระโดด เพื่อเปรียบเสมือนกับแถลงการณ์ในด้านการออกแบบที่โดดเด่นของเชฟโรเลตเพื่อใช้กับรถยนต์ที่ขายอยู่ในตลาดทั่วโลก"Taewan Kim หัวหน้าทีมออกแบบของเชฟโรเลตกล่าว
รูปแบบของเครื่องยนต์ในรุ่นจำหน่ายจริงจะแตกต่างไปตามแต่ละภูมิภาคที่เข้าไปขาย ส่วนในสเปกยุโรปที่จะเปิดตัวในปารีสนั้น ทางเชฟโรเลตยืนยันว่ามีทางเลือกในช่วงแรก 3 แบบเป็นเบนซิน 2 รุ่นและเทอร์โบดีเซลอีก 1 รุ่น ซึ่งแบบแรกมากับเครื่องยนต์ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย VVT ในรุ่น 1,600 ซีซีมีกำลังสูงสุด 112 แรงม้า และรุ่น 1,800 ซีซี 140 แรงม้า
ส่วนอีกรุ่นมีความจุ 2,000 ซีซี 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. โดยเป็นขุมพลังบล็อกใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้ายุโรปโดยเฉพาะ แต่ที่น่าสนใจคือ เชฟโรเลตกำลังจะกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในกลุ่มคอมแพ็กต์ที่นำเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะมาใช้ในรถยนต์ระดับนี้ และจะทำตลาดคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
หลังเปิดตัวในปารีสแล้ว ครูซจะลุยตลาดทั้งพวงมาลัยซ้ายและขวาในยุโรปช่วงเดือนมีนาคม 2009 ส่วนในสหรัฐอเมริกา ริค แวโกเนอร์ ซีอีโอและประธานของจีเอ็มยืนยันแล้วว่าจัดการทุ่มเงินจำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 16,500 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงไลน์ผลิตสำหรับประกอบครูซในโรงงานเมืองลอร์ดทาวน์ มลรัฐโอไฮโอซึ่งเป็นไลน์ผลิตของเชฟโรเลต โคโบลต์ และพอนทิแอค จี5 ซึ่งจะเริ่มการผลิตในเดือนเมษายน 2010
ขณะที่เมืองไทยน่าจะมีโอกาสได้สัมผัสครูซในฐานะตัวแทนของออพตร้าในปลายปี 2009 หรือไม่ก็ปี 2010 ส่วนหน้าตาจะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อสอดคล้องกับรสนิยมของคนไทยหรือไม่นั้น คงต้องติดตามกันต่อไป
