xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตจีเอ็มเลื่อนลงทุน-ลุ้นชะตารถใหม่เปิดตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวในประเทศ - ปัญหาสภาพคล่องของยักษ์ใหญ่ "จีเอ็ม"สั่นสะเทือนถึงไทย จนต้องประกาศหยุดไลน์ผลิต 2 เดือน และเลิกจ้างพนักงานบางส่วนไปแล้ว ขณะที่โครงการตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งแรกในอาเซียนที่ประเทศไทย มูลค่าลงทุนกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ก็ต้องดีเลย์ออกไป 1 ปี งานนี้ย่อมส่งผลต่อแผนการขึ้นไลน์ผลิตปิกอัพ เชฟโรเลต โคโลราโดโฉมใหม่ ที่กำหนดจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2553 ต้องเลื่อนออกไปเช่นเดียวกัน รวมถึงโครงการรถรุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เชฟโรเลต ครูซ ที่จะมาแทนรุ่นออพตร้าในปัจจุบัน จากที่เผยโฉมปลายปี 2552 คงต้องเป็นต้นปีถัดไปเช่นเดิม หรือซับคอมแพ็กต์รุ่น อาวีโอ โฉมใหม่ ที่อาจจะต้องเลื่อนออกไปไม่ต่ำกว่าครึ่งปี จากเดิมกำหนดเปิดตัวในไทยกลางปี 2553 แต่นั่นยังไม่ลุ้นเท่าชะตากรรมของจีเอ็ม ในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้จะรอดพ้นสภาวะล้มละลายหรือไม่?

เหมือนฟ้าฟาด! เมื่อวุฒิสภาสหรัฐไม่รับร่างแผนกู้วิกฤตอุตสาหกรรมรถยนต์ ของ 3 ค่ายบิ๊กทรี จีเอ็ม, ฟอร์ด และไครสเลอร์ มูลค่า 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.97 แสนล้านบาท(ผู้บริหารค่ายบิ๊กทรียื่นขอเงินในการกู้วิกฤต 3.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) ที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร โดยวุฒิสภาเสียงข้างมากจากพรรครีพับลิกัน ตั้งเงื่อนไขให้ลดต้นทุนด้านแรงงานลง ให้เท่ากับต้นทุนแรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์ต่างประเทศในปีหน้า แต่สหภาพคนงานรถยนต์ไม่ยอมต้องรอหลังปี 2554

เวลาแห่งการล้มละลายของค่ายรถอเมริกัน จึงนับว่าขยับใกล้เข้ามาทุกที หากไม่ได้เงินเข้ามาช่วยเหลือในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งก็ต้องลุ้นความหวังไปที่รัฐบาลว่า กระทรวงการคลังจะนำเงินเข้ามาสนับสนุนหรือไม่? เพราะหลังวันที่ 20 มกราคม 2552 นายบารัก โอบามา ก็จะเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดี แทนนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช พร้อมคณะรัฐบาลชุดใหม่

นับว่าเป็นเรื่องที่จะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะเพียงแค่เกิดวิกฤตสภาพคล่องของค่ายบิ๊กทรี โดยเฉพาะเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม(GM) ค่ายรถอันดับหนึ่งของโลก ที่มีสถานะทางการเงินสาหัสที่สุด ยังส่งผลสะเทือนถึงฐานการผลิตของจีเอ็มในประเทศไทยแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงหนี้มหาศาลและกำลังจะหมดกระแสเงินสดในการดำเนินธุรกิจภายในสิ้นปีนี้ และคงต้องล้มละลายหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลภายในเดือนมกราคมปีหน้า

โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จีเอ็มประเทศไทยได้มีหยุดไลน์การผลิต 2 เดือน โดยพนักงานประจำจะยังคงได้รับเงินเดือน 75% ในช่วงที่หยุดการผลิต พร้อมกับยกเลิกการจ้างพนักงานชั่วคราว และมีการเปิดโครงการสมัครใจลาออกให้กับพนักงาน โดยเบื้องต้นเปิดรับเพียงแค่ 258 คนเท่านั้น หลังจากนั้นจะมีการทบทวนแผนการผลิตอีกครั้ง

ในส่วนของแผนการลงทุนของจีเอ็มในประเทศไทย ก็ได้มีการชะลอออกไปเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ "สตีฟ คาร์ไลส์" ประธานกรรมการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส เซาท์อีสต์เอเซีย โอเปอเรชั่นส์ จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลตเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยว่า โครงการตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซล ที่จังหวัดระยอง ซึ่งได้มีการประกาศเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ไม่ได้ยกเลิกแต่จะดีเลย์โครงการออกไปประมาณ 1 ปี

สำหรับโครงการตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลแห่งแรกในอาเซียนที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่างจีเอ็ม และ VM.MOTORI ประเทศอิตาลี ซึ่งจีเอ็มเข้าไปซื้อหุ้นใหญ่มาเมื่อปี 2550 โดยมีมูลค่าการลงทุนกว่า 14,685 ล้านบาท หรือ 455 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้มีการประกาศลงทุนและตอกเสาเข็มไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา
โคโรลาโด โฉมปัจจุบัน
ฉะนั้นประกาศเลื่อนแผนการลงทุนตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลในไทย ถึงแม้จะเป็นการชั่วคราวเพียงแค่ 1 ปี แต่ก็ส่งผลต่อแผนการผลิตรถยนต์ตามไปด้วยแน่นอน โดยเฉพาะปิกอัพ เชฟโรเลต โคโลราโด โฉมใหม่ ที่ตามกำหนดจะมีการผลิตและเปิดตัวในช่วงปลายปี 2553
ทั้งนี้ปิกอัพโคโลราโดโฉมใหม่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าปิกอัพโคโลราโดรุ่นปัจจุบัน ใช้โครงสร้างร่วมกันกับ อีซูซุ ดีแมคซ์ ถึงแม้จะมีรูปลักษณ์ด้านหน้าและท้ายแตกต่างกันแต่โครงสร้างเกือบทั้งหมดใช้ร่วมกัน รวมถึงเครื่องยนต์ด้วย มีเพียงชิ้นส่วนไม่กี่ร้อยชิ้นเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน

แต่เมื่อจีเอ็มได้มีการถอนหุ้นออกจากอีซูซุเกือบหมด ทำให้เชฟโรเลต โคโลราโด โฉมใหม่ ต้องมีการแยกพัฒนาจากกันมากขึ้น ถึงแม้จะใช้โครงสร้างตัวถังหลักร่วมกัน แต่การออกแบบเปลือกนอกและภายใน จีเอ็มจะพัฒนาเอง รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลใหม่จะไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ของอีซูซุอีกต่อไป

เหตุนี้เมื่อจีเอ็มประสบวิกฤติทางการเงิน และทำให้ต้องเลื่อนโครงการตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซล จึงส่งผลกระทบปิกอัพโคโลราโดโฉมใหม่โดยตรง เพราะเครื่องยนต์ที่จะติดตั้งในรุ่นนี้จะมาจากโรงงานดังกล่าว ไม่ใช่เครื่องยนต์ของอีซูซุ โดยเป็นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2500 ซีซี และ 2800 ซีซี

ดังนั้นจากเดิมที่กำหนดจะมีการขึ้นไลน์ผลิตโคโลราโดใหม่จริง และเปิดตัวประมาณช่วงไตรมาสสามของปี 2553 ก็น่าจะเลื่อนออกอีก 1 ปีเช่นกัน หรืออย่างเร็วสุดน่าจะเป็นช่วงกลางปี 2554
เชฟโรเลต ครูซ
ไม่เพียงโครงการผลิตปิกอัพโคโลราโดโฉมใหม่เท่านั้น ปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ย่อมส่งผลต่อการแผนการเปิดตัวรถยนต์โมเดลใหม่อื่นๆ ของจีเอ็มในประเทศไทยด้วย เริ่มตั้งแต่รถยนต์นั่ง หรือเก๋งแบบคอมแพ็กต์ซีดานรุ่นใหม่ เชฟโรเลต ครูซ ซึ่งจะมาทำตลาดแทน เชฟโรเลต ออพตร้า ในปัจจุบัน จากเดิมที่คาดว่าอย่างเร็วสุดจะเปิดตัวประมาณปลายปี 2552 เมื่อประสบปัญหาทางการเงินเช่นนี้ ที่สุดคงจะไม่พ้นเปิดตัวเป็นช่วงต้นปี 2553 เช่นเดิมแน่นอน

โดยเชฟโรเลต ครูซ เป็นคอมแพ็กต์ซีดานโมเดลใหม่ ที่เพิ่งเผยโฉมสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในงานปารีส มอเตอร์โชว์ 2008 ที่ผ่านมา ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวทำตลาดในยุโรปแห่งแรกต้นปี 2552 และประเทศไทยคงจะเป็นเวอร์ชั่นและชื่อทำตลาดเช่นเดียวกัน ส่วนเครื่องยนต์ของครูซน่าจะยืนที่บล็อกเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย VVT ในรุ่น 1600 ซีซี 112 แรงม้า และรุ่น 1800 ซีซี 140 แรงม้า

นอกจากนั้นที่จะตามมาต้องเป็นตัวเล็ก เชฟโรเลต อาวีโอซึ่งเป็นการปรับโฉมใหม่หมด แม้รถรุ่นนี้จะยังไม่มีการเผยโฉมรุ่น 4 ประตูออกมา แต่แนวโน้มแล้วน่าจะไม่แตกต่างกันกับอาวีโอรุ่น 5 ประตู ที่เพิ่งเปิดตัวทำตลาดในยุโรปไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา หรือไม่ก็คงอาจจะปรับปรุงอีกบ้างเล็กน้อย สำหรับเมืองไทยตามแผนกำหนดจะเปิดตัวประมาณกลางปี 2553 ก็อาจจะเลื่อนออกเป็นปลายปีเดียวกัน หรือต้นปี 2554

จะเห็นว่ารถยนต์รุ่นหลักๆ ในไทย ล้วนได้รับผลกระทบโดยตรง แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับชะตากรรมของจีเอ็มเร็วๆ นี้ เพราะหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลกก็คงจะต้องเข้าสู่กระบวนล้มละลายที่สุด!!
กำลังโหลดความคิดเห็น