xs
xsm
sm
md
lg

โตโยต้าสุดมั่นตลาดรวมปีเสือถึง6แสนคัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวในประเทศ - โตโยต้าเผยยอดขายรถยนต์ปี 2552 ทำได้ 548,871 คัน ลดลง 10.8% คาดตลาดรถยนต์ไทยปี 2553 เติบโตด้วยยอดขาย 600,000 คัน เพิ่มขึ้น 9% พร้อมตั้งเป้าหมายการขายโตโยต้าทุกรุ่น 257,000 คัน เพิ่มขึ้น 11.5% ครองส่วนแบ่งตลาด 42.8%
เคียวอิจิ ทานาดะ
เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ต้นปี 2552 เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเป็นอย่างมากของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยปริมาณการขายในครึ่งปีแรก ลดลงถึง 28.0% และฟื้นตัวในไตรมาสที่ 3 และต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 ทำให้ยอดขายรถยนต์ของปี พ.ศ. 2552 มียอดขายรวม 548,871 คัน ลดลง 10.8% เป็นตลาดรถยนต์นั่ง 230,037 คัน เพิ่มขึ้น 1.4% รถเพื่อการพาณิชย์ 318,834 คัน ลดลง 17.9% รถกระบะขนาด 1 ตัน ไม่รวมรถดัดแปลง 247,887 คัน ลดลง 20.4%”

“สำหรับการขายของโตโยต้า ในปี 2552 นั้น เรามียอดขายรวม 230,585 คัน ลดลง 12.1% ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 42% เป็นรถยนต์นั่ง 100,747 คันลดลง 5.7% รถเพื่อการพาณิชย์ 129,838 คัน ลดลง 16.4% โดยเป็นรถกระบะขนาด 1 ตัน ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง 102,026 คัน ลดลง 19.8%”

“ด้านการส่งออกของปีที่ผ่านมา เราส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป จำนวนทั้งสิ้น 237,834 คัน ลดลง 24% มูลค่า 104,506 ล้านบาท นอกจากนี้ เราได้ส่งออกเครื่องยนต์ และ ชิ้นส่วน อะไหล่ มูลค่า 48,450 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่นำรายได้กลับสู่ประเทศเป็นเงิน 152,956 ล้านบาท”

สำหรับแนวโน้มของตลาดรถยนต์ของปี 2553 นายทานาดะ กล่าวว่า ด้วยแรงบวกจากการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์ในช่วงปลายปี 2552 และการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ อาทิ โครงการไทยเข้มแข็ง 1 และ 2 ที่นำงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาสินค้าการเกษตรที่เพิ่มขึ้น สิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากข้อตกลงเขตการค้าต่างๆ ที่เราได้รับ เราเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ในประเทศจะเติบโตตามลำดับ

โดยบริษัทคาดว่าตลาดรถยนต์รวมจะมียอดขาย 600,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 9% แบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่ง 251,000 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ 349,000 คัน โดยจะเป็นรถกระบะขนาด 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 272,000 คัน และจะเป็นเซ็กเม้นท์สำคัญ ที่ส่งผลดีต่อตลาด แม้ว่าในปีที่ผ่านมา ยอดขายรถกระบะหดตัว แต่เชื่อว่าในปีนี้ ตลาดรถกระบะจะเติบโตอีกครั้งหนึ่ง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

สำหรับโตโยต้า ได้ตั้งเป้าหมายการขายไว้ที่ 257,000 คัน เพิ่มขึ้น 11.5% และคาดว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ในระดับเดียวกันกับปี 2551 ที่ 42.8% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 111,000 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ 146,000 คัน โดยเป็นรถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 114,500 คัน
ดังนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการขายของปี 2553 บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมต่อไป ทั้งรถยนต์พลังงานทางเลือก และรถยนต์ไฮบริด ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และศึกษาความเป็นไปได้ในการแนะนำรถยนต์ไฮบริดรุ่นอื่นๆ ทั้งนี้บริษัทยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อการกำหนดนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฮบริด เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และรักษาสิ่งแวดล้อม

“สำหรับโครงการอีโคคาร์ เรามีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนภาครัฐต่อนโยบายอีโคคาร์ และจะดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้อย่างแน่นอน แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งสำหรับการเตรียมการ เพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งในด้านความต้องการของตลาดและความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์สำหรับประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในขณะนี้ เราจะส่งเสริมการทำตลาดรถยนต์ใช้แล้ว คุณภาพดี ด้วยโครงการ โตโยต้า ชัวร์ เพื่อนำเสนอ รถยนต์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในราคาที่คุ้มค่าเงิน”

ด้านการส่งออกคาดว่าจะส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอันเนื่องมาจาก ภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับความต้องการรถจากลูกค้าในทวีปหลัก ๆ มีเพิ่มมากขึ้น คาดว่าการส่งออกรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2553 มีประมาณ 287,800 คัน เติบโต 21% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 127,100 ล้านบาท ส่งออกเครื่องยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่ มูลค่า 54,320 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกทั้งหมดถึง 181,420 ล้านบาท

"นับว่ามีส่วนในการกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศไทย และที่สำคัญคือการเพิ่มอัตราการใช้ชิ้นส่วนในประเทศที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันรถยนต์โตโยต้าเน้นการใช้ชิ้นส่วนในประเทศให้ได้มากที่สุด รวมถึงการสนับสนุนให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศใช้อุปกรณ์และวัสดุในประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในการลดความเสี่ยงทางด้านของอัตราแลกเปลี่ยน และเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวม"

นอกจากนี้ บริษัทจะดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างเข้มข้นให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าและในพื้นที่มากขึ้น เพิ่มศักยภาพในการให้บริการแก่ลูกค้าแบบครบวงจร การจัดระบบสินเชื่อรถยนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย สะดวก รวดเร็ว ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า
"มั่นใจว่าเราจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำทั้ง 3 ตลาดให้ได้อีกครั้งหนึ่ง และยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างมีสำนึกและรับผิดชอบต่อสังคม และสร้างเครือข่ายความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวไปยังผู้แทนจำหน่าย ผู้ผลิตชิ้นส่วน บริษัทในเครือ มุ่งสู่การครบรอบ 50 ปี ของโตโยต้า ในปี พ.ศ2555"นายทานาดะ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น