ข่าวต่้างประเทศ - คาร์ลอส กอนส์ ซีอีโอและประธานของนิสสัน มอเตอร์ เชื่อตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าแบบ Plug-in จะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องนับจากนี้ และจะเป็นที่ต้องการของผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วโลก โดยมั่นใจว่านับจากนี้ไปจนถึงปี 2015 การที่จำนวนรถยนต์พลังไฟฟ้าจะมีแล่นอยู่บนท้องถนนในตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกามากถึง 1 ล้านคันตามเป้าหมายของประธานาธิบดีบารัค โอบามาไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
ความเห็นครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของถ้อยแถลงของกอนส์ในงานเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้านิสสัน LEAF ที่เมืองลอสแอลเจลีส ซึ่งเขาให้ความเห็นว่ารถยนต์พลังไฟฟ้าจะมีอนาคตที่สดใส และเชื่อว่าจะมีการขยายตัวในด้านตลาดอย่างต่อเนื่องแน่นอน
นอกจากนั้น การนำไอเดียเช่าใช้แบตเตอรี่ในระหว่างการใช้งานเหมือนกับที่นิสสันกำลังจะนำมาใช้กับ LEAF ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้รถยนต์พลังไฟฟ้าได้รับความนิยม เพราะจะทำให้มีราคาถูกลงในระดับใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และจะช่วยกระตุ้นให้คนทั่วไปหันมาสนใจมากขึ้นจนนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามาตั้งเป้าเอาไว้ว่าในสหรัฐอเมริกาจะต้องมีรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Plug-in วิ่งอยู่บนถนนรวมแล้ว 1 ล้านคันภายในปี 2015
นิสสัน LEAF จะทำตลาดโดยมากับแพ็คเกจที่เรียกว่า Free Premium ด้วยการเปิดให้ลูกค้าเช่าใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนของตัวรถ ซึ่งจะทำให้ตัวรถมีราคาใกล้เคียงกับรถยนต์ทั่วไป และเหมาะสำหรับคนที่ใช้รถยนต์ต่อปีประมาณ 12,000-15,000 ไมล์ต่อปี ซึ่งการซื้อ LEAF เฉพาะตัวรถและเช่าใช้แบตเตอรี่จะประหยัดกว่าการซื้อรถยนต์พลังไฟฟ้าทั้งคันพร้อมกับแบตเตอรี่ แถมลูกค้าก็ไม่ต้องมานั่งกังวลใจเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนหรืออัพเกรดแบตเตอรี่ลูกใหม่
โดยในปัจจุบัน แม้ว่าแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนจะมีราคาถูกลงกว่าในอดีต แต่ก็ยังถือว่าแพงอยู่ดีและมีส่วนที่ทำให้รถยนต์พลังไฟฟ้ายังมีราคาขายในตลาดสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในถึง
1-2 เท่าตัวเลยทีเดียว
นอกจากนั้น กอนส์ยังให้ความเห็นว่าจากการสำรวจความคิดเห็นของคนอเมริกัน มี 8% ที่ระบุว่ารถยนต์คันต่อไปที่พวกเขาอยากซื้อคือรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้กอนส์มั่นใจว่า ยอดขายรถยนต์ของนิสสันภายในปี 2020 จะมีสัดส่วนที่เปลี่ยนไป และเชื่อว่าอย่างน้อย 10% ของยอดขายรถยนต์ของนิสสันในช่วงปีนั้นจะต้องเป็นรถยนต์แบบ Plug-in ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าล้วน หรือไฮบริด
ความเห็นครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของถ้อยแถลงของกอนส์ในงานเปิดตัวรถยนต์พลังไฟฟ้านิสสัน LEAF ที่เมืองลอสแอลเจลีส ซึ่งเขาให้ความเห็นว่ารถยนต์พลังไฟฟ้าจะมีอนาคตที่สดใส และเชื่อว่าจะมีการขยายตัวในด้านตลาดอย่างต่อเนื่องแน่นอน
นอกจากนั้น การนำไอเดียเช่าใช้แบตเตอรี่ในระหว่างการใช้งานเหมือนกับที่นิสสันกำลังจะนำมาใช้กับ LEAF ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้รถยนต์พลังไฟฟ้าได้รับความนิยม เพราะจะทำให้มีราคาถูกลงในระดับใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และจะช่วยกระตุ้นให้คนทั่วไปหันมาสนใจมากขึ้นจนนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามาตั้งเป้าเอาไว้ว่าในสหรัฐอเมริกาจะต้องมีรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Plug-in วิ่งอยู่บนถนนรวมแล้ว 1 ล้านคันภายในปี 2015
นิสสัน LEAF จะทำตลาดโดยมากับแพ็คเกจที่เรียกว่า Free Premium ด้วยการเปิดให้ลูกค้าเช่าใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนของตัวรถ ซึ่งจะทำให้ตัวรถมีราคาใกล้เคียงกับรถยนต์ทั่วไป และเหมาะสำหรับคนที่ใช้รถยนต์ต่อปีประมาณ 12,000-15,000 ไมล์ต่อปี ซึ่งการซื้อ LEAF เฉพาะตัวรถและเช่าใช้แบตเตอรี่จะประหยัดกว่าการซื้อรถยนต์พลังไฟฟ้าทั้งคันพร้อมกับแบตเตอรี่ แถมลูกค้าก็ไม่ต้องมานั่งกังวลใจเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนหรืออัพเกรดแบตเตอรี่ลูกใหม่
โดยในปัจจุบัน แม้ว่าแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนจะมีราคาถูกลงกว่าในอดีต แต่ก็ยังถือว่าแพงอยู่ดีและมีส่วนที่ทำให้รถยนต์พลังไฟฟ้ายังมีราคาขายในตลาดสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในถึง
1-2 เท่าตัวเลยทีเดียว
นอกจากนั้น กอนส์ยังให้ความเห็นว่าจากการสำรวจความคิดเห็นของคนอเมริกัน มี 8% ที่ระบุว่ารถยนต์คันต่อไปที่พวกเขาอยากซื้อคือรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้กอนส์มั่นใจว่า ยอดขายรถยนต์ของนิสสันภายในปี 2020 จะมีสัดส่วนที่เปลี่ยนไป และเชื่อว่าอย่างน้อย 10% ของยอดขายรถยนต์ของนิสสันในช่วงปีนั้นจะต้องเป็นรถยนต์แบบ Plug-in ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าล้วน หรือไฮบริด