ข่าวในประเทศ – 3K ประกาศคงราคาขายแบตเตอรี่เท่าเดิม แม้ต้นทุนตะกั่วขยับราคาเพิ่ม เหตุไม่อยากซ้ำเติมผู้บริโภค แต่ยื้อสุดได้แค่สิ้นปีนี้ คาดต้นปีหน้าจำต้องขอขยับราคาเพิ่ม 15% ชี้แนวโน้มตลาดรถยนต์ดีส่งผลให้ตลาดแบตเตอรี่ยังไปได้ เผย 9 เดือนโตกว่า 200% มั่นใจผลประกอบการปีนี้เข้าเป้า 4,000 ล้านบาท
วิรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บริษัท ไทยสโตจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ 9 เดือนแรก ปีนี้ เติบโตขึ้นกว่า 200% โดยมีกำไรสุทธิ 282.23 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 183.46 ล้านบาท
ขณะที่รายได้รวมของบริษัทฯ อยู่ที่ 2,720.32 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 1,563.78 ล้านบาท และจากการส่งออก 1,156.54 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 55% ต่อ45% ตามลำดับ โดยคาดว่าทั้งปีบริษัทฯ จะมีรายได้รวมถึง 4,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้
“เนื่องจากยอดขายรถยนต์ตั้งแต่ไตรมาส 3 ดีขึ้น ส่งผลให้ยอดขายแบตเตอริ่ดีตาม กอปรกับกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชั่นส่งเสริมการขายตรงกลุ่มเป้า รวมถึงการคงราคาจำหน่ายเดิม จึงคาดว่าเราจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าในช่วงระยะเวลาที่เหลือของปีนี้อย่างแน่นอน” วีรวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะสามารถตรึงราคาแบตเตอรี่ได้ถึงแค่ช่วงสิ้นปีนี้เท่านั้น เนื่องจากราคาตะกั่วซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของการผลิตแบตเตอรี่ มีการปรับตัวสูงขึ้นมากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจากระดับ 1,200-1,300 เหรียฐสหรัฐต่อตัน เพิ่มมาเป็น 2,290 เหรียฐสหรัฐต่อตันในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตเป็นจำนวนมาก แม้แบตเตอรี่ที่จำหน่ายในประเทศจะยังไม่ปรับราคาขึ้น แต่ในตลาดส่งออกมีการปรับเพิ่มเฉลี่ย 5-15% แล้ว
วีรวัฒน์ กล่าวว่า การปรับเพิ่มราคาแบตเตอรี่คาดว่าจะขอปรับเพิ่มขึ้นช่วงต้นปีหน้าโดยราคาเพิ่มราว 15% เพราะตลอดทั้งปีที่ผ่านมา3K ไม่ได้ขึ้นราคาแบตเตอรี่เลย ส่วนงบการตลาดปีนี้ใช้ไปราว 40 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 60 ล้านบาท
วิรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บริษัท ไทยสโตจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ 9 เดือนแรก ปีนี้ เติบโตขึ้นกว่า 200% โดยมีกำไรสุทธิ 282.23 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 183.46 ล้านบาท
ขณะที่รายได้รวมของบริษัทฯ อยู่ที่ 2,720.32 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 1,563.78 ล้านบาท และจากการส่งออก 1,156.54 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 55% ต่อ45% ตามลำดับ โดยคาดว่าทั้งปีบริษัทฯ จะมีรายได้รวมถึง 4,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้
“เนื่องจากยอดขายรถยนต์ตั้งแต่ไตรมาส 3 ดีขึ้น ส่งผลให้ยอดขายแบตเตอริ่ดีตาม กอปรกับกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชั่นส่งเสริมการขายตรงกลุ่มเป้า รวมถึงการคงราคาจำหน่ายเดิม จึงคาดว่าเราจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าในช่วงระยะเวลาที่เหลือของปีนี้อย่างแน่นอน” วีรวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะสามารถตรึงราคาแบตเตอรี่ได้ถึงแค่ช่วงสิ้นปีนี้เท่านั้น เนื่องจากราคาตะกั่วซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของการผลิตแบตเตอรี่ มีการปรับตัวสูงขึ้นมากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจากระดับ 1,200-1,300 เหรียฐสหรัฐต่อตัน เพิ่มมาเป็น 2,290 เหรียฐสหรัฐต่อตันในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตเป็นจำนวนมาก แม้แบตเตอรี่ที่จำหน่ายในประเทศจะยังไม่ปรับราคาขึ้น แต่ในตลาดส่งออกมีการปรับเพิ่มเฉลี่ย 5-15% แล้ว
วีรวัฒน์ กล่าวว่า การปรับเพิ่มราคาแบตเตอรี่คาดว่าจะขอปรับเพิ่มขึ้นช่วงต้นปีหน้าโดยราคาเพิ่มราว 15% เพราะตลอดทั้งปีที่ผ่านมา3K ไม่ได้ขึ้นราคาแบตเตอรี่เลย ส่วนงบการตลาดปีนี้ใช้ไปราว 40 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 60 ล้านบาท