โปรตอน เอ็กซ์โซร่า ชื่อนี้พอจะคุ้นหูนักเลงรถในบ้านเรากันบ้างแล้ว เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมามีข่าวความเคลื่อนไหวออกมาไม่ขาดสายว่า เอ็มพีวีน้องใหม่สัญชาติมาเลเซียจะมาเขย่าตลาดรถยนต์ของไทย จนต้นเดือนพฤศจิกายน บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ โปรตอน ในไทยยืนยันชัดเจนว่า บริษัทจะนำเข้าและจำหน่ายรถโปรตอน เอ็กซ์โซร่า อย่างแน่นอน โดยใช้เวทีของงาน “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” (2-13 ธ.ค.) เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก
แต่ก่อนที่ชาวไทยจะได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด บริษัทพระนครโอโตเซลส์ จำกัด เชื้อเชิญสื่อมวลชนไทยสิบกว่าชีวิตเยี่ยมชมโรงงานการผลิตพร้อมทดลองขับรถ โปรตอน เอ็กซ์โซร่า ในแบบฉบับมินิ ส่วนฉบับเต็มเมื่อได้ขับจะมารายงานให้อ่านอีกครั้ง
อย่างแรกมาทำความรู้จักเจ้า โปรตอน เอ็กซ์โซร่า กันก่อน..รถรุ่นนี้ถือว่าเป็นรถยนต์สายพันธุ์ใหม่ล่าสุดที่ได้รับการพัฒนาบนพื้นตัวถังรุ่นใหม่ของโปรตอนเพื่อเจาะตลาดมินิแวนในภูมิภาคอาเซียน เจ้าของแบรนด์ใช้เวลาวิจัยและพัฒนาอย่างละเอียดรอบคอบเป็นเวลาหลายปี ขณะเดียวกันก็พยายามหยิบจับจุดเด่น-จุดด้อยของคู่แข่งมาพัฒนาเพื่อให้ เอ็กซ์โซร่า เหนือกว่าและถูกใจลูกค้ามากที่สุด โดยมีการเปิดตัวทำตลาดในมาเลเซียตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา
มิติตัวถังของรถมีความยาวในระดับเฉียด 4,600 มิลลิเมตร กว้าง 1,809 มิลลิเมตร สูง 1,691 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,730 มิลลิเมตร ซึ่งทำให้ห้องโดยสารมีความกว้างพอที่จะวางเบาะนั่งแบบ 3 แถวลงไปพอดี โดยเบาะนั่งมาในรูปแบบ 2-3-2 หรือ 7 ที่นั่ง ที่สำคัญเลือกพับได้ตามใจชอบ
เครื่องยนต์ที่ทำตลาดมีเพียงแบบเดียวเป็นเบนซิน 4 สูบ 1600 ซีซี ซึ่งรีดกำลังออกมาได้ 125 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 15.3 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 4 จังหวะแบบเดียวกับรุ่น Waja และ Gen -2 แต่มีการปรับอัตราทดเฟืองท้ายให้ดีขึ้นเพื่อสอดคล้องกับรูปแบบการใช้งาน นั่นก็คือ การเพิ่มเทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผัน (CPS : Cam Profile Switching) และเทคโนโลยีท่อไอดีแปรผัน (Variable Intake Manifold technology) ทำให้กำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ประหยัดน้ำมันควบคู่กันไปด้วย
หันมาดูรูปลักษณ์ภายนอกกันบ้าง เท่าที่เห็นจัดว่ารถคันนี้หน้าตาดี ไม่ว่าจะมองมุมไหนด้านหน้า-ด้านข้าง หรือด้านท้าย ดูไม่เชย แต่ถ้ามองรวมๆ แบบผิวเผินรู้สึกคล้ายกับเอ็มพีวีที่จำหน่ายในบ้านเราอย่าง โตโยต้า วิช แต่มีขนาดเล็กกว่า
ภายในคอนโซลออกแบบค่อนข้างลงตัว มาตรวัดมีสีส้มช่วยให้เตะตาดี วัสดุที่นำมาประกอบก็ไม่ได้ดีเลิศอะไร แต่ก็ไม่ดูห่วย แต่อย่างว่าราคาขนาดนี้ถือว่าใช้ได้ไม่ขี้เหร่ และออกจะดูดีด้วยซ้ำ
จากการที่ได้เข้าไปนั่งในห้องโดยสาร ถือว่า โปรตอน เอ็กซ์โซร่า กว้างพอสมควร ที่นั่งแถวสองโอเค ขณะแถวสามผู้ใหญ่นั่งได้ เด็กนั่งสบาย ไม่อึดอัดเท่าไร แต่ที่ชอบเห็นจะเป็นการติดตั้งช่องแอร์ทั้ง 3 แถว ทำให้ผู้โดยสารแถวหลังสุด สบายใจสบายกาย นอกจากนี้ภายในยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครันอาทิ Criuse Control ,เครื่องเล่นดีวีดี พร้อมจอแอลซีดี รวมถึงที่วางเครื่องดื่มมีถึง 10 จุด แต่อุปกรณ์ดังกล่าวอยู่ในรุ่นไฮไลน์ ซึ่งนั้นก็รวมถึงถุงลมนิรภัยคู่หน้า , ระบบเบรก เอบีเอส ส่วนรุ่นมีเดียมไลน์ อาจจะมีการถอดอุปกรณ์บางอย่างออกแต่ไม่สามารถระบุว่าจะเป็นอะไรบ้าง
เรื่องความปลอดภัยมั่นใจได้เพราะโปรตอนนำ เอ็กซ์โซร่า ไปทดสอบการชนในยุโรป และได้มาตรฐานระดับ 4 ดาวของ EuroNCAP โดยระบบความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้มีทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า เอบีเอส และระบบกระจายแรงเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EBD ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัทและเทอร์ชันบีมสำหรับด้านหลัง
อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า เอ็กซ์โซร่า เป็นรถเอ็มพีวี 7 ที่นั่ง โปรตอนจึงออกแบบให้เก้าอี้ทั้ง 6 สามารถปรับพับได้ตามความต้องการของลูกค้า เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น กลไกการพับพนักพิงที่นั่งแถวสองทำได้ง่าย เพียงพับเบาะพิงและกดก้านด้านข้างของเบาะเก้าอี้ก็จะเด้งขึ้นมาอัตโนมัติ เปิดช่องให้ผู้โดยสารเข้าไปยังแถวสามอย่างสะดวกสบาย และเมื่อพับทั้งแถวสองและแถวสามพร้อมกันจะได้พื้นที่ราบเรียบและกว้างมากสามารถบรรทุกของได้ตามความต้องการ ส่วนประตูหลังสามารถเปิดกว้างถึง 80 องศา
ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นของโปรตอน เอ็กซ์โซร่า เพราะสามารถเลือกพับได้อย่างอเนกประสงค์เพื่อรองรับทั้งผู้โดยสารและสัมภาระ โดยเฉพาะเบาะสามารถพับได้แบนเรียบ ขณะที่คู่แข่งไม่สามารถทำได้แบบนี้ ยกเว้นโตโยต้า วิช เพราะโปรตอนนำจุดเด่นเรื่องนี้ของวิชมาพัฒนาในตัวเอ็กซ์โซร่า
จุดเด่นอีกประการหนึ่งคืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบ BCM หรือ The Body Control Module ซึ่งติดตั้งในรถยุโรประดับสูง BCM ทำหน้าที่ได้มากกว่า 20 ฟังก์ชัน อาทิ ไฟนำทางเข้าบ้าน,การตั้งโปรแกรมการล็อกประตู,การควบคุมการทำงานที่ปัดน้ำฝน,การทำงานของสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติระหว่างการหยุดโดยฉุกเฉินจากความเร็วที่ 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นต้น
สำหรับการขับขี่แม้จะเป็นเพียงระยะทางสั้น ๆ ไม่ถึง 2 กิโลเมตร บนสนามทดสอบภายในโรงงาน โดยวิ่ง 2 รอบ พร้อมกับวิศวกรของโปรตอนที่นั่งคู่ไปด้วยกัน พอจะบอกได้เพียงว่า อัตราเร่งเหมือนขับนีโอ หรือเพอร์โซน่า ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าเครื่องจะอืดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะเมื่อคิกดาวน์ช่วยความเร็วจะเพิ่มขึ้นทันที แต่ในย่านความเร็วกลาง ๆหรือต้องการไล่ความเร็วขึ้นจะรับรู้ถึงการตอบสนองที่ดีขึ้น ส่วนเสียงเครื่องยนต์ดังไปนิด
ขณะที่ช่วงล่างก็เป็นสไตล์โปรตอนคือ นึบ แน่น เกาะถนน นุ่ม ไม่แข็งเกินไป จัดอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ทีเดียว ทั้งนี้เนื่องจากโลตัสปรับเซตระบบช่วงล่างให้ใหม่ ซึ่งก็ เหมาะสำหรับครอบครัวที่ชอบการเดินทางไปต่างจังหวัด ประกอบกับรถประเภทเอ็มพีวี มีโอกาสจะบรรทุกคน บรรทุกของค่อนข้างสูง ดังนั้นการเซทช่วงล่างให้แข็งนิดก็ถือว่าเป็นเรื่องถูกต้อง การเข้าโค้งก็โอเค ผ่านฉลุย
อย่างไรก็ตามการเข้ามาเปิดตลาดเอ็มพีวีของโปรตอน เอ็กซ์โซร่าครั้งนี้ส่งผลให้คู่แข่งหนาว ๆ –ร้อนๆ ได้เหมือนกัน เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาถือว่าใช้ได้ ดูดี การขับขี่ก็โอเค บวกกับประโยชน์ใช้สอยมีไม่แพ้ใครในตลาด เหลือแต่ราคาหากเป็นไปตามเสียงแววมาว่าจะอยู่ 7-8.5 แสนบาทละก็สิทธิ์แจ้งเกิดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
สำหรับรถเอ็มพีวีมีอยู่ในตลาดหลายยี่ห้อทั้งแบรนด์เล็ก-ใหญ่ อาทิ มิตซูบิชิ สเปซแวกอน เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร ราคาประมาณ 1.6 ล้านบาท ตามโตโยต้า วิช เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ราคา 1.3 ล้านบาท โตโยต้า อินโนวา เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร มีทั้งเบนซิน-ดีเซล ,ราคา 9 แสน-1.1 ล้านบาท โตโยต้า อเวนซา เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ราคา 7 แสนอัพ และที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ ( 18 พ.ย.) คือ ฮอนด้า ฟรีด เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ราคาประมาณ 9 แสนบาท
หากเปรียบเทียบกับคู่แข่งดังกล่าวข้างต้น โปรตอน เอ็กซ์โซร่า ถือว่าไม่เป็นรองใครเลย แต่ก็ไม่มีใครเป็นคู่แข่งโดยตรง หากดูที่ขนาดของรถ เอ็กซ์โซร่าจะอยู่ระหว่าง โตโยต้า อเวนซา กับ โตโยต้า อินโนวา แต่ถ้าเทียบกับราคาจะอยู่ระหว่าง โตโยต้า อเวนซา กับ ฮอนด้า ฟรีด
ถึงบรรทัดนี้ขอสรุปว่า ถ้ามองที่ตัวโปรดักต์ เพียงอย่างเดียว เอ็กซ์โซร่า สู้เขาได้สบาย และถือว่าเป็นรถที่คุ้มค่ากับเงินที่คุณจ่ายไป เพราะสิ่งที่ได้รถใหญ่ขนาดนี้ ประโยชน์ใช้สอย เครื่องยนต์ คุ้มจริง แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่มองเรื่องของแบรนด์(เครือข่ายจำหน่าย และราคาขายต่อ) เป็นปัจจัยแรกในการตัดสินใจซื้อนะครับ