นอกจากงานโตเกียว ออโต้ ซาลอน ที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งจัดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมของทุกปีแล้ว อีกงานแสดงรถยนต์โมดิฟายและอุปกรณ์ตกแต่งที่ถือว่าดังและขึ้นชื่อในระดับโลก สำหรับแวดวง After Market อีกรายการ หนีไม่พ้นงาน SEMA Show ซึ่งจัดเป็นประจำทุกเดือนพฤศจิกายน ที่เมืองลาสเวกัส มลรัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา
SEMA Show เป็นงานโชว์จัดขึ้นโดยสมาคมที่เรียกว่า Specialty Equipment Market Association หรือชื่อย่อคือ SEMA ซึ่งก่อตั้งในปี 1963 ในการรวมตัวกันของบริษัทที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์ตกแต่ง หรือ After Market, ดีลเลอร์รถยนต์, ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เฉพาะทางต่างๆ และร้านหรือสำนักแต่งทั้งที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา หรือในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก แต่สนใจที่จะเข้ามาเจาะตลาดอุปกรณ์ตกแต่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งว่ากันว่าในแต่ละปีมีเงินหมุนเวียนอยู่ถึง 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ
ที่ผ่านมาตัวงานอาจจะมีรูปแบบในลักษณะ B2B หรือ Business to Business ซึ่งเป็นการออกร้านเพื่อมองหาคู่ค้า หรือพันธมิตรในเชิงธุรกิจเป็นหลัก แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ต่างก็เข้าร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน และบรรดาสำนักแต่งหรือผู้ผลิตอุปกรณ์ตกแต่งบางรายก็เริ่มมองและให้ความสนใจกับบรรดาคนทั่วไปที่เข้ามาชมงานกันมากขึ้น ก็เลยทำให้บรรยากาศของงาน SEMA เปลี่ยนไป และมีอะไรที่น่าสนใจมากขึ้น
สำหรับงานในปีนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 3-6 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ตัวงานยังยึดอาการ Las Vegas Convention Centre เป็นสถานที่ในการจัดแสดงเหมือนเดิม และแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในสหรัฐอเมริกา และทั่วโลกจะยังไม่ค่อยกระเตื้องขึ้นมากเท่าที่ควรจะเป็น แต่ทว่าสีสันภายในงานก็ยังคึกคักและมีอะไรใหม่ๆ ให้ดูและสัมผัสกัน ไม่ว่าจะเป็นรถแต่งที่เน้นความสวยความแรง อุปกรณ์ตกแต่งทั้งสำหรับการใช้งานในชีวิต ประจำวัน หรือในสนามแข่ง รถที่ผ่านการดัดแปลงทั้งคันเพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าบางกลุ่มที่อาจจะต้องการความแตกต่างจากรุ่นปกติ
แน่นอนว่านอกจากบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งแล้ว บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ต่างก็เข้าร่วมงานนี้กันอย่างคับคั่ง โดยนอกจากบรรดาบิ๊กทรีของอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันอย่างจีเอ็ม, ฟอร์ด และไครสเลอร์แล้ว ดูเหมือนว่าฮอนด้าจะกลายเป็นผู้มาเยือนเพียงไม่กี่รายที่มีอะไรใหม่ๆ ให้สัมผัส โดยเฉพาะการเปิดตัวชุดแต่ง MUGEN ให้กับรถยนต์อย่างแอคคอร์ด และฟิต/แจ๊ซสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ
ตามด้วยการนำรถแข่งรุ่นเก่าๆ ในอดีตมาโชว์ตัว ซึ่งที่น่าสนใจคือ รถแข่งรุ่นปี 1974 ที่ใช้พื้นฐานของซีวิครุ่นแรก และมีชื่อเล่นว่า Tokyo Joe โดยนอกจากจะประสบความสำเร็จในการแข่งขัน SCCA คลาส GT5 แล้ว ยังสร้างชื่อด้วยการทำสถิติเป็นซีวิคที่แล่นเร็วที่สุดในโลก หรือ The World’s Fastest Civic เมื่อปี 1976 ด้วยการแล่นบนสนามทาลาเดลก้า ซูเปอร์สปีดเวย์ ด้วยความเร็วเฉลี่ย 146.698 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 236 กิโลเมตร/ชั่วโมงทั้งที่มีเครื่องยนต์ 1,200 ซีซีเท่านั้น
ส่วนค่ายโตโยต้าก็เน้นไปที่การลุยของปิกอัพ 2 รุ่นที่มีขายในสหรัฐอเมริกา คือ ทาโคมา และทุนดรา ซึ่งที่เด่นสุดคือ ทาโคมา All-Terrain Gamer มากับประตูที่เปิดขึ้นในแบบปีกนก และยังสามารถขยายเบาะนั่งแถวหลังออกมาได้อีกด้วย เพื่อเอาใจคนเล่นเกมคอนโซล ส่วนรุ่นทุนดราเป็นเวอร์ชันแต่งย้อนยุคกลับไปสู่ทศวรรษที่ 1950 ในสไตล์ Hot Rod ดูสวยไปอีกแบบ
ในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศเอง พวกที่เด่นๆ คงหนีไม่พ้นบรรดา Pony Car ทั้งหลาย ซึ่งทั้ง 3 แบรนด์ต่างก็มีผลิตภัณฑ์ของตัวเองในการจัดแสดง อย่างค่ายฟอร์ดก็เน้นไปที่ความแรงและความสวยแบบสปอร์ตของมัสแตง
ขณะที่ไครสเลอร์โดดเด่นผ่านทางแบรนด์ในเครืออย่างดอดจ์ ซึ่งมีรุ่นแชลเลนเจอร์เป็นตัวชูโรง และมีการดัดแปลงทั้งเพิ่มความแรงและความแปลกใหม่ อย่างค่าย HPP ซึ่งนำแชลเลนเจอร์มาตกแต่งใหม่ทั้งคันให้เหมือนกับตัวแข่ง NASCAR รุ่นดอดจ์ เดย์โทน่าที่ลงแข่งในปี 1960 (มีหน้าตาและรูปลักษณ์คล้ายกับ Plymouth Superbird) แถมยังมีผลิตขายในตลาดด้วยจำนวนจำกัดเพียง 500 คันอีกด้วย
สำหรับจีเอ็ม ในงานนี้หนีไม่พ้นรถสปอร์ตรุ่นโปรโมทอย่างเชฟโรเลต คามาโรซึ่งมีหลายเวอร์ชันการตกแต่งจากโรงงาน เช่น Dusk Version เน้นสีทึมแต่ดูสวยสปอร์ต ตามด้วย Synergy Version มากับสีเขียวสดใส และ Chroma ออกแนวหรูแบบสปอร์ตด้วยสีขาวสะอาดตา ซึ่งทุกคันมากับความสวยของล้อแม็กวงโตขนาด 21 นิ้ว แต่ที่แฟนๆ บ่นเสียดายมากที่สุดคือ ไม่มีการนำรุ่นเปิดประทุนของคามาโรใหม่ออกมาเปิดตัวเหมือนกับที่มีข่าวระบุอกมาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นงานใหญ่ระดับโลก แต่ด้วยผลผลิตที่จัดแสดงอยู่ใน SEMA Show ซึ่งเน้นตลาดในบ้านตัวเองเป็นหลัก อาจไม่ค่อยโดนใจคนแต่งรถบ้านเรามากเท่ากับโตเกียว ออโต้ ซาลอน ทั้งในเรื่องสไตล์การแต่ง สินค้าที่รองรับกับรุ่นรถยนต์ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ที่เน้นขายในตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก แต่ก็มีบ้างที่รถยนต์บางรุ่นอาจจะเข้ามามีขายในบ้านเรา แต่ก็ถือเป็นส่วนน้อยเกือบๆ 1.2 ล้านล้านบาท
และที่สำคัญบรรดาสาวๆ หรือพริตตี้ในงานที่ SEMA ต้องยอมรับว่า ‘สวยและเร้าใจ’ น้อยกว่างานโตเกียว ออโต้ ซาลอน...ตรงนี้ใครที่ไปสัมผัสกันถึงที่ คงทราบกันดี