xs
xsm
sm
md
lg

Mercedes-Benz E63AMG Estate รถครอบครัวติดจรวด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รุกตลาดตามติดจากการเปิดตัวรุ่นธรรมดาของตัวถังแวกอน เมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์เอาใจคุณพ่อบ้านเท้าขวาหนัก ด้วยการส่งเวอร์ชันติดจรวดของอี-คลาส เอสเตทในรหัสตัวถัง W212 ออกมายั่วน้ำลายบรรดาแฟนๆ คงความแรงและเร้าใจตามสไตล์ 63AMG ด้วยเครื่องยนต์วี8 6,208 ซีซีที่พกม้าในคอกมาไม่ต่ำกว่า 500 ตัว

อี-คลาส เอสเตทถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยนอกจากรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดาแล้ว ทางค่ายดาว 3 แฉกยังมีตัวแรงในชื่อ E63AMG Estate ออกขายด้วยแบบไม่ต้องรอกันนานเหมือนกับตัวถังซีดานที่ทิ้งระยะนานร่วม 3 เดือนกว่าจะมีวางขาย

งานนี้ไม่ต่างจากรุ่นซีดาน เพราะหัวใจหลักของการขับเคลื่อนอยู่ที่ขุมพลังวี8 ทวินแคม 32 วาล์ว 6,208 ซีซี ที่ทาง AMG พัฒนาขึ้นมาเองภายใต้คอนเซ็ปต์ One Man One Engine หรือ เครื่องยนต์ 1 บล็อกจะมีวิศวกร 1 คนทำหน้าที่ประกอบจนเสร็จ พร้อมกับเซ็นชื่อกำกับเอาไว้ (เวลาขับแล้วเครื่องรวนจะได้ตามตัวถูก) ซึ่งต่างจากเวอร์ชัน AMG ที่ผ่านๆ มาซึ่งจะนำเครื่องยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์มาโมดิฟายและปรับแต่งเพื่อเพิ่มกำลัง


เครื่องยนต์ในรหัส 63AMG กลายเป็นมาตรฐานความแรงที่มีอยู่ในรถยนต์เกือบทุกสายพันธุ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มีเวอร์ชัน AMG วางขาย และตัวเลขแรงม้าที่ผลิตออกมาได้ก็มีหลากหลายเช่นกัน ตั้งแต่ 400 ตัวปลายๆ ไล่ไปจนถึง 500 ตัวต้นๆ ซึ่งในบล็อกที่วางอยู่ใต้ฝากระโปรงของ E63AMG Estate มีกำลังสูงสุด 525 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 64.2 กก.-ม. ที่ 5,200 รอบ/นาที

เมื่อจับคู่กับระบบส่งกำลังแบบกึ่งอัตโนมัติ Speedshift MCT-7 จังหวะสู่การขับเคลื่อนในแบบล้อหลัง ทำให้มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.5 วินาที และความเร็วปลายถูกล็อกเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 7.9 กิโลเมตร/ลิตร


ในเรื่องความสวยสปอร์ตของรูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในสามารถสังเกตถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เพราะรอบคันได้รับการติดตั้งชุดแอโรพาร์ตที่ออกแบบมาตอบสนองทั้งความสวยงามและการทรงตัวเมื่อขับด้วยความเร็วสูง ขณะที่ความอเนกประสงค์คงเดิม ด้วยพื้นที่ในการเก็บสัมภาระด้านหลังที่มีความจุ 695-1,950 ลิตรตามแบบฉบับสเตชันแวกอน

ล้อแม็กที่มาจากโรงงานเป็นแบบ 18 นิ้ว แต่ถ้าอยากสวยก็จ่ายเพิ่มเพื่อสัมผัสกับแบบ Forged ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 255/35R19 สำหรับล้อหน้าและ 285/30R19 สำหรับล้อหลัง เช่นเดียวกับลิ้นชายล่างของกันชนหน้า ฝาครอบกระจกมองข้างซึ่งผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ และดิสก์เบรกแบบคาร์บอนเซรามิกซึ่งทนความร้อนได้ในระดับ 1,700 องศาเซลเซียสก็เป็นออพชั่นสำหรับคนที่ชอบความแตกต่าง


ในเรื่องการบังคับควบคุม มีการปรับเซ็ตพวงมาลัยใหม่ที่ให้ความแม่นยำมากกว่ารุ่นมาตรฐานอีก 22% ส่วนระบบกันสะเทือนพื้นฐานเป็นแบบยึด 3 จุดสำหรับด้านหน้า และมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง โดยมีการโมดิฟายเพิ่มเติมเพื่อความหนึบ และติดตั้งระบบช่วงล่างแบบ Air Suspension สามารถปรับระดับทั้งความหนึบและความสูงของตัวรถได้จากปุ่มกดในห้องโดยสาร

E63AMG บุกตลาดยุโรปแล้วด้วยราคา 105,791 ยูโร หรือ 5.2 ล้านบาท สำหรับบ้านเราถ้าอยากขับกันจริงๆ การสั่งเข้ามาคงเป็นทางออกเดียว แต่ราคาไม่ธรรมดาแน่ๆ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 15 ล้านบาท



กำลังโหลดความคิดเห็น