ผู้หญิงที่ฮ็อตสุดขณะนี้คงไม่มีใครเกินสาวหมวยที่ชื่อ "คริส หอวัง" ไปได้ เพราะจากภาพยนตร์เรื่อง “รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ” กับบทบาทที่เธอได้รับโดนใจสาวโสดทั่วประเทศแบบสุดสุดและทำให้ คริส โด่งดังขึ้นมาทันทีในแวดวงมายา จนตอนนี้เธอมีคิวงานแน่นเอียดทุกวัน แต่เธอก็พร้อมให้ “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” พูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ในแบบที่ไม่ธรรมดา
คริสบอกว่าเริ่มจับพวงมาลัยครั้งแรกตอนอายุ 17 ปี รู้สึกตื่นเต้นมาก คุณพ่อเป็นคนสอนให้ขับ จำได้ว่าหัดอยู่แค่วันเดียว พอวันรุ่งขึ้นก็ขับไปเรียนเองเลย โดยต้องขับจากบ้านที่สุขุมวิทไปเรียนที่เอแบคใช้เวลานานมากประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงทั้งที่รถไม่ติดเลย
"ต่อมาคริสมีรถคันแรกเป็นของตัวเองคือ ฮอนด้า ซีวิค 3 ประตู คุณพ่อซื้อให้ เป็นรถมือสอง มือสาม สี่ อะไรแบบนี้ เพราะยังไม่อยากให้ขับรถป้ายแดงกลัวว่าจะไปขับชน ก็เลยให้ใช้รถเก่าจนคล่องก่อน พอขับเก่งแล้วค่อยซื้อคันใหม่ จนถึงคันปัจจุบันคริสว่าเขา (รถ) เหมือนเพื่อนเพราะคริสขับรถเอง ใช้รถทุกวัน บางวันต้องไปหลายแห่ง ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ กินข้าวในรถ เขาเหมือนเพื่อนที่ต้องดูแล เวลาป่วยไข้ต้องไปหาหมอ (เข้าอู่) เวลาเขาตัวเลอะก็ต้องพาไปอาบน้ำ และถ้าให้ไปขับคันอื่นนี่เศร้าเลยนะคะ คริสเคยเอารถคุณแม่มาขับครั้งหนึ่งเพราะรถเข้าอู่ รู้สึกแย่มากในวันนั้น จากที่เป็นคนขับรถค่อนข้างเร็ว กลายเป็นขับช้าไปเลย คือมันไม่มั่นใจ"
ถ้าถามถึงประสบการณ์ดีๆของเธอในการขับรถคริสบอกว่าไม่ค่อยมี ส่วนที่ไม่ดีนั้นมีครั้งหนึ่งขับรถกลับจากพัทยาเส้นทางมอเตอร์เวย์ ด้วยความที่รีบเลยแซงซ้ายพอดีล้อข้างหนึ่งตกไหล่ทาง เธอจึงหักพวงมาลัยหลบทำให้รถหมุนอยู่หลายรอบ จนกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีปรากฎว่ามองเห็นรถสิบล้อวิ่งผ่านไป
"คริสโชคดีมากตอนที่รถหมุนไม่มีรถคันอื่นตามมาเลย ถนนโล่งเลยรอด แต่อีกแค่เสี้ยววินาทีหนึ่งถ้าช้ากว่านี้ต้องถูกรถสิบล้อชนแน่นอน หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทำเอาหลอน ๆ ไปพอสมควร คิดได้ว่าเราไม่น่ารีบร้อนเลยและอยากเตือนคนขับรถทุกคนว่าความปลอยภัยต้องมาก่อน บางคนชอบทำอะไรตามใจตัวเอง อยากจะเลี้ยวก็เลี้ยวเลย ไม่แคร์รถข้างหลัง คงเป็นความง่าย ๆ ของคนไทยส่วนหนึ่งแหละ บวกกับสังคมเราเป็นแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ทำให้ขาดความมีระเบียบวินัยกันไป รถเลยติดทุกวัน"
เห็นเล่าเรื่องรถยนต์อยากสนุกสนานแล้วเราก็ไม่พลาดที่จะถามคริสว่า “รถในฝัน” ของเธอเป็นรถแบบไหน เธอก็ตอบทันทีว่า “ ปอร์เช่” ขอสีดำเท่านั้น ด้วยความที่ตัวเองชอบรถสีนี้และทุกคนในครอบครัวใช้รถสีเดียวกันหมด แต่ถ้าถามว่าอยากให้ใครมานั่งข้างๆนั้นสาวคริสตอบว่า "ไม่อยากให้ใครมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถหรอกค่ะเพราะไม่อยากขับรถให้ใคร แต่อยากจะชวนไปขึ้นรถไฟฟ้าดีกว่าทั้งสะดวก รวดเร็ว แล้วก็ตรงเวลา"
นอกจากเรื่องของรถยนต์แล้วคริสบอกว่าเธอติดตามข่าวสารสำคัญๆตลอดเวลา ทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องการเมือง "ต้องทราบเลยค่ะ เพราะการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่ของคนเพศไหนแต่เป็นของทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ชีวิตดีหรือแย่ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องการเมือง อย่างคริสติดตามข่าวสารอยู่ตลอด ถึงแม้จะไม่ได้ติดตามแบบละเอียดแต่ก็พอตอบได้ว่าอะไรเป็นอะไร"
ถึงบทบาทในภาพยนตร์เธอคือหญิงสาวที่เฝ้ารอความรัก แต่โลกของความเป็นจริง คริส มีพระเอกในใจแล้ว พร้อมบอกว่าผู้ชายที่เธอเลือก เธอไม่สนหน้าตาหรือฐานะ แค่เป็นคนดีสำหรับเรา อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ทำให้เราหัวเราะได้ ทำให้เรามีความสุข หลายคนคิดว่าอยากมีคนพึ่งพาไปตลอดชีวิต แต่ถ้าผู้ชายรวยแล้วไม่รักเรา เจ้าชู้ไม่ดูแลแถมทิ้งขว้าง...แล้วจะมีไปทำไม
คริสบอกว่าเริ่มจับพวงมาลัยครั้งแรกตอนอายุ 17 ปี รู้สึกตื่นเต้นมาก คุณพ่อเป็นคนสอนให้ขับ จำได้ว่าหัดอยู่แค่วันเดียว พอวันรุ่งขึ้นก็ขับไปเรียนเองเลย โดยต้องขับจากบ้านที่สุขุมวิทไปเรียนที่เอแบคใช้เวลานานมากประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงทั้งที่รถไม่ติดเลย
"ต่อมาคริสมีรถคันแรกเป็นของตัวเองคือ ฮอนด้า ซีวิค 3 ประตู คุณพ่อซื้อให้ เป็นรถมือสอง มือสาม สี่ อะไรแบบนี้ เพราะยังไม่อยากให้ขับรถป้ายแดงกลัวว่าจะไปขับชน ก็เลยให้ใช้รถเก่าจนคล่องก่อน พอขับเก่งแล้วค่อยซื้อคันใหม่ จนถึงคันปัจจุบันคริสว่าเขา (รถ) เหมือนเพื่อนเพราะคริสขับรถเอง ใช้รถทุกวัน บางวันต้องไปหลายแห่ง ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ กินข้าวในรถ เขาเหมือนเพื่อนที่ต้องดูแล เวลาป่วยไข้ต้องไปหาหมอ (เข้าอู่) เวลาเขาตัวเลอะก็ต้องพาไปอาบน้ำ และถ้าให้ไปขับคันอื่นนี่เศร้าเลยนะคะ คริสเคยเอารถคุณแม่มาขับครั้งหนึ่งเพราะรถเข้าอู่ รู้สึกแย่มากในวันนั้น จากที่เป็นคนขับรถค่อนข้างเร็ว กลายเป็นขับช้าไปเลย คือมันไม่มั่นใจ"
ถ้าถามถึงประสบการณ์ดีๆของเธอในการขับรถคริสบอกว่าไม่ค่อยมี ส่วนที่ไม่ดีนั้นมีครั้งหนึ่งขับรถกลับจากพัทยาเส้นทางมอเตอร์เวย์ ด้วยความที่รีบเลยแซงซ้ายพอดีล้อข้างหนึ่งตกไหล่ทาง เธอจึงหักพวงมาลัยหลบทำให้รถหมุนอยู่หลายรอบ จนกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีปรากฎว่ามองเห็นรถสิบล้อวิ่งผ่านไป
"คริสโชคดีมากตอนที่รถหมุนไม่มีรถคันอื่นตามมาเลย ถนนโล่งเลยรอด แต่อีกแค่เสี้ยววินาทีหนึ่งถ้าช้ากว่านี้ต้องถูกรถสิบล้อชนแน่นอน หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทำเอาหลอน ๆ ไปพอสมควร คิดได้ว่าเราไม่น่ารีบร้อนเลยและอยากเตือนคนขับรถทุกคนว่าความปลอยภัยต้องมาก่อน บางคนชอบทำอะไรตามใจตัวเอง อยากจะเลี้ยวก็เลี้ยวเลย ไม่แคร์รถข้างหลัง คงเป็นความง่าย ๆ ของคนไทยส่วนหนึ่งแหละ บวกกับสังคมเราเป็นแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ทำให้ขาดความมีระเบียบวินัยกันไป รถเลยติดทุกวัน"
เห็นเล่าเรื่องรถยนต์อยากสนุกสนานแล้วเราก็ไม่พลาดที่จะถามคริสว่า “รถในฝัน” ของเธอเป็นรถแบบไหน เธอก็ตอบทันทีว่า “ ปอร์เช่” ขอสีดำเท่านั้น ด้วยความที่ตัวเองชอบรถสีนี้และทุกคนในครอบครัวใช้รถสีเดียวกันหมด แต่ถ้าถามว่าอยากให้ใครมานั่งข้างๆนั้นสาวคริสตอบว่า "ไม่อยากให้ใครมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถหรอกค่ะเพราะไม่อยากขับรถให้ใคร แต่อยากจะชวนไปขึ้นรถไฟฟ้าดีกว่าทั้งสะดวก รวดเร็ว แล้วก็ตรงเวลา"
นอกจากเรื่องของรถยนต์แล้วคริสบอกว่าเธอติดตามข่าวสารสำคัญๆตลอดเวลา ทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องการเมือง "ต้องทราบเลยค่ะ เพราะการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่ของคนเพศไหนแต่เป็นของทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ชีวิตดีหรือแย่ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องการเมือง อย่างคริสติดตามข่าวสารอยู่ตลอด ถึงแม้จะไม่ได้ติดตามแบบละเอียดแต่ก็พอตอบได้ว่าอะไรเป็นอะไร"
ถึงบทบาทในภาพยนตร์เธอคือหญิงสาวที่เฝ้ารอความรัก แต่โลกของความเป็นจริง คริส มีพระเอกในใจแล้ว พร้อมบอกว่าผู้ชายที่เธอเลือก เธอไม่สนหน้าตาหรือฐานะ แค่เป็นคนดีสำหรับเรา อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ทำให้เราหัวเราะได้ ทำให้เรามีความสุข หลายคนคิดว่าอยากมีคนพึ่งพาไปตลอดชีวิต แต่ถ้าผู้ชายรวยแล้วไม่รักเรา เจ้าชู้ไม่ดูแลแถมทิ้งขว้าง...แล้วจะมีไปทำไม