เดลิเมล์ – รถแข่งสูตร 3 ที่บางส่วนสร้างจากพืชผัก และเติมพลังงานด้วยขยะจากโรงงานช็อกโกแลต เตรียมลงประชันความเร็วกลางเดือนหน้า ภายใต้คอนเซ็ปท์รถเพื่อสิ่งแวดล้อมไม่จำเป็นต้องน่าเบื่อเสมอไป และในทางกลับกันรถแข่งก็สามารถเป็นยานพาหนะเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมได้
คาดว่า ‘เวิลด์เฟิร์สต์’ จะเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 217 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อลงแข่งในสนามแบรนด์ส แฮตช์ของอังกฤษ
รถแข่งสูตร 3 คันนี้สร้างจากโครงรถเก่า ขวดพลาสติก ซากเครื่องบิน พวงมาลัยทำจากเส้นใยแครอท และใช้พลังงานไบโอดีเซลจากกากช็อกโกแลตและตะกอนไวน์
ทีมผู้สร้างจากมหาวิทยาลัยวอร์วิก ประเทศอังกฤษ อวดอ้างว่าถึงจะเป็นรถเพื่อสิ่งแวดล้อม แต่เวิลด์เฟิร์สต์สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาไม่ถึง 2 วินาทีครึ่ง
ดร.เคอร์รี เคอร์แวน ผู้นำโครงการ บอกว่าเวิลด์เฟิร์สต์เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารถ ‘สีเขียว’ ไม่จำเป็นต้องน่าเบื่อเสมอไป
“เราคงผิดหวังมากถ้าเวิดล์เฟิร์สต์ออกมาไม่ดี เราเชื่อว่านี่เป็นรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแสดล้อมมากที่สุด เพราะเป็นรถคันแรกที่ผลิตจากเศษซากวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ วัสดุธรรมชาติ และมีสมรรถนะเทียบเท่ารถแข่งสูตร 3
“และเราหวังว่าโครงการนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้นักวิจัยและวิศวกรรุ่นต่อไป”
ตัวรถส่วนใหญ่ที่เป็นเส้นใยคาร์บอนได้มาจากซากเครื่องบิน ขวดน้ำพลาสติก ส่วนพวงมาลัยมาจากกากแครอท
เส้นใยเล็กมากที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้มาจากกากแครอทที่เหลือจากการคั้นน้ำและนำมาผสมรวมกันด้วยเรซินก่อนเทลงแม่พิมพ์แกะออกมาเป็นพวงมาลัย
เวิลด์เฟิร์สต์ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2 ลิตร 230 แรงม้าของบีเอ็มดับบลิวที่ดัดแปลงเพื่อให้สามารถใช้ไบโอดีเซลที่ผลิตจากตะกอนไวน์และขยะจากโรงงานช็อกโกแลต
ที่นั่งคนขับและโครงรถรีไซเคิลมาจากรถแข่งสูตร 3 อย่างไรก็ตาม ภายใต้กฎการแข่งรถ ส่วนของยางต้องเป็นยางรถยนต์ที่ใช้กันทั่วไปเท่านั้น
ทีมนักประดิษฐ์ยังอวดว่าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของรถคันนี้ทำจากวัสดุรีไซเคิลหรือซากพืช และเมื่อวิ่งด้วยไบโอดีเซลจะมี ‘คาร์บอนสมดุล’ อย่างสมบูรณ์
กระนั้น เวิดล์เฟิรสต์สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 217 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือในอนาคตอาจไปได้ถึง 273 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งได้ 56 กิโลเมตรต่อน้ำมันหนึ่งแกลลอน หนัก 550 กิโลกรัม ราคา 500,000 ปอนด์
เวิลด์เฟิร์สต์จะลงสนามประลองความเร็วครั้งแรกวันที่ 17 เดือนหน้าที่สนามแบรนด์ส แฮตช์ แข่งกับรถแข่งสูตร 3 อีก 22 คัน
ดร.เคอร์วินสำทับว่า เวิลด์เฟิร์สต์เป็นความพยายามที่ต้องการแสดงให้เห็นว่ารถแข่งที่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกลียดนักหนา สามารถเป็นยานพาหนะที่ยั่งยืนได้
“ในทางกลับกัน รถเพื่อสิ่งแวดล้อมก็สามารถขับสนุก ไม่น่าเบื่อและเซ็กซี่ได้เหมือนกัน”
คาดว่า ‘เวิลด์เฟิร์สต์’ จะเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 217 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อลงแข่งในสนามแบรนด์ส แฮตช์ของอังกฤษ
รถแข่งสูตร 3 คันนี้สร้างจากโครงรถเก่า ขวดพลาสติก ซากเครื่องบิน พวงมาลัยทำจากเส้นใยแครอท และใช้พลังงานไบโอดีเซลจากกากช็อกโกแลตและตะกอนไวน์
ทีมผู้สร้างจากมหาวิทยาลัยวอร์วิก ประเทศอังกฤษ อวดอ้างว่าถึงจะเป็นรถเพื่อสิ่งแวดล้อม แต่เวิลด์เฟิร์สต์สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาไม่ถึง 2 วินาทีครึ่ง
ดร.เคอร์รี เคอร์แวน ผู้นำโครงการ บอกว่าเวิลด์เฟิร์สต์เป็นเครื่องพิสูจน์ว่ารถ ‘สีเขียว’ ไม่จำเป็นต้องน่าเบื่อเสมอไป
“เราคงผิดหวังมากถ้าเวิดล์เฟิร์สต์ออกมาไม่ดี เราเชื่อว่านี่เป็นรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแสดล้อมมากที่สุด เพราะเป็นรถคันแรกที่ผลิตจากเศษซากวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ วัสดุธรรมชาติ และมีสมรรถนะเทียบเท่ารถแข่งสูตร 3
“และเราหวังว่าโครงการนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้นักวิจัยและวิศวกรรุ่นต่อไป”
ตัวรถส่วนใหญ่ที่เป็นเส้นใยคาร์บอนได้มาจากซากเครื่องบิน ขวดน้ำพลาสติก ส่วนพวงมาลัยมาจากกากแครอท
เส้นใยเล็กมากที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้มาจากกากแครอทที่เหลือจากการคั้นน้ำและนำมาผสมรวมกันด้วยเรซินก่อนเทลงแม่พิมพ์แกะออกมาเป็นพวงมาลัย
เวิลด์เฟิร์สต์ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2 ลิตร 230 แรงม้าของบีเอ็มดับบลิวที่ดัดแปลงเพื่อให้สามารถใช้ไบโอดีเซลที่ผลิตจากตะกอนไวน์และขยะจากโรงงานช็อกโกแลต
ที่นั่งคนขับและโครงรถรีไซเคิลมาจากรถแข่งสูตร 3 อย่างไรก็ตาม ภายใต้กฎการแข่งรถ ส่วนของยางต้องเป็นยางรถยนต์ที่ใช้กันทั่วไปเท่านั้น
ทีมนักประดิษฐ์ยังอวดว่าอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของรถคันนี้ทำจากวัสดุรีไซเคิลหรือซากพืช และเมื่อวิ่งด้วยไบโอดีเซลจะมี ‘คาร์บอนสมดุล’ อย่างสมบูรณ์
กระนั้น เวิดล์เฟิรสต์สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 217 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือในอนาคตอาจไปได้ถึง 273 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งได้ 56 กิโลเมตรต่อน้ำมันหนึ่งแกลลอน หนัก 550 กิโลกรัม ราคา 500,000 ปอนด์
เวิลด์เฟิร์สต์จะลงสนามประลองความเร็วครั้งแรกวันที่ 17 เดือนหน้าที่สนามแบรนด์ส แฮตช์ แข่งกับรถแข่งสูตร 3 อีก 22 คัน
ดร.เคอร์วินสำทับว่า เวิลด์เฟิร์สต์เป็นความพยายามที่ต้องการแสดงให้เห็นว่ารถแข่งที่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกลียดนักหนา สามารถเป็นยานพาหนะที่ยั่งยืนได้
“ในทางกลับกัน รถเพื่อสิ่งแวดล้อมก็สามารถขับสนุก ไม่น่าเบื่อและเซ็กซี่ได้เหมือนกัน”