ค่ายเอเอเอสฯ เจ้าของแบรนด์ “ปอร์เช่-จากัวร์” ในไทย ฮึดชนกับเกรย์มาร์เก็ต ที่กำลังเปิดเกมแข่งเดือด! เตือนลูกค้าระวังซื้อรถไม่สมบูรณ์ สเปกและโปรแกรมทำงานไม่ตรงกับตลาดไทย ทำให้เกิดปัญหาเวลาในงาน แถมยังได้รับแรงหนุนจากบริษัทแม่ ยกขบวนทัพรถพันธุ์แรงและหรู มายั่วบรรดาเศรษฐีไทยที่ยังกระเป๋าตุง แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวก็ตาม ประกาศปีหน้าเปิดตัวรถปอร์เช่ 5 รุ่นใหม่ เริ่มตั้งแต่ 911 สปอร์ตคลาสสิค, 911 เทอร์โบ, 911 จีที3 อาร์เอส, คาร์เยน จีทีเอส และพานาเมร่า เครื่องยนต์วี6 ขณะที่จากัวร์ไม่น้อยหน้า ต้นปีส่งไฮไลต์ “เอ็กซ์เจ” โฉมใหม่ ราคา 14.15 ล้านบาท มาท้าชนกับบีเอ็มดับเบิลยู ซี่รี่ส์ 7 และเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส
ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก จากบรรดาเหล่าผู้บริหารและซีอีโอแถวหน้าของไทย ตลอดจนเซเลบริตี้ ดารา และกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของรถสปอร์ตอย่างคับคั่ง ในงานเปิดตัว “ปอร์เช่ พานาเมร่า” เป็นทางการในเมืองไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และจึงไม่แปลกที่สปอร์ตซีดาน 4 ประตูรุ่นนี้ จะมียอดจอง 12 คัน ทะลุโควต้าที่ได้รับจากบริษัทแม่ไปแล้ว ทำให้เป้าหมายยอดขายรวมปอร์เช่ปีนี้ 60 คัน นับเป็นเรื่องเล็กจนต้องมองข้ามไปถึงปีหน้าแล้ว เช่นเดียวกับรถหรู “จากัวร์” ที่บริหารงานภายใต้กลุ่มเอเอเอสฯ ของตระกูล “อินทรภูวศักดิ์” เช่นกัน
“ปัจจุบันมียอดขายปอร์เช่ 42 คัน คาดว่าถึงสิ้นปีน่าจะบรรลุเป้า 60 คันแน่นอน ส่วนปีหน้าตั้งเป้าไว้ไม่ต่ำกว่า 80 คัน เพราะจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ แนะนำสู่ตลาดอีก 5 รุ่น จากปัจจุบันที่มีเพียงรุ่นบ็อกซ์เตอร์ เคย์เมน และล่าสุดเพิ่งเปิดตัวรุ่นพานาเมร่า เช่นเดียวกับจากัวร์น่าจะทำยอดขายไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว 40 คัน และปีหน้าก็จะมีการเปิดตัวรถใหม่สู่ตลาดเช่นกัน จึงเชื่อว่าจะช่วยทำให้สามารถยอดขายเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกัน”
วุฒิศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ กรรมการบริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถหรูยี่ห้อปอร์เช่ จากัวร์ และเบนท์ลี่ย์ กล่าวและว่า ส่วนเบนท์ลีย์ปีนี้ทำได้ดีกว่าปีก่อนๆ มียอดส่งมอบแล้วถึง 12 คัน แต่ตัวเลขคงไม่สูงมากกว่านี้นัก เพราะเป็นรถยนต์ที่ผลิตตามสั่ง จึงค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร
“แม้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัว แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อเราท่าไหร่ เพราะฐานลูกค้าของรถยนต์ปอร์เช่ จากัวร์ และเบนท์ลีย์ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมาก ส่วนที่ส่งผลกระทบมากกว่า น่าจะเป็นการแข่งขันที่รุนแรงของผู้นำเข้าอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต ไม่ว่าจะเป็นปอร์เช่ และโดยเฉพาะรถยนต์จากัวร์”
อย่างไรก็ตาม บริษัทคงไม่ลงไปแข่งขันโดยตรง จะเน้นการดูแลและบริการลูกค้าเป็นสำคัญ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์จากเกรย์มาร์เก็ต พบว่ารถมักจะมีปัญหาอยู่บ่อยๆ จนต้องนำมาให้บริษัทดูแล เนื่องจากรถยนต์เหล่านี้จะไม่สมบูรณ์ เพราะได้มีการวางสเปคหรือใส่โปรแกรมที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ยกตัวอย่างเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง ในยุโรปจะเป็นเบนซินออกเทน 98 แต่ของไทยออกเทน 95 รถยนต์ที่เกรย์มาร์เก็ตนำเข้ามาขายจากภูมิภาคอื่น จึงไม่ได้เซ็ตให้ตรงกับตลาดในไทย ใช้ไปสักพักจึงมักจะเกิดปัญหาตามมา
ในส่วนของการแก้ปัญหาเรื่องเกรย์มาร์เก็ต วุฒิศักดิ์บอกว่า... “ปัจจุบันบริษัทแม่ก็รับทราบปัญหาดี จึงได้พยายามแก้ไขไม่ให้ผู้แทนจำหน่ายเสียเปรียบ เช่นแต่ก่อนเวลาเปิดตัวรถใหม่จะทยอยแนะนำเป็นภูมิภาค แต่ล่าสุดได้เปิดพร้อมกันหมด ทำให้ไม่มีเรื่องของระยะเวลามาเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบอีกต่อไป”
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ปีหน้า จะเห็นเอเอเอสฯ เตรียมยกทัพรถปอร์เช่ 5 รุ่นใหม่ บุกตลาดไทยต่อเนื่องตลอดทั้งปี เริ่มจาก “ปอร์เช่ 911 สปอร์ตคลาสสิค” ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นพิเศษที่ผลิตออกมาจำกัดเพียง 250 คันทั่วโลก และปัจจุบันได้มีการสั่งจองหมดแล้ว ซึ่งในจำนวนนั้นคนไทยจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของด้วย โดยกำหนดเปิดตัวขายประมาณต้นปีหน้า
ตามมาด้วยเอสยูวีหรู “ปอร์เช่ คาเยน จีทีเอส”รุ่นพิเศษ ที่จะนำเข้ามายั่วเศรษฐีกระเป๋าหนักที่ชื่นชอบความแตกต่าง จากนั้นจะเป็น “ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ” ที่พกพาความแรงมาเต็มพิกัด 500 แรงม้า มาให้เฆี่ยนแบบสุดๆ หรือใครที่ชื่นชอบสไตล์จีที เตรียมต้อนรับกับ “ปอร์เช่ 911 จีที3 อาร์เอส” ที่จะตามมาติดๆ หลังจากเปิดตัวในตลาดโลกไม่นาน
จากนั้นช่วงส่งท้ายปลายปีหน้า จะเป็นการเสริมทางเลือกให้กับสปอร์ตซีดานสุดฮ็อต “ปอร์เช่ พานาเมร่า” ตัวเล็กวางเครื่องยนต์ วี6 ที่จะตามพี่ใหญ่ 3 รุ่น ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการล่าสุดในอีกไม่นาน ฉะนั้นหากใครที่เห็นว่ารุ่นปัจจุบันใหญ่ไป อดใจรอดูเขาขับโฉบเฉี่ยวสักพักก่อน ไม่เกินปลายปีหน้าได้สัมผัสแน่นอน
สำหรับทางด้าน “จากัวร์” แม้จะไม่ได้มาเป็นกองทัพเช่นปอร์เช่ แต่สิ่งที่จะนำมาบุกตลาดรถหรูไทย ถือเป็นไฮไลต์ทีเดียว เพราะเป็นโฉมใหม่ของ “จากัวร์ เอ็กซ์เจ” ที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดโลกไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ละถือเป็นโมเดลใหม่รุ่นแรกที่จากัวร์ส่งทำตลาด ภายใต้เจ้าของใหม่ “ทาทา มอเตอร์” แห่งประเทศอินเดีย
XJ ใหม่มาพร้อมกับรหัสตัวถัง XK351 ที่ได้รับการการเติมความสปอร์ตลงบนความหรูหรา เพื่อประกบกับคู่ปรับสำคัญอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7, เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส และออดี้ เอ8 ที่สำคัญจากัวร์ใช้อะลูมิเนียมในการผลิตโครงสร้างและชิ้นส่วนตัวถัง ซึ่งทำให้ XJ ใหม่มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นเดิม 150 กิโลกรัม ส่งผลต่อทั้งในเรื่องสมรรถนะการขับเคลื่อน และความประหยัดน้ำมัน
ในช่วงแรกของการทำตลาดมีเครื่องยนต์ 3 บล็อก แต่ 4 ทางเลือก ในรุ่นเบนซินเริ่มต้นกับรหัส AJ-V8 GEN III ซึ่งเป็นแบบวี8 ทวินแคม 32 วาล์ว 5,200 ซีซี 385 แรงม้า แต่หากยังไม่เร้าใจก็ต้องสัมผัสกับเวอร์ชันซูเปอร์ชาร์จที่ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกัน และมีให้เลือก 2 ระดับกำลังขับเคลื่อน คือ 470 และ 510 แรงม้า และสุดท้ายส่วนเทอร์โบดีเซลในรหัส AJ-V6D GEN III แบบวี6 3,000 ซีซี 275 แรงม้า
สำหรับเมืองจะเปิดตัวเครื่องยนต์เบนซินก่อนช่วงต้นปี จากนั้นจึงจะตามมาด้วยรุ่นเคื่องยนต์ดีเซล ส่วนสนนราคาคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 14-15 ล้านบาท
...ทีนี้ก็อยู่ที่บรรดาท่านๆ เศรษฐีกระเป๋าตุงในไทย จะชื่นชอบแบบไหน และกล้าควักเท่าไหร่? เพราะทั้ง “ปอร์เช่” และ “จากัวร์” เปิดบัญชีแบงก์ไว้รอตั้งแต่ปีนี้แล้ว
ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก จากบรรดาเหล่าผู้บริหารและซีอีโอแถวหน้าของไทย ตลอดจนเซเลบริตี้ ดารา และกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของรถสปอร์ตอย่างคับคั่ง ในงานเปิดตัว “ปอร์เช่ พานาเมร่า” เป็นทางการในเมืองไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และจึงไม่แปลกที่สปอร์ตซีดาน 4 ประตูรุ่นนี้ จะมียอดจอง 12 คัน ทะลุโควต้าที่ได้รับจากบริษัทแม่ไปแล้ว ทำให้เป้าหมายยอดขายรวมปอร์เช่ปีนี้ 60 คัน นับเป็นเรื่องเล็กจนต้องมองข้ามไปถึงปีหน้าแล้ว เช่นเดียวกับรถหรู “จากัวร์” ที่บริหารงานภายใต้กลุ่มเอเอเอสฯ ของตระกูล “อินทรภูวศักดิ์” เช่นกัน
“ปัจจุบันมียอดขายปอร์เช่ 42 คัน คาดว่าถึงสิ้นปีน่าจะบรรลุเป้า 60 คันแน่นอน ส่วนปีหน้าตั้งเป้าไว้ไม่ต่ำกว่า 80 คัน เพราะจะมีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ แนะนำสู่ตลาดอีก 5 รุ่น จากปัจจุบันที่มีเพียงรุ่นบ็อกซ์เตอร์ เคย์เมน และล่าสุดเพิ่งเปิดตัวรุ่นพานาเมร่า เช่นเดียวกับจากัวร์น่าจะทำยอดขายไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว 40 คัน และปีหน้าก็จะมีการเปิดตัวรถใหม่สู่ตลาดเช่นกัน จึงเชื่อว่าจะช่วยทำให้สามารถยอดขายเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกัน”
วุฒิศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ กรรมการบริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถหรูยี่ห้อปอร์เช่ จากัวร์ และเบนท์ลี่ย์ กล่าวและว่า ส่วนเบนท์ลีย์ปีนี้ทำได้ดีกว่าปีก่อนๆ มียอดส่งมอบแล้วถึง 12 คัน แต่ตัวเลขคงไม่สูงมากกว่านี้นัก เพราะเป็นรถยนต์ที่ผลิตตามสั่ง จึงค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร
“แม้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัว แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อเราท่าไหร่ เพราะฐานลูกค้าของรถยนต์ปอร์เช่ จากัวร์ และเบนท์ลีย์ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมาก ส่วนที่ส่งผลกระทบมากกว่า น่าจะเป็นการแข่งขันที่รุนแรงของผู้นำเข้าอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ต ไม่ว่าจะเป็นปอร์เช่ และโดยเฉพาะรถยนต์จากัวร์”
อย่างไรก็ตาม บริษัทคงไม่ลงไปแข่งขันโดยตรง จะเน้นการดูแลและบริการลูกค้าเป็นสำคัญ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์จากเกรย์มาร์เก็ต พบว่ารถมักจะมีปัญหาอยู่บ่อยๆ จนต้องนำมาให้บริษัทดูแล เนื่องจากรถยนต์เหล่านี้จะไม่สมบูรณ์ เพราะได้มีการวางสเปคหรือใส่โปรแกรมที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ยกตัวอย่างเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง ในยุโรปจะเป็นเบนซินออกเทน 98 แต่ของไทยออกเทน 95 รถยนต์ที่เกรย์มาร์เก็ตนำเข้ามาขายจากภูมิภาคอื่น จึงไม่ได้เซ็ตให้ตรงกับตลาดในไทย ใช้ไปสักพักจึงมักจะเกิดปัญหาตามมา
ในส่วนของการแก้ปัญหาเรื่องเกรย์มาร์เก็ต วุฒิศักดิ์บอกว่า... “ปัจจุบันบริษัทแม่ก็รับทราบปัญหาดี จึงได้พยายามแก้ไขไม่ให้ผู้แทนจำหน่ายเสียเปรียบ เช่นแต่ก่อนเวลาเปิดตัวรถใหม่จะทยอยแนะนำเป็นภูมิภาค แต่ล่าสุดได้เปิดพร้อมกันหมด ทำให้ไม่มีเรื่องของระยะเวลามาเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบอีกต่อไป”
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ปีหน้า จะเห็นเอเอเอสฯ เตรียมยกทัพรถปอร์เช่ 5 รุ่นใหม่ บุกตลาดไทยต่อเนื่องตลอดทั้งปี เริ่มจาก “ปอร์เช่ 911 สปอร์ตคลาสสิค” ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นพิเศษที่ผลิตออกมาจำกัดเพียง 250 คันทั่วโลก และปัจจุบันได้มีการสั่งจองหมดแล้ว ซึ่งในจำนวนนั้นคนไทยจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของด้วย โดยกำหนดเปิดตัวขายประมาณต้นปีหน้า
ตามมาด้วยเอสยูวีหรู “ปอร์เช่ คาเยน จีทีเอส”รุ่นพิเศษ ที่จะนำเข้ามายั่วเศรษฐีกระเป๋าหนักที่ชื่นชอบความแตกต่าง จากนั้นจะเป็น “ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ” ที่พกพาความแรงมาเต็มพิกัด 500 แรงม้า มาให้เฆี่ยนแบบสุดๆ หรือใครที่ชื่นชอบสไตล์จีที เตรียมต้อนรับกับ “ปอร์เช่ 911 จีที3 อาร์เอส” ที่จะตามมาติดๆ หลังจากเปิดตัวในตลาดโลกไม่นาน
จากนั้นช่วงส่งท้ายปลายปีหน้า จะเป็นการเสริมทางเลือกให้กับสปอร์ตซีดานสุดฮ็อต “ปอร์เช่ พานาเมร่า” ตัวเล็กวางเครื่องยนต์ วี6 ที่จะตามพี่ใหญ่ 3 รุ่น ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการล่าสุดในอีกไม่นาน ฉะนั้นหากใครที่เห็นว่ารุ่นปัจจุบันใหญ่ไป อดใจรอดูเขาขับโฉบเฉี่ยวสักพักก่อน ไม่เกินปลายปีหน้าได้สัมผัสแน่นอน
สำหรับทางด้าน “จากัวร์” แม้จะไม่ได้มาเป็นกองทัพเช่นปอร์เช่ แต่สิ่งที่จะนำมาบุกตลาดรถหรูไทย ถือเป็นไฮไลต์ทีเดียว เพราะเป็นโฉมใหม่ของ “จากัวร์ เอ็กซ์เจ” ที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดโลกไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ละถือเป็นโมเดลใหม่รุ่นแรกที่จากัวร์ส่งทำตลาด ภายใต้เจ้าของใหม่ “ทาทา มอเตอร์” แห่งประเทศอินเดีย
XJ ใหม่มาพร้อมกับรหัสตัวถัง XK351 ที่ได้รับการการเติมความสปอร์ตลงบนความหรูหรา เพื่อประกบกับคู่ปรับสำคัญอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7, เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส และออดี้ เอ8 ที่สำคัญจากัวร์ใช้อะลูมิเนียมในการผลิตโครงสร้างและชิ้นส่วนตัวถัง ซึ่งทำให้ XJ ใหม่มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นเดิม 150 กิโลกรัม ส่งผลต่อทั้งในเรื่องสมรรถนะการขับเคลื่อน และความประหยัดน้ำมัน
ในช่วงแรกของการทำตลาดมีเครื่องยนต์ 3 บล็อก แต่ 4 ทางเลือก ในรุ่นเบนซินเริ่มต้นกับรหัส AJ-V8 GEN III ซึ่งเป็นแบบวี8 ทวินแคม 32 วาล์ว 5,200 ซีซี 385 แรงม้า แต่หากยังไม่เร้าใจก็ต้องสัมผัสกับเวอร์ชันซูเปอร์ชาร์จที่ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกัน และมีให้เลือก 2 ระดับกำลังขับเคลื่อน คือ 470 และ 510 แรงม้า และสุดท้ายส่วนเทอร์โบดีเซลในรหัส AJ-V6D GEN III แบบวี6 3,000 ซีซี 275 แรงม้า
สำหรับเมืองจะเปิดตัวเครื่องยนต์เบนซินก่อนช่วงต้นปี จากนั้นจึงจะตามมาด้วยรุ่นเคื่องยนต์ดีเซล ส่วนสนนราคาคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 14-15 ล้านบาท
...ทีนี้ก็อยู่ที่บรรดาท่านๆ เศรษฐีกระเป๋าตุงในไทย จะชื่นชอบแบบไหน และกล้าควักเท่าไหร่? เพราะทั้ง “ปอร์เช่” และ “จากัวร์” เปิดบัญชีแบงก์ไว้รอตั้งแต่ปีนี้แล้ว
