xs
xsm
sm
md
lg

อินเดียสั่งทาทาไทยตรึงสภาพคล่องรอเก๋งนาโนผงาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวในประเทศ - นายใหญ่จากอินเดีย ราวิ คานต์ นำทีมผู้บริหารระดับสูง เยือนไทยตรวจสถานการณ์ ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย หลังวิกฤตเศรษฐกิจกระหน่ำค่ายรถสะเทือนกันเป็นแถว มอบแนวทางรักษาสภาพคล่องทางการเงินไว้ให้ดี เน้นการบริหารจัดการต้นทุนไม่ให้สูง เพื่อรอการเติบโตในอนาคต ที่จะมีการรุกตลาดด้วยเก๋งเล็ก หรืออีโคคาร์ ขณะที่ผลการเช็คห้องเครื่องในไทยเป็นที่พอใจ โดยเฉพาะดีลเลอร์กว่า 30 รายปัจจุบัน ต่างมีกำไรกันถ้วนหน้า แต่เพื่อความเหมาะสม และทุกรายอยู่ได้อย่างมั่นคง ให้เพิ่มเครือข่ายทั่วประเทศรวมเป็น 40 รายเท่านั้น

ส่วนรถโมเดลใหม่จะไม่มีเปิดตัวในช่วงนี้ รวมถึงรถบรรทุกเล็ก เอช ซึ่งต้องชะลอออกไป ตามอินโดนีเซียที่เป็นตลาดหลัก แม้ไทยจะเป็นฝ่ายขึ้นไลน์ผลิตรถรุ่นนี้ก็ตาม ทำให้จากนี้ไป 1-2 ปี จะมีเพียงรถทำตลาดตัวเดียว ปิกอัพ ทาทา ซีนอน ที่ยอดขายขยับขึ้นเรื่อยๆ คาดน่าจะทะลุ 100 คันต่อเดือนภายในปีนี้ เพียงพอให้ดีลเลอร์อยู่ได้อย่างสบาย รอการมาของอีโคคาร์ที่ชัดเจนว่า จะเป็นการนำเก๋งเล็กที่สร้างความฮือฮาทั่วโลก ทาทา นาโน ยูโรป้า มาเป็นพื้นฐานในการพัฒนาและผลิต หวังให้คนที่หาเงินได้ 2-3 แสนบาท ไม่ต้องขี่มอเตอร์ไซค์อีกต่อไป
ราวิ คานต์
วิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างรุนแรง และแน่นอนไทยในฐานะเป็นฐานการผลิตสำคัญของค่ายรถยนต์จากทั่วโลก ย่อมต้องสั่นสะเทือนเช่นกัน ยิ่งค่าย ทาทา ที่เพิ่งโดดเข้ามาทำตลาดเพียงแค่ปีเดียว และยังลงหลักปักฐานอย่างจริงจังในไทย โดยลงทุนไปแล้วนับพันล้านบาท ในการขึ้นไลน์ผลิตรถยนต์ และยังมีโครงการต่างๆ ที่จะตามมาอีก ซึ่งไม่ได้วางตัวเป็นเพียงแค่ผู้นำเข้าและจำหน่ายเหมือนยี่ห้อน้องใหม่อื่นๆ ที่แห่เข้ามาทำตลาดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงน่าสนใจว่าในสภาวะเช่นนี้ค่ายรถยนต์จากแดนภารตะ จะมองอนาคตตัวเองในแผ่นดินสยามนี้เช่นไร?

จากความเคลื่อนไหวของค่ายรถยนต์ ทาทา ในประเทศไทย ล่าสุดผู้บริหารระดับสูงของทาทา มอเตอร์ส ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย โดยการนำของ นายราวิ คานต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศอินเดีย) และกรรมการบริหาร บริษัท จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ (ประเทศอังกฤษ) ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและรับฟังสถานการณ์ของทาทาในไทย พร้อมกับมอบแนวทางการดำเนินงานให้ปฏิบัติ เพื่อสู้กับสภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น

นายคานต์และผู้บริหารจากอินเดีย เดินทางมาไทยเพื่อประชุมร่วมกับบอร์ดบริหารทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ซึ่งจะมีการประชุมทุกๆ ไตรมาส เพียงแต่ครั้งนี้สลับมาที่ไทย เพราะทาทาในประเทศไทยมีผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยด้วยเช่นกัน นั่นคือกลุ่มธนบุรีประกอบรถยนต์ ซึ่งการประชุมก็เพื่อรับฟังสถานการณ์ และติดตามผลการดำเนินงานของทาทาในไทย พร้อมกับให้แนวทางดำเนินธุรกิจ สำหรับการฝ่าฟันสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้

นั่นคือรายงานข่าวจากบริษัท ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด และยังได้ระบุอีกว่า สิ่งสำคัญที่นายคานต์เน้นให้ทาทาในไทย พยายามดำเนินการอย่างเคร่งครัด คือ ในสภาวะเช่นนี้ไม่ต้องมุ่งหรือหวังเรื่องกำไร แต่จะต้องรักษาสภาพคล่องทางการเงินเอาไว้ให้ดีที่สุด เพื่อรอการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต
ทาทา ซีนอน
ส่วนการดำเนินงานของทาทาในไทยช่วงที่ผ่านมา เมื่อนายคานต์ได้รับฟังรายงานค่อนข้างพอใจมาก ไม่ว่าจะเป็นการขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย หรือการดูแลลูกค้า และที่สำคัญการรักษาสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งอยู่ในระดับเป็นที่น่าพอใจมาก

ความสำเร็จสำคัญของทาทาในไทย คือสามารถทำให้ตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ ที่มีปัจจุบันประมาณ 30 ราย ไม่ประสบปัญหาทางการเงิน ซึ่งแม้ทาทาจะเพิ่งเริ่มทำตลาดมียอดขายไม่มาก แต่ดีลเลอร์สามารถอยู่ได้ และส่วนใหญ่มีผลกำไรในทางที่ดี ตรงนี้ทำให้นายคานต์พอใจมาก

สำหรับกลยุทธ์การบริหารงานที่ประสบผลสำเร็จเช่นนี้ อยู่ที่การดำเนินธุรกิจที่ไม่ทำให้มีต้นทุนสูง จะเห็นว่าดีลเลอร์ของทาทาไม่ต้องลงทุนสร้างโชว์รูมหรูหรา อาจจะเป็นห้องแถว 3 ห้อง และด้านหลังมีพื้นที่รองรับการบริการหลังการขายได้ก็เพียงพอ ขณะที่สต็อกรถยนต์ก็มีการบริหารจัดการ เพื่อไม่ให้ดีลเลอร์แบกรับภาระมาก ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องภาระดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปัญหาหนักสุดของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในปัจจุบัน

ทาทาให้ความสำคัญกับเครือข่ายการขายเป็นอันดับแรก ซึ่งภายในสิ้นปีนี้เมื่อเปิดเพิ่มอีกประมาณ 10 แห่ง หรือมีทั้งหมด 40 แห่งทั่วประเทศ เราก็จะหยุดการขยายดีลเลอร์ เพื่อให้เกิดปริมาณที่เหมาะสม ดีลเลอร์สามารถอยู่ได้ไม่แข่งขันกันเอง และช่วงนี้จะเป็นการวางระบบบริการ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด เพื่อรองรับการรุกตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรืออีโคคาร์ ในช่วงปลายปี 2553 หรือต้นปี 2554 ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญในการรุกตลาดรถยนต์ไทยของทาทา จากนั้นจึงจะมาพิจารณาขยายดีลเลอร์อีกครั้ง

ดังนั้นในช่วง 1-2 ปีจากนี้ จะยังไม่มีรถยนต์โมเดลใหม่เข้ามาทำตลาด นอกจากปิกอัพ ทาทา ซีนอน ซึ่งปัจจุบันมีตอบสนองทั้งรุ่นใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล และรุ่นใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติ หรือ NGV โดยทาทาเปิดตัวปิกอัพซีนอนมาแล้วประมาณ 1 ปี เดิมตั้งเป้าหมายไว้ปีละเป็นพันคัน แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันตลาดปิกอัพในไทยตกลงมาก 30-40% จึงเป็นไปไม่ได้แน่นอน
ทาทา นาโน ยูโรป้า
อย่างไรก็ตามปัจจุบันยอดขายก็ปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดือนละกว่า 20 คัน ตอนนี้ก็อยู่ 60-70 คัน คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะปรับเพิ่มเป็นเดือนละ 100 คันแน่นอน และทางบริษัทแม่ทาทา มอเตอร์ส ประเทศอินเดียก็เข้าใจ จึงให้เราพยายามรักษาสภาพคล่องไว้ให้ดี เพื่อรอการมาของอีโคคาร์ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า

ด้านรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก ทาทา เอช (ACE) ซึ่งกำหนดเดิมจะเปิดตัวทำตลาดในไทยช่วงปลายปีนี้ จำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน เพราะอินโดนีเซียที่เป็นตลาดหลักของรถรุ่นนี้ ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงจำเป็นต้องชะลอแผนการทำตลาดออกไป แม้ไทยจะเป็นประเทศที่ขึ้นไลน์ผลิตรถรุ่นนี้ และเป็นฐานผลิตแห่งเดียวของทาทาในภูมิภาคอาเซียน แต่รถบรรทุกเล็กไม่ใช่สินค้าหลัก จึงต้องเลื่อนการเปิดตัวออกไปตามอินโดนีเซียด้วย

ส่วนรถยนต์อีโคคาร์ตามแผนจะขึ้นไลน์ผลิตปลายปี 2553 แต่ปัจจุบันต้องดูสถานการณ์ก่อน เพราะผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้บรรดาค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่ยื่นร่วมโครงการอีโคคาร์กับรัฐบาลไทย กำลังมีการทบทวนเกี่ยวกับเงื่อนไขแลกรับส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะเรื่องจะต้องมีกำลังการผลิต 1 แสนคันขึ้นไป ในปีที่ 5 ซึ่งสภาวะตลาดรถยนต์ตกต่ำเช่นนี้น่าจะเป็นเรื่องยาก และมีข่าวว่าค่ายรถญี่ปุ่นกำลังจะเสนอขอลดเงื่อนไขบางประการกับรัฐบาลไทยเร็วๆ นี้ ซึ่งตรงนี้ทำให้ทาทาจำเป็นต้องรอดูความชัดเจนเสียก่อน

ทั้งนี้อีโคคาร์ที่ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย จะพัฒนาและผลิตในประเทศไทย ตอนนี้ชัดเจนว่าน่าจะใช้พื้นฐานของรถยนต์ที่เปิดตัวฮือฮาไปทั่วโลก ทาทา นาโน มาเป็นพื้นฐานในการผลิต แต่จะเป็นการพัฒนาจาก ทาทา นาโน ยูโรป้า (Tata Nano Europa) ซึ่งเป็นโมเดลที่พัฒนาขึ้นมารองรับการทำตลาดในกลุ่มประเทศยุโรป และได้มีการเผยโฉมรุ่นต้นแบบ ไปในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

สำหรับทาทา นาโน ยูโรป้า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยมีการปรับรูปลักษณ์และอุปกรณ์ให้กับรถตอบสนองการใช้งานของคนยุโรป ทั้งเรื่องเครื่องยนต์ที่เป็นแบบ 3 สูบ จากเดิมแบบ 2 สูบ 623 ซีซี เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัย และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย ไม่ใช่เพียงแค่วิ่งได้เหมือนในอินเดีย และราคาจำหน่ายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4,500 ยูโร หรือเกือบ 200,000 รูปี จากรุ่นนาโนที่ขายในอินเดียปัจจุบัน 100,000 รูปี หรือประมาณ 80,000 บาท โดยนาโน ยูโรป้า คาดว่าจะเปิดตัวทำตลาดปี 2554 ช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกับอีโคคาร์ของไทย

ฉะนั้นชาวไทยที่พอหาเงินกว่า 200,000 บาทได้ นับจากนี้ไปอีกไม่เกิน 2 ปี ไม่จำเป็นต้องขี่มอเตอร์ไซค์อีกแล้ว!!

กำลังโหลดความคิดเห็น