xs
xsm
sm
md
lg

Aston Martin Rapide ซีดานผู้บริหารมาดสปอร์ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จากต้นแบบที่เปิดตัวเมื่อปี 2006 ในที่สุดแอสตัน มาร์ติน แบรนด์รถสปอร์ตสัญชาติอังกฤษ ก็สานฝันในการพัฒนารถยนต์ 4 ประตูมาดสปอร์ตออกมาทำตลาดจนได้ โดยเปิดตัวรุ่น “ราปิด” ออกมาในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา และพร้อมขายในตลาดทั่วโลกตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

โปรเจ็กต์ “ราปิด” ของแอสตัน มาร์ตินถูกเปิดตัวออกมาตั้งแต่ในยุคที่อยู่ในร่มเงาของฟอร์ด แต่จากการที่กิจการของแอสตัน มาร์ตินถูกขายให้กับกลุ่มนายทุนในอังกฤษ ทำให้โครงการนี้ได้รับผลกระทบเล็กน้อย จนเกิดอาการสะดุดในการพัฒนา และมีข่าวว่าอาจจะแท้ง แต่สุดท้ายแอสตัน มาร์ตินก็สานต่อจนกลายเป็นจริงขึ้นมา

ราปิด มากับตัวถัง 4 ประตูมาดสปอร์ต พร้อมประตูที่เปิดเฉียงขึ้นในลักษณะที่เรียกว่าปีกหงส์ หรือ Swan Wing ขณะที่ตัวรถได้รับการพัฒนาบนพื้นตัวถังแบบ VH หรือ Vertical Horizontal ของแอสตัน มาร์ติน ซึ่งกลายเป็นพื้นตัวถังสารพัดประโยชน์เพราะใช้ในการผลิตรถสปอร์ตตั้งแต่รุ่นเล็กอย่าง V8 Vantage ไปจนถึงรุ่นใหญ่ๆ อย่าง DB9 หรือ DBS

นอกจากความสวยและสปอร์ตตามแบบฉบับของแอสตัน มาร์ตินแล้ว ราปิดยังมาพร้อมประโยชน์ใช้สอยในระดับหนึ่ง ด้วยห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายที่มีความจุ 301 ลิตร และสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 750 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลงด้วยระบบไฟฟ้า ควบคุมด้วยปุ่มกด ไม่ต้องใช้ระบบกลไกให้เหนื่อยและเปลืองแรง


ขณะที่เครื่องยนต์ตอบสนองความเร้าใจในการขับอย่างแท้จริง ด้วยขุมพลังที่ยกชุดมาจาก DB9 และ DBS เป็นบล็อกวี12 ทวินแคม 48 วาล์ว 6,000 ซีซี ซึ่งได้รับการประกอบขึ้นมาด้วยมือ หรือ Hand-Built แต่ลดความดุดันจากที่วางอยู่ในรถสปอร์ตให้เหลือเพียง 470 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 61.14 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที

การส่งกำลังสู่ล้อหลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะพร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์เองที่เรียกว่า Touchtronic ซึ่งเป็นเจนเนอเรชันที่ 2 ได้รับการปรับปรุงให้มีการทำงานที่ฉับไว และแม่นยำสำหรับการถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ไปสู่การขับเคลื่อน โดยมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 5.1 วินาที


แน่นอนว่า ราปิด ถูกวางให้เป็นคู่ปรับของพอร์ช พานาเมอรา รวมถึงมาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้ และผู้ที่กำลังจะมาใหม่ซึ่งมีข่าวแว่วว่าผลิตขายจริงแน่อย่างออดี้ เอ7 และลัมบอร์กินี เอสโทก โดยคาดว่าค่าตัวน่าจะอยู่ราวๆ 260,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 9.1 ล้านบาท และไลน์ผลิตจะอยู่ที่โรงงานของ Magna Steyr ในเมืองกราซ ประเทศออสเตรีย ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 2,000 คันต่อปี


กำลังโหลดความคิดเห็น