xs
xsm
sm
md
lg

ฉลอง 20 ปี Mazda กับ MX-5 Superlight

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มาสด้าฉลอง 20 ปีในการทำตลาดนับจากมาสด้า MX-5 รุ่นแรกถูกเปิดตัวออกมาในปี 1989 ด้วยต้นแบบทรงสปีดสเตอร์สุดสปอร์ตที่เน้นความเบาของน้ำหนักตัวรถ และเปิดตัวในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 ด้วยชื่อ MX-5 Superlight


MX-5 เป็นชื่อที่ใช้ในการทำตลาดส่วนใหญ่ในโลก หรือจะเปลี่ยนมาเป็น Miata สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา และ Roadster ในตลาดญี่ปุ่น ถือเป็นสปอร์ตเปิดประทุนที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลกรุ่นหนึ่ง เพราะมีราคาไม่แพง น้ำหนักเบาและมีความคล่องตัวและความแม่นยำในการบังคับควบคุมรถที่ยอดเยี่ยม ขณะที่เครื่องยนต์สามารถตอบสนองการขับเคลื่อนได้ดีในระดับหนึ่ง

ตลอด 20 ปีที่อยู่ในตลาดและผ่านมาทั้งหมด 3 เจนเนอเรชัน MX-5 ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดย MX-5 คันที่ 250,000 ออกจากไลน์ผลิตในวันที่ 9 พฤศจิกายน 1992 หรือเพียง 3 ปีหลังการทำตลาด ตามด้วย คันที่ 500,000 ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1999 คันที่ 750,000 เดือนมีนาคม 2004 และคันที่ 800,000 เดือนมกราคม 2007 โดยที่รุ่นแรกในรหัส NA เป็นสายพันธุ์ที่มียอดขายมากที่สุด รวมแล้วเกิน 400,000 คันช่วงเกือบ 10 ปีที่ทำตลาด (1989-1997)

สำหรับต้นแบบรุ่นนี้เป็นผลงานของศูนย์วิจัยและพัฒนาของมาสด้าเมือง Oberursel ในประเทศเยอรมนี ซึ่งจัดการจับเอา MX-5 มาดัดแปลงให้กลายเป็นตัวแรงในแบบสปีดสเตอร์ 2 ที่นั่ง ซึ่งเน้นความเบาเป็นหลัก เพราะว่าตัวถังที่มีความยาว 4,020 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,330 มิลลิเมตร มีน้ำหนักเพียง 995 กิโลกรัมเท่านั้น

ตรงนี้เป็นเพราะการนำวัสดุที่มีน้ำหนักเบา เช่น อะลูมิเนียมมาใช้ในการผลิตตัวถังร่วมกับคาร์บอนไฟเบอร์ และอะไรที่ไม่จำเป็นสำหรับตัวรถก็ถูกตัดออกหมด เพื่อประโยชน์ในด้านการลดน้ำหนัก ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกออกแนวย้อนยุคและมีการตัดกระจกบังลมหน้าออกไปเหมือนกับรถแข่งรุ่นเก่าๆ โดยที่รายละเอียดด่านหน้าอิงสไตล์การออกแบบของเจนเนอเรชันที่ 3 หรือรหัส NC

เครื่องยนต์ที่วางอยู่ใต้ฝากระโปรงเป็นขุมพลัง MZR แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,800 ซีซี ไม่เน้นความแรงอะไรมากมาย แต่ใช้ประโยชน์จากความเบาเป็นตัวสร้างสมรรถนะ ซึ่งขุมพลังรุ่นนี้มีกำลังสูงสุด 126 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 17.0 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ

ระบบช่วงล่างเป็นแบบปีกนก 2 ชั้นที่ด้านหน้าและด้านหลังแบบมัลติลิงก์ โดยมีการเปลี่ยนโช้กอัพมาเป็นของ Bilstien ลดความสูงลงจากรุ่นปกติอีก 30 มิลลิเมตร จับคู่กับดิสก์เบรกขนาด 300 และ 280 มิลลิเมตรสำหรับด้านหน้าและหลัง

ส่วนล้อแม็กเป็นขนาด 17 นิ้วมาพร้อมกับยางขนาด 205/45R17 ทั้ง 4 ล้อ ซึ่งล้อชุดนี้มาจากรุ่น 2,000 ซีซี และทางมาสด้าเคลมว่าเป็นล้อไซส์ 17 นิ้วที่มีน้ำหนักเบาที่สุดสำหรับรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงาน เพราะต่อวงมีน้ำหนักต่ำกว่า 8 กิโลกรัม

งานนี้ไม่มีการผลิตออกขาย ส่วนใครที่อยากเห็นคันจริง คงต้องบินไปดูที่แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์



กำลังโหลดความคิดเห็น