xs
xsm
sm
md
lg

Lamborghini Reventon Roadster ภาคต่อตัวแรงไร้หลังคา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ยังเป็นเวทีหลักสำหรับค่ายลัมบอร์กินีแห่งโฟล์คสวาเกน เพราะทิ้งระยะเพียงแค่ 2 ปีหลังเปิดตัวซูเปอร์คาร์สุดแพงอย่าง Reventon ตัวถังคูเป้ พร้อมกับขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็วทั้ง 20 คัน คราวนี้มาถึงคิวของตัวถังเปิดประทุนในชื่อ Roadster จะออกอาละวาดบ้าง โดยจะเริ่มขายเดือนตุลาคมนี้ ด้วยจำนวนจำกัดเช่นเคย


Reventon ซึ่งเป็นภาษาสเปนและบางคนอ่านออกเสียงว่า ‘เรเบนตัน’ เป็นชื่อของวัวกระทิงตัวดุที่ปลิดชีวิตของมาทาดอร์ชื่อดังอย่างเฟลิกซ์ กัซแมนในปี 1943 และในภาษาสเปนเองคำนี้มีความหมายเดียวกับ ‘การระเบิด’ หรือ Explosion ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการสื่อให้เห็นถึงความร้อนแรงและพิเศษไม่เหมือนกันใครของซูเปอร์คาร์แบบลิมิเต็ดเอดิชันรุ่นนี้

สำหรับรุ่นเปิดประทุนก็ไม่ต่างจากตัวถังคูเป้ที่เปิดตัวในปี 2007 ตัวรถได้รับการพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ Murcielago LP640 แต่ออกแบบตัวถังใหม่ เน้นความสปอร์ตและดุดันตามแบบฉบับเครื่องบินขับไล่ และเบาแบบสุดๆ ด้วยการนำคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนตัวถังและวัสดุต่างๆ ในห้องโดยสาร

ตัวรถมากับความยาว 4,700 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,665 มิลลิเมตร กว้าง 2,058 มิลลิเมตร (ไม่ระบุว่ารวมกระจกมองข้างหรือไม่) ขณะที่น้ำหนักตัวรถเพิ่มขึ้นจากรุ่นคูเป้อีก 25 กิโลกรัมเป็น 1,690 กิโลกรัม เพราะว่าต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวถังโดยรวมซึ่งไม่มีหลังคาแข็งมาค่อยช่วยเสริมแรงหรือกระจายแรงที่ทำให้เกิดการบิดตัวที่เกิดขึ้นกับตัวถัง

แรงเร้าใจด้วยเครื่องยนต์วี12 ทวินแคม 48 วาล์ว 6,500 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน ที่รีดกำลังออกมาได้ 670 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 67.2 กก.-ม. ที่ 6,000 รอบ/นาที ใช้เวลาเพียง 3.4 วินาทีในการทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และความเร็วสูงสุด 330 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ส่วนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อตลอดเวลา ส่งกำลังจากเครื่องยนต์ในระดับไม่เกิน 35% ส่วนการขับเคลื่อนล้อหลังจะได้รับการถ่ายทอดกำลังไม่เกิน 65% และติดตั้งเกียร์ธรรมดาแบบคลัตช์ไฟฟ้า รุ่น eGear เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยผู้ขับสามารถเลือกตำแหน่งเกียร์ผ่านทางแป้น +/- ด้านหลังพวงมาลัย และแน่นอนว่าระบบเบรกมีการติดตั้งดิสก์เบรกคาร์บอนเซรามิกเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน ส่วนล้อแม็กอาจจะดูเล็กไปหน่อย เพราะเป็นขนาด 18 นิ้ว ด้านหน้าใช้งาน 245/35 และด้านหลังแบบ 335/30

การผลิตมีเพียง 20 คันเท่านั้น และจะเหลือเพียงแค่ 19 คันเท่านั้นสำหรับขาย เพราะว่าคันแรกจะถูกนำออกจัดแสดงและเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ของค่ายกระทิงดุ ส่วนราคายังไม่รวมภาษี ตั้งเอาไว้ที่ 1.1 ล้านยูโร หรือ 65 ล้านบาท

กำลังโหลดความคิดเห็น