แม้จะมีข่าวว่าโปรเจ็กต์ซีดาน 4 ประตู Estoque จะถูกล้มและเก็บเข้าลิ้นชักเพราะโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงาน แต่ทว่าลัมบอร์กินีก็ยังมีอะไรใหม่ๆ ออกมายั่วน้ำลายบรรดาสาวกทั่วโลกกันอย่างต่อเนื่อง และคราวนี้จัดการเผยโฉม 2 เวอร์ชันพิเศษของ Murcielago ออกมาทำตลาด รุ่นแรกเรียกว่า LP650-4 บนตัวถังโรดสเตอร์เปิดประทุน 2 ที่นั่งของ Murcielago ซึ่งจะมีการผลิตออกขายเพียง 50 คันเท่านั้น หมดแล้วหมดเลย ส่วนอีกรุ่นมากับตัวถังคูเป้สุดแรงในชื่อ LP670-4 Super Veloce
Murcielago เป็นสปอร์ตรุ่นใหญ่ของลัมบอร์กินี และถือเป็นผลผลิตแรกที่ถูกส่งออกมาทำตลาดภายใต้ยุคใหม่ที่มีออดี้นั่งคุมบังเหียน โดยชื่อรุ่นมีความหมายตามภาษาสเปนว่า ค้างคาว และเป็นชื่อวัวกระทิงสุดอึดในปี 1897 ซึ่งกว่าจะล้มได้ก็ต้องโดนมาธาดอร์แทงถึง 24 ครั้ง ส่วนการอ่านออกเสียงตามคำอธิบายของ Wikipedia นั้น อ่านได้ทั้ง moor-thee-EH-la-go สำหรับภาษาสเปนดั้งเดิม หรือ moor-see-EH-la-goh สำหรับภาษาสเปนสำเนียงละตินอเมริกา
เวอร์ชัน LP650-4 Roadster เป็นการเพิ่มความสวยสะดุดตาให้กับตัวแรงในรหัส LP640 บนตัวถังแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง พร้อมกับอัพเกรดเรี่ยวแรงเล็กน้อย เพื่อขยับตัวเลขของชื่อรุ่นขึ้นมาเป็น LP650 เรียกว่ามาเพื่อดึงเงินจากบัญชีของนักสะสมโดยแท้ สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นธรรมดา คือ สีตัวถังแบบพิเศษในสไตล์ทูโทน เป็นสีเทาสลับกับสีส้ม พร้อมกับเสริมหล่อด้วยแอโรพาร์ตรอบคัน พร้อมกับโลโก้พิเศษแปะอยู่บริเวณตัวถังด้านข้างตรงซุ้มล้อหน้า และใกล้ๆ กับห้องเครื่องยนต์ ส่วนภายในห้องโดยสารใช้ Alcantara Nera ในการหุ้มเบาะนั่งสำหรับผู้ขับและตกแต่งส่วนต่างๆ ภายในห้องโดยสาร ขณะที่เบาะนั่งฝั่งผู้โดยสารหุ้มหนังที่เรียกว่า Nero Perseus
เครื่องยนต์วี12 6,500 ซีซีซึ่งเปิดตัวออกมาพร้อมกับรหัส LP640 ของ Murcielago แรกเริ่มเดิมทีมีกำลังอยู่ที่ 640 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 67.2 กก.-ม. สำหรับในเวอร์ชันนี้มีการเพิ่มกำลังขึ้นมาเป็น 650 แรงม้า (LP650) โดยที่แรงบิดสูงสุดยังเท่าเดิม ซึ่ง 10 แรงม้าที่เพิ่มขึ้นมาทำให้อัตราเร่งในช่วง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงดีขึ้น 0.1 วินาที จากเดิม 3.5 วินาทีมาเป็น 3.4 วินาทีในรุ่นนี้ และมีความเร็วปลาย 330 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อีกทางเลือกเป็นรุ่น LP670-4 Super Veloce หรือเรียกสั้นๆ ว่า SV บนตัวถังคูเป้มาดสปอร์ต ตอบสนองความต้องการของนักขับเท้าหนักอย่างแท้จริง กับการเพิ่มความแรงให้กับเครื่องยนต์วี12 6,500 ซีซีจาก 640 แรงม้ามาเป็น 670 แรงม้า โดยที่มีแรงบิดเท่าเดิม แต่ลดน้ำหนักตัวถังลงอีก 100 กิโลกรัม ทำให้มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงดีขึ้น ใช้เวลา 3.2 วินาที ความเร็วปลาย 342 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้าติดตั้งชุด Aeropack Wing สปอยเลอร์หลังอันโตเพื่อเพิ่มแรงกด ตัวเลขจะลดลงมาอยู่ที่ 337 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ก็แลกกับการทรงตัวที่ดีขึ้นในย่านความเร็วสูง โดยทั้ง 2 รุ่นขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อตลอดเวลาและส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดาแบบคลัตช์ไฟฟ้าที่เรียกว่า E-Gear
สำหรับรุ่น LP650-4 Roadster มีการผลิตเพียง 50 คัน ขณะที่ LP670-4 Super Veloce ผลิตออกมามากหน่อย 350 คัน ส่วนราคายังไม่เปิดเผยออกมาในตอนนี้ แต่เชื่อว่าไม่ถูกอย่างแน่นอน
Murcielago เป็นสปอร์ตรุ่นใหญ่ของลัมบอร์กินี และถือเป็นผลผลิตแรกที่ถูกส่งออกมาทำตลาดภายใต้ยุคใหม่ที่มีออดี้นั่งคุมบังเหียน โดยชื่อรุ่นมีความหมายตามภาษาสเปนว่า ค้างคาว และเป็นชื่อวัวกระทิงสุดอึดในปี 1897 ซึ่งกว่าจะล้มได้ก็ต้องโดนมาธาดอร์แทงถึง 24 ครั้ง ส่วนการอ่านออกเสียงตามคำอธิบายของ Wikipedia นั้น อ่านได้ทั้ง moor-thee-EH-la-go สำหรับภาษาสเปนดั้งเดิม หรือ moor-see-EH-la-goh สำหรับภาษาสเปนสำเนียงละตินอเมริกา
เวอร์ชัน LP650-4 Roadster เป็นการเพิ่มความสวยสะดุดตาให้กับตัวแรงในรหัส LP640 บนตัวถังแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง พร้อมกับอัพเกรดเรี่ยวแรงเล็กน้อย เพื่อขยับตัวเลขของชื่อรุ่นขึ้นมาเป็น LP650 เรียกว่ามาเพื่อดึงเงินจากบัญชีของนักสะสมโดยแท้ สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นธรรมดา คือ สีตัวถังแบบพิเศษในสไตล์ทูโทน เป็นสีเทาสลับกับสีส้ม พร้อมกับเสริมหล่อด้วยแอโรพาร์ตรอบคัน พร้อมกับโลโก้พิเศษแปะอยู่บริเวณตัวถังด้านข้างตรงซุ้มล้อหน้า และใกล้ๆ กับห้องเครื่องยนต์ ส่วนภายในห้องโดยสารใช้ Alcantara Nera ในการหุ้มเบาะนั่งสำหรับผู้ขับและตกแต่งส่วนต่างๆ ภายในห้องโดยสาร ขณะที่เบาะนั่งฝั่งผู้โดยสารหุ้มหนังที่เรียกว่า Nero Perseus
เครื่องยนต์วี12 6,500 ซีซีซึ่งเปิดตัวออกมาพร้อมกับรหัส LP640 ของ Murcielago แรกเริ่มเดิมทีมีกำลังอยู่ที่ 640 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 67.2 กก.-ม. สำหรับในเวอร์ชันนี้มีการเพิ่มกำลังขึ้นมาเป็น 650 แรงม้า (LP650) โดยที่แรงบิดสูงสุดยังเท่าเดิม ซึ่ง 10 แรงม้าที่เพิ่มขึ้นมาทำให้อัตราเร่งในช่วง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงดีขึ้น 0.1 วินาที จากเดิม 3.5 วินาทีมาเป็น 3.4 วินาทีในรุ่นนี้ และมีความเร็วปลาย 330 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อีกทางเลือกเป็นรุ่น LP670-4 Super Veloce หรือเรียกสั้นๆ ว่า SV บนตัวถังคูเป้มาดสปอร์ต ตอบสนองความต้องการของนักขับเท้าหนักอย่างแท้จริง กับการเพิ่มความแรงให้กับเครื่องยนต์วี12 6,500 ซีซีจาก 640 แรงม้ามาเป็น 670 แรงม้า โดยที่มีแรงบิดเท่าเดิม แต่ลดน้ำหนักตัวถังลงอีก 100 กิโลกรัม ทำให้มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงดีขึ้น ใช้เวลา 3.2 วินาที ความเร็วปลาย 342 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้าติดตั้งชุด Aeropack Wing สปอยเลอร์หลังอันโตเพื่อเพิ่มแรงกด ตัวเลขจะลดลงมาอยู่ที่ 337 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ก็แลกกับการทรงตัวที่ดีขึ้นในย่านความเร็วสูง โดยทั้ง 2 รุ่นขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อตลอดเวลาและส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดาแบบคลัตช์ไฟฟ้าที่เรียกว่า E-Gear
สำหรับรุ่น LP650-4 Roadster มีการผลิตเพียง 50 คัน ขณะที่ LP670-4 Super Veloce ผลิตออกมามากหน่อย 350 คัน ส่วนราคายังไม่เปิดเผยออกมาในตอนนี้ แต่เชื่อว่าไม่ถูกอย่างแน่นอน
