ช่วงนี้ใครที่เป็นแฟนของพอร์ชตัวจริง เห็นทีจะปั๊มเงินกันไม่ทัน เพราะยังไม่ถึง 1 ปีนับจากที่ 911 ไมเนอร์เชนจ์รุ่นปกติอย่างคาร์เรรา และคาร์เรรา เอส แบรนด์รถสปอร์ตชั้นนำของเยอรมนีทะยอยปล่อยทางเลือกใหม่ๆ ออกมาแบบไม่ให้หายใจหายคอกันเลย และพร้อมกับการเผยโฉมรุ่น 911 เทอร์โบปรับโฉม ทางด้านสายพันธุ์ RS ก็จะถูกเปิดตัวออกมาด้วยเช่นกัน โดยจะเป็นอีกทางเลือกของความแรงสำหรับรุ่น GT3
ก่อนหน้านี้ทาง GT3 เปิดตัวรุ่นปรับโฉมออกมาแล้วในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วน RS ถือเป็นทางเลือกแห่งความแรงที่ต่อยอดจากรุ่น GT3 และเรียกว่าเป็นพอร์ช 911 ในแบบหายใจเอง หรือ NA ที่มีเรี่ยวแรงจากโรงงานมากที่สุดในไลน์ผลิต (ถ้าไม่นับพวกรุ่นพิเศษอย่าง 911 GT1 หรือคาร์เรรา จีที)
RS เป็นที่รู้จักในหมู่ของแฟนๆ พอร์ชเมื่อปี 1973 ซึ่งคำนี้ย่อมาจาก RennSport ในภาษาเยอรมัน หรือ Race Sport ในภาษาอังกฤษ ซึ่งเวอร์ชั่นแรกขายกับรุ่นคาร์เรรา 2.7 RS พร้อมรูปลักษณ์สุดสปอร์ต และอัพเกรดในทุกรายละเอียด้วยความสปอร์ต โดยเฉพาะจุดเด่นอย่างสปอยเลอร์หลังทรง ‘หางเป็ด’ หรือ ‘Ducktail’
รหัส RS อยู่คู่กับรุ่นคาร์เรรามานานจนกระทั่งสิ้นสุดสายพันธุ์ของ 911 รหัส 993 จนเมื่อพอร์ชเริ่มอิ่มตัวกับความสำเร็จในคลาสสูงสุดของการแข่งขันเลอมังส์ 24 ชั่วโมงด้วยรุ่น 911 GT1 ประกอบกับหันไปสนใจในการแข่งขันคลาสระดับรองๆ ลงมาอย่าง GT3 ก็เลยทำให้มีการจับเอา 911 รหัส 996 มาดัดแปลงเป็นตัวแข่ง พร้อมกับมีการเปิดตัว Road Version ของ GT3 ออกมาทำตลาด ก่อนที่จะเพิ่มมูลค่าในการทำตลาดด้วยการนำชื่อ RS กลับมาอีกครั้งและจับคู่กับรหัส GT3
911 GT3 RS จึงถูกเปิดตัวครั้งแรกกับรหัส 996 ในปี 2003 เรียกว่าถอดแบบมาจากตัวแข่งเพื่อการใช้งานบนถนน ทั้งตีโรลล์บาร์รอบคัน กระจกหลังเป็นแบบโพลีคาร์บอร์เนตเพื่อลดน้ำหนัก เช่นเดียวกับจับดิสก์เบรกแบบคาร์บอนเซรามิกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน
สำหรับการปรับโฉมครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่การเปลี่ยนรายละเอียดของรูปลักษณ์ภายนอกตามเวอร์ชันอื่นๆ ของสายพันธุ์ 911 พร้อมกับลดน้ำหนักลงจากรุ่น GT3 ที่ว่าเบาที่สุดแล้วลงอีก 10 กิโลกรัม แต่ยังมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์อีกด้วย ถอดแบบ 6 สูบนอน 3,600 ซีซีออกและแทนที่ด้วย 6 สูบนอนแบบ Di 3,800 ซีซีที่ได้รับการเพิ่มเรี่ยวแรงอีกระดับจาก 415 มาเป็น 450 แรงม้าหรือเพิ่มขึ้น 35 แรงม้าเมื่อเปรียบเทียบกับ GT3 RS รุ่นที่แล้ว
ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดาแบบควิกชิฟต์ 6 จังหวะ พร้อมดิสก์เบรกแบบคาร์บอนเซรามิกจากโรงงาน แถมยังใช้แบตเตอรี่จากแบบ Lead Acid มาเป็นแบบลิเธียม-ไออน ซึ่งมีขนาดเล็กลงเพื่อผลในเรื่องการลดน้ำหนัก ส่วนล้อแม็กวงโตผลิตด้วยกรรมวิธี Forged มีขนาด 19 นิ้วจับคู่กับยาง 245/35R19 ที่ล้อหน้า และ 325/30ZR19 ที่ล้อหลัง
แน่นอนว่าความแรงและความสวยขนาดนี้ไม่ได้มาแบบฟรีๆ หรือถูกๆ เพราะราคาของ GT3 RS ถูกเปิดออกมาแล้วที่ 100,760 ปอนด์ หรือ 5.74 ล้านบาท โดยรุ่นพวงมาลัยขวาจะเริ่มขายในอังกฤษเดือนกุมภาพันธ์นี้ ถ้าเข้าบ้านเราน่าจะมีแตะๆ 20 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ทาง GT3 เปิดตัวรุ่นปรับโฉมออกมาแล้วในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2009 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วน RS ถือเป็นทางเลือกแห่งความแรงที่ต่อยอดจากรุ่น GT3 และเรียกว่าเป็นพอร์ช 911 ในแบบหายใจเอง หรือ NA ที่มีเรี่ยวแรงจากโรงงานมากที่สุดในไลน์ผลิต (ถ้าไม่นับพวกรุ่นพิเศษอย่าง 911 GT1 หรือคาร์เรรา จีที)
RS เป็นที่รู้จักในหมู่ของแฟนๆ พอร์ชเมื่อปี 1973 ซึ่งคำนี้ย่อมาจาก RennSport ในภาษาเยอรมัน หรือ Race Sport ในภาษาอังกฤษ ซึ่งเวอร์ชั่นแรกขายกับรุ่นคาร์เรรา 2.7 RS พร้อมรูปลักษณ์สุดสปอร์ต และอัพเกรดในทุกรายละเอียด้วยความสปอร์ต โดยเฉพาะจุดเด่นอย่างสปอยเลอร์หลังทรง ‘หางเป็ด’ หรือ ‘Ducktail’
รหัส RS อยู่คู่กับรุ่นคาร์เรรามานานจนกระทั่งสิ้นสุดสายพันธุ์ของ 911 รหัส 993 จนเมื่อพอร์ชเริ่มอิ่มตัวกับความสำเร็จในคลาสสูงสุดของการแข่งขันเลอมังส์ 24 ชั่วโมงด้วยรุ่น 911 GT1 ประกอบกับหันไปสนใจในการแข่งขันคลาสระดับรองๆ ลงมาอย่าง GT3 ก็เลยทำให้มีการจับเอา 911 รหัส 996 มาดัดแปลงเป็นตัวแข่ง พร้อมกับมีการเปิดตัว Road Version ของ GT3 ออกมาทำตลาด ก่อนที่จะเพิ่มมูลค่าในการทำตลาดด้วยการนำชื่อ RS กลับมาอีกครั้งและจับคู่กับรหัส GT3
911 GT3 RS จึงถูกเปิดตัวครั้งแรกกับรหัส 996 ในปี 2003 เรียกว่าถอดแบบมาจากตัวแข่งเพื่อการใช้งานบนถนน ทั้งตีโรลล์บาร์รอบคัน กระจกหลังเป็นแบบโพลีคาร์บอร์เนตเพื่อลดน้ำหนัก เช่นเดียวกับจับดิสก์เบรกแบบคาร์บอนเซรามิกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน
สำหรับการปรับโฉมครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่การเปลี่ยนรายละเอียดของรูปลักษณ์ภายนอกตามเวอร์ชันอื่นๆ ของสายพันธุ์ 911 พร้อมกับลดน้ำหนักลงจากรุ่น GT3 ที่ว่าเบาที่สุดแล้วลงอีก 10 กิโลกรัม แต่ยังมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์อีกด้วย ถอดแบบ 6 สูบนอน 3,600 ซีซีออกและแทนที่ด้วย 6 สูบนอนแบบ Di 3,800 ซีซีที่ได้รับการเพิ่มเรี่ยวแรงอีกระดับจาก 415 มาเป็น 450 แรงม้าหรือเพิ่มขึ้น 35 แรงม้าเมื่อเปรียบเทียบกับ GT3 RS รุ่นที่แล้ว
ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดาแบบควิกชิฟต์ 6 จังหวะ พร้อมดิสก์เบรกแบบคาร์บอนเซรามิกจากโรงงาน แถมยังใช้แบตเตอรี่จากแบบ Lead Acid มาเป็นแบบลิเธียม-ไออน ซึ่งมีขนาดเล็กลงเพื่อผลในเรื่องการลดน้ำหนัก ส่วนล้อแม็กวงโตผลิตด้วยกรรมวิธี Forged มีขนาด 19 นิ้วจับคู่กับยาง 245/35R19 ที่ล้อหน้า และ 325/30ZR19 ที่ล้อหลัง
แน่นอนว่าความแรงและความสวยขนาดนี้ไม่ได้มาแบบฟรีๆ หรือถูกๆ เพราะราคาของ GT3 RS ถูกเปิดออกมาแล้วที่ 100,760 ปอนด์ หรือ 5.74 ล้านบาท โดยรุ่นพวงมาลัยขวาจะเริ่มขายในอังกฤษเดือนกุมภาพันธ์นี้ ถ้าเข้าบ้านเราน่าจะมีแตะๆ 20 ล้านบาท