ธุรกิจให้บริการลดน้ำหนักมูลค่า 3,000 ล้านบาท ตกสุดในรอบ 5 ปี คาดปีนี้โตเพียง 15% เหตุสภาพเศรษฐกิจและไข้หวัดทำพิษ สาวไทยรูดซิบกระเป๋ามากขึ้น “มารีฟรานซ์” โว โตสวนกระแสที่ 30% แน่ปีนี้ เชื่อบริการดี ลูกค้าไม่หนีไปไหน
นางสาวศศิวีณ์ ซื่อตรง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มารีฟรานซ์ บอดี้ไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการการควบคุมน้ำหนัก และกระชับสัดส่วน เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจให้บริการลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วนมูลค่า 3,000 ล้านบาท ในปีนี้เชื่อมั่นว่า จะมีอัตราการเติบโตน้อยที่สุดในรอบ 5 ปี หรือคาดว่าจะมีการเติบโตเพียง 15% เท่านั้น จากที่เคยเติบโตสูงสุด 35% และปีก่อนเติบโต 20% ส่วนปี 2550 โต 25%
สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตลดลง ส่วนใหญ่มาจากสภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก อีกทั้งในปีนี้ยังมีปัญหาเรื่องของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ระบาดอีกส่วนหนึ่งด้วย นอกจากนี้ในส่วนของผู้เล่นในตลาด ก็ค่อนข้างนิ่ง จะมีเพียงแบรนด์ใหญ่เท่านั้นที่ยังทำตลาดอยู่ ไม่ว่าจะเป็น มารีฟรานซ์, สลิม อัพ และ บอดี้เชฟ
อย่างไรก็ตาม สำหรับมารีฟรานซ์ กลับพบว่า ครึ่งปีแรก มีอัตราการเติบโตสูงถึง 20% จากเป้าที่คาดว่าจะทำได้ถึง 25% ทั้งนี้เนื่องจากแผนการทำตลาดและบริการที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการได้ตรงจุด ซึ่งจะเน้นกลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าเดิมเป็นหลัก โดยทั้งปียังคงใช้งบการตลาดที่ 300 ล้านบาท เท่าปีก่อน
โดยครึ่งปีหลังนี้ บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 150 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ R.E.A.L คือ R: Reality (เรียลิตี้) ลดจริง ผอมจริง E:Endorser (เอนดอร์สเซอร์) กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจริง ได้ผลลัพธ์จริง สนองบริการตรงกลุ่มเป้าหมายจริง A:Around the World (อะราวเดอะเวิลด์) ตอกย้ำความเป็นสถาบันลดน้ำหนักระดับโลก ที่มีนวัตกรรมที่ทันสมัยและพัฒนาเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก L: Luxurious (ลัคชูเรียส) ความหรูหรามีระดับในเรื่องของความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ เครื่องมือ ทรีทเม้นท์ครบวงจร และการให้บริการ รวมถึงทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณภาพ
บริษัทฯมั่นใจว่าทั้งปีจะผลักดันให้บริษัทฯมีรายได้เติบโตขึ้น 30% จากเดิมที่วางไว้ 25% พร้อมครองส่วนแบ่งทางตลาดกว่า 60% จากปีก่อนอยู่ที่ 58% สำหรับมารีฟรานซ์ในเซาส์อีสเอเชียนั้น มาเลเซียเติบโตเป็นอับดับ 1 ไทยเติบโตเป็นอันดับสอง
โดยในปีนี้บริษัทฯได้เลิกใช้กลยุทธ์พรีเซนเตอร์ที่เป็นดารา เพราะมองว่าอิ่มตัวและอาจจะสร้างความสับสนได้ ดังนั้นจึงหันมาใช้กลุ่ม เอนดอร์สเซอร์ หรือกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจริง มาเป็นพรีเซนเตอร์ และเข้าร่วมกิจกรรมแทน
นางสาวศศิวีณ์ กล่าวต่อว่า ปีนี้ทางบริษัทฯยังไม่มีแผนขยายสาขาเพิ่ม เนื่องจากยังไม่มีทำเลที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันมีทั้งสิ้น 21 สาขา ในกรุงเทพฯ 17 สาขา และในต่างจังหวัด 4 สาขา ซึ่งในส่วนของสาขาต่างจังหวัด มีอัตราการเติบโตลดลงเล็กน้อย หรืออยู่ที่ประมาณ 15% เนื่องจากนักท่องเที่ยวลดลง อย่างไรก็ตามปัจจุบันมารีฟรานซ์ มีฐานลูกค้าอยู่ที่ 200,000 ราย แอกทีฟประมาณ 80% โดยแต่ละเดือนมีลูกค้าใหม่เข้ามาที่ 2,000 คนต่อเดือน จากปีก่อนลูกค้าใหม่อยู่ที่ 3,000 คนต่อเดือน
ทั้งนี้บริการที่ลูกค้าเข้ามาใช้มากที่สุดอยู่ที่ระดับ 55,000 บาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 45,000 บาท โดยกลุ่มลูกค้าหลักมีอายุเฉลี่ย 30 ปีขึ้นไป และขยายมายังกลุ่มเฟิร์สจ๊อปเปอร์ หรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีลงมา
นางสาวศศิวีณ์ ซื่อตรง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มารีฟรานซ์ บอดี้ไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการการควบคุมน้ำหนัก และกระชับสัดส่วน เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจให้บริการลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วนมูลค่า 3,000 ล้านบาท ในปีนี้เชื่อมั่นว่า จะมีอัตราการเติบโตน้อยที่สุดในรอบ 5 ปี หรือคาดว่าจะมีการเติบโตเพียง 15% เท่านั้น จากที่เคยเติบโตสูงสุด 35% และปีก่อนเติบโต 20% ส่วนปี 2550 โต 25%
สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตลดลง ส่วนใหญ่มาจากสภาพเศรษฐกิจเป็นหลัก อีกทั้งในปีนี้ยังมีปัญหาเรื่องของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ระบาดอีกส่วนหนึ่งด้วย นอกจากนี้ในส่วนของผู้เล่นในตลาด ก็ค่อนข้างนิ่ง จะมีเพียงแบรนด์ใหญ่เท่านั้นที่ยังทำตลาดอยู่ ไม่ว่าจะเป็น มารีฟรานซ์, สลิม อัพ และ บอดี้เชฟ
อย่างไรก็ตาม สำหรับมารีฟรานซ์ กลับพบว่า ครึ่งปีแรก มีอัตราการเติบโตสูงถึง 20% จากเป้าที่คาดว่าจะทำได้ถึง 25% ทั้งนี้เนื่องจากแผนการทำตลาดและบริการที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการได้ตรงจุด ซึ่งจะเน้นกลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าเดิมเป็นหลัก โดยทั้งปียังคงใช้งบการตลาดที่ 300 ล้านบาท เท่าปีก่อน
โดยครึ่งปีหลังนี้ บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 150 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ R.E.A.L คือ R: Reality (เรียลิตี้) ลดจริง ผอมจริง E:Endorser (เอนดอร์สเซอร์) กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจริง ได้ผลลัพธ์จริง สนองบริการตรงกลุ่มเป้าหมายจริง A:Around the World (อะราวเดอะเวิลด์) ตอกย้ำความเป็นสถาบันลดน้ำหนักระดับโลก ที่มีนวัตกรรมที่ทันสมัยและพัฒนาเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก L: Luxurious (ลัคชูเรียส) ความหรูหรามีระดับในเรื่องของความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ เครื่องมือ ทรีทเม้นท์ครบวงจร และการให้บริการ รวมถึงทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณภาพ
บริษัทฯมั่นใจว่าทั้งปีจะผลักดันให้บริษัทฯมีรายได้เติบโตขึ้น 30% จากเดิมที่วางไว้ 25% พร้อมครองส่วนแบ่งทางตลาดกว่า 60% จากปีก่อนอยู่ที่ 58% สำหรับมารีฟรานซ์ในเซาส์อีสเอเชียนั้น มาเลเซียเติบโตเป็นอับดับ 1 ไทยเติบโตเป็นอันดับสอง
โดยในปีนี้บริษัทฯได้เลิกใช้กลยุทธ์พรีเซนเตอร์ที่เป็นดารา เพราะมองว่าอิ่มตัวและอาจจะสร้างความสับสนได้ ดังนั้นจึงหันมาใช้กลุ่ม เอนดอร์สเซอร์ หรือกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจริง มาเป็นพรีเซนเตอร์ และเข้าร่วมกิจกรรมแทน
นางสาวศศิวีณ์ กล่าวต่อว่า ปีนี้ทางบริษัทฯยังไม่มีแผนขยายสาขาเพิ่ม เนื่องจากยังไม่มีทำเลที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันมีทั้งสิ้น 21 สาขา ในกรุงเทพฯ 17 สาขา และในต่างจังหวัด 4 สาขา ซึ่งในส่วนของสาขาต่างจังหวัด มีอัตราการเติบโตลดลงเล็กน้อย หรืออยู่ที่ประมาณ 15% เนื่องจากนักท่องเที่ยวลดลง อย่างไรก็ตามปัจจุบันมารีฟรานซ์ มีฐานลูกค้าอยู่ที่ 200,000 ราย แอกทีฟประมาณ 80% โดยแต่ละเดือนมีลูกค้าใหม่เข้ามาที่ 2,000 คนต่อเดือน จากปีก่อนลูกค้าใหม่อยู่ที่ 3,000 คนต่อเดือน
ทั้งนี้บริการที่ลูกค้าเข้ามาใช้มากที่สุดอยู่ที่ระดับ 55,000 บาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 45,000 บาท โดยกลุ่มลูกค้าหลักมีอายุเฉลี่ย 30 ปีขึ้นไป และขยายมายังกลุ่มเฟิร์สจ๊อปเปอร์ หรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปีลงมา