บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เยอรมนี เตรียมเปิดตัว X6 ActiveHybrid ในงานแฟรงค์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์ เดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ชูสมรรถนะพร้อมการประหยัดน้ำมัน ด้วยระบบไฮบริดอัจฉริยะ ที่ประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ วี8 และมอเตอร์ไฟฟ้า
BMW X6 ActiveHybrid ให้กำลังสูงสุดถึง 485 แรงม้าและแรงบิดมหาศาลถึง 780 นิวตัน-เมตร ซึ่งผลิตจากระบบ Full Hybrid ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.4 ลิตร พร้อมด้วยเทคโนโลยี TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวด้วยกำลังขับเคลื่อนขนาด 67 กิโลวัตต์ / 91 แรงม้าและ 63 กิโลวัตต์ / 86 แรงม้าตามลำดับ
พละกำลังมหาศาลถูกส่งผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Two-mode Active ECVT 7 สปีด ซึ่งสามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 5.6 วินาที อีกทั้งยังมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 10.1 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 231 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัด EU5
สำหรับเครื่องยนต์เครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 ขนาด 4.4 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบคู่แปรผันและเทคโนโลยี Twin-Scroll เพื่อให้สามารถสร้างแรงอัดอากาศได้อย่างคงที่และต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำจนถึงรอบสูง นอกจากนั้นยังใช้ลักษณะการจัดวางเทอร์โบระหว่างร่อง V ของชุดลูกสูบ ซึ่งจะทำให้ระบบมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา อีกทั้งยังทำให้ทางเดินของอากาศสั้น ซึ่งเป็นการลดสูญเสียแรงอัดอากาศในระบบ ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่องยนต์สามารถผลิตกำลังได้สูงอย่างต่อเนื่องตลอดทุกช่วงรอบการทำงานของเครื่องยนต์
เครื่องยนต์นี้ยังใช้นวัตกรรมระบบฉีดน้ำมันแบบ High Precision Injection แบบใหม่ ด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด Piezo ซึ่งได้ถูกจัดวางอยู่ตรงกลางของหัวกระบอกสูบ ซึ่งเป็นจุดที่สามารถฉีดน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งหมายความว่าทุกอณูของละอองน้ำมันสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และที่สำคัญการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพนี้ จะส่งผลให้มลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้อย่างไม่สมบูรณ์อยู่ในระดับต่ำที่สุด ทำให้เครื่องยนต์ใหม่นี้สามารถผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ EU5 ของยุโรป และ ULEV II ของสหรัฐอเมริกาได้อย่างไม่ยากเย็น
ระบบคอมพิวเตอร์สมองกล ActiveHybrid ทำหน้าที่บริหารจัดการการส่งกำลังผสมผสานอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างกำลังจากเครื่องยนต์และกำลังจากระบบมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Active Transmission ที่ผสมระหว่างเกียร์อัตโนมัติแบบกลไกที่มีอัตราทดคงที่เพื่อสร้างกำลังขับเคลื่อน และเกียร์ ECVT ที่สามารถแปรผันอัตราทดอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ได้คือสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม พละกำลังมหาศาลที่ถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องตอบสนองความต้องการในทุกสภาพการขับขี่ อีกทั้งยังให้ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุดและคายไอเสียในระดับต่ำที่สุด
ขณะที่ระบบส่งกำลังแบบ Two-mode Active Transmission สามารถใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในช่วงความเร็วต่ำและความเร็วสูง การทำงานแบ่งเป็น 2 โหมดซึ่งสามารถผสมผสานอย่างสมดุลของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบเครื่องยนต์ได้โดยอัตโนมัติ
ในโหมดแรกใช้สำหรับการออกตัวและการขับเคลื่อนที่ความเร็วต่ำกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งในการขับขี่แบบนี้กำลังจะถูกส่งจากระบบมอเตอร์ไฟฟ้า 100 % ซึ่งสามารถผลิดแรงบิดมหาศาลได้ตั้งแต่รอบเริ่มต้น และที่สำคัญคือไม่มีการปล่อยมลพิษเลยในลักษณะการขับขี่ดังกล่าว
ส่วนในโหมดที่สองใช้สำหรับการขับความเร็วปกติถึงความเร็วสูง ซึ่งกำลังหลักจะถูกส่งจากเครื่องยนต์ ในขณะที่ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่ผลิตกำลังเสริม เมื่อต้องการสมรรถนะ เช่น ในขณะเร่งแซง ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งได้รับการป้อนพลังงานจากแบตเตอรี่พลังสูงจะทำหน้าที่ ‘บู๊ส’ เพิ่มกำลังให้กับเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นการเพิ่มสมรรถนะโดยที่ไม่ได้เปลืองน้ำมันเลย
การทำทำหน้าที่ ‘บู๊ส’ ของมอเตอร์ไฟฟ้านี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มสมรรถนะระหว่างขณะเร่งแซงแล้วยังทำหน้าที่ลดภาระการใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ในขณะที่วิ่งความเร็วคงที่ด้วย ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น การทำงานผสมผสานอย่างสมบูรณ์แบบนี้ นอกจากจะช่วยให้ BMW X6 ActiveHybrid มีสมรรถนะสูงสุดไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะการขับขี่ใดๆก็ตาม ยังประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นและลดคายมลพิษลงถึง 20 % เมื่อเทียบกับ BMW X6 xDrive50i ซึ่งใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกัน
นอกจากนี้ BMW X6 ActiveHybrid ยังติดตั้งระบบ Recuperation ซึ่งเป็นการผลิตพลังงานไฟฟ้าโดยการนำพลังงานส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่โดยไม่สิ้นเปลืองน้ำมันเลยแม้แต่น้อย ระบบ Recuperation ตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักการเดียวกับระบบ Brake Energy Regeneration ซึ่งมีอยู่ในรถยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นปกติในปัจจุบัน แต่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าถึง 25 เท่าตัว
ระบบนี้อาศัยหลักการการทำงานแบบฟังก์ชั่นควบคู่ของมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งสามารถสลับสับเปลี่ยนหน้าที่กลายเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งการทำงานสลับหน้าที่นี้เกิดขึ้นในขณะเบรก กล่าวคือ แทนที่จะเบรกด้วยระบบเบรกกลไกตามปกติ ซึ่งจะมีการสูญเสียพลังงานไปในรูปแบบของพลังงานความร้อน ระบบ Recuperation จะใช้การเบรกด้วยการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กผ่านระบบ Sensotronic Brake Actuation ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่ใช้ในระบบเบรกของรถไฟพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า
ระบบ Recuperation และระบบ Sensotronic Brake Actuation จะทำงานอย่างอัตโนมัติควบคู่ไปกับระบบดิสก์เบรกแบบกลไกซึ่งเป็นระบบเบรกแบบปกติทั่วไป การทำงานดังกล่าวจะเป็นไปโดยที่ผู้ขับจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในเรื่องของน้ำหนักหรือระยะทำการของแป้นเบรกแต่อย่างใด เพราะว่าแป้นเบรกจะถูกควบคุมน้ำหนักด้วยระบบเซ็นเซอร์ไฮดรอลิกซึ่งจะให้น้ำหนักแป้นเบรกที่เป็นธรรมชาติเหมือนเบรกของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในรุ่นปกติ กล่าวคือ เป็นระบบเบรกแบบ Brake-by-wire นั่นเอง
หลังการเปิดตัวในงาน แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 บีเอ็มดับเบิลยูเตรียมส่ง X6 ActiveHybrid ขายจริงทันทีช่วงปลายปี (พร้อมๆกับ ซีรีย์ 7 ไฮบริด) โดยเริ่มทำตลาดในยุโรปและอเมริกาก่อน
BMW X6 ActiveHybrid ให้กำลังสูงสุดถึง 485 แรงม้าและแรงบิดมหาศาลถึง 780 นิวตัน-เมตร ซึ่งผลิตจากระบบ Full Hybrid ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.4 ลิตร พร้อมด้วยเทคโนโลยี TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวด้วยกำลังขับเคลื่อนขนาด 67 กิโลวัตต์ / 91 แรงม้าและ 63 กิโลวัตต์ / 86 แรงม้าตามลำดับ
พละกำลังมหาศาลถูกส่งผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Two-mode Active ECVT 7 สปีด ซึ่งสามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 5.6 วินาที อีกทั้งยังมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 10.1 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 231 กรัมต่อกิโลเมตร ตามมาตรฐานการวัด EU5
สำหรับเครื่องยนต์เครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 ขนาด 4.4 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบคู่แปรผันและเทคโนโลยี Twin-Scroll เพื่อให้สามารถสร้างแรงอัดอากาศได้อย่างคงที่และต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำจนถึงรอบสูง นอกจากนั้นยังใช้ลักษณะการจัดวางเทอร์โบระหว่างร่อง V ของชุดลูกสูบ ซึ่งจะทำให้ระบบมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา อีกทั้งยังทำให้ทางเดินของอากาศสั้น ซึ่งเป็นการลดสูญเสียแรงอัดอากาศในระบบ ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่องยนต์สามารถผลิตกำลังได้สูงอย่างต่อเนื่องตลอดทุกช่วงรอบการทำงานของเครื่องยนต์
เครื่องยนต์นี้ยังใช้นวัตกรรมระบบฉีดน้ำมันแบบ High Precision Injection แบบใหม่ ด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด Piezo ซึ่งได้ถูกจัดวางอยู่ตรงกลางของหัวกระบอกสูบ ซึ่งเป็นจุดที่สามารถฉีดน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งหมายความว่าทุกอณูของละอองน้ำมันสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และที่สำคัญการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพนี้ จะส่งผลให้มลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้อย่างไม่สมบูรณ์อยู่ในระดับต่ำที่สุด ทำให้เครื่องยนต์ใหม่นี้สามารถผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ EU5 ของยุโรป และ ULEV II ของสหรัฐอเมริกาได้อย่างไม่ยากเย็น
ระบบคอมพิวเตอร์สมองกล ActiveHybrid ทำหน้าที่บริหารจัดการการส่งกำลังผสมผสานอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างกำลังจากเครื่องยนต์และกำลังจากระบบมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Active Transmission ที่ผสมระหว่างเกียร์อัตโนมัติแบบกลไกที่มีอัตราทดคงที่เพื่อสร้างกำลังขับเคลื่อน และเกียร์ ECVT ที่สามารถแปรผันอัตราทดอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ได้คือสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม พละกำลังมหาศาลที่ถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องตอบสนองความต้องการในทุกสภาพการขับขี่ อีกทั้งยังให้ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุดและคายไอเสียในระดับต่ำที่สุด
ขณะที่ระบบส่งกำลังแบบ Two-mode Active Transmission สามารถใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในช่วงความเร็วต่ำและความเร็วสูง การทำงานแบ่งเป็น 2 โหมดซึ่งสามารถผสมผสานอย่างสมดุลของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบเครื่องยนต์ได้โดยอัตโนมัติ
ในโหมดแรกใช้สำหรับการออกตัวและการขับเคลื่อนที่ความเร็วต่ำกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งในการขับขี่แบบนี้กำลังจะถูกส่งจากระบบมอเตอร์ไฟฟ้า 100 % ซึ่งสามารถผลิดแรงบิดมหาศาลได้ตั้งแต่รอบเริ่มต้น และที่สำคัญคือไม่มีการปล่อยมลพิษเลยในลักษณะการขับขี่ดังกล่าว
ส่วนในโหมดที่สองใช้สำหรับการขับความเร็วปกติถึงความเร็วสูง ซึ่งกำลังหลักจะถูกส่งจากเครื่องยนต์ ในขณะที่ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่ผลิตกำลังเสริม เมื่อต้องการสมรรถนะ เช่น ในขณะเร่งแซง ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งได้รับการป้อนพลังงานจากแบตเตอรี่พลังสูงจะทำหน้าที่ ‘บู๊ส’ เพิ่มกำลังให้กับเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นการเพิ่มสมรรถนะโดยที่ไม่ได้เปลืองน้ำมันเลย
การทำทำหน้าที่ ‘บู๊ส’ ของมอเตอร์ไฟฟ้านี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มสมรรถนะระหว่างขณะเร่งแซงแล้วยังทำหน้าที่ลดภาระการใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ในขณะที่วิ่งความเร็วคงที่ด้วย ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น การทำงานผสมผสานอย่างสมบูรณ์แบบนี้ นอกจากจะช่วยให้ BMW X6 ActiveHybrid มีสมรรถนะสูงสุดไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะการขับขี่ใดๆก็ตาม ยังประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นและลดคายมลพิษลงถึง 20 % เมื่อเทียบกับ BMW X6 xDrive50i ซึ่งใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกัน
นอกจากนี้ BMW X6 ActiveHybrid ยังติดตั้งระบบ Recuperation ซึ่งเป็นการผลิตพลังงานไฟฟ้าโดยการนำพลังงานส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่โดยไม่สิ้นเปลืองน้ำมันเลยแม้แต่น้อย ระบบ Recuperation ตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักการเดียวกับระบบ Brake Energy Regeneration ซึ่งมีอยู่ในรถยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นปกติในปัจจุบัน แต่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าถึง 25 เท่าตัว
ระบบนี้อาศัยหลักการการทำงานแบบฟังก์ชั่นควบคู่ของมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งสามารถสลับสับเปลี่ยนหน้าที่กลายเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งการทำงานสลับหน้าที่นี้เกิดขึ้นในขณะเบรก กล่าวคือ แทนที่จะเบรกด้วยระบบเบรกกลไกตามปกติ ซึ่งจะมีการสูญเสียพลังงานไปในรูปแบบของพลังงานความร้อน ระบบ Recuperation จะใช้การเบรกด้วยการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กผ่านระบบ Sensotronic Brake Actuation ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่ใช้ในระบบเบรกของรถไฟพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า
ระบบ Recuperation และระบบ Sensotronic Brake Actuation จะทำงานอย่างอัตโนมัติควบคู่ไปกับระบบดิสก์เบรกแบบกลไกซึ่งเป็นระบบเบรกแบบปกติทั่วไป การทำงานดังกล่าวจะเป็นไปโดยที่ผู้ขับจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในเรื่องของน้ำหนักหรือระยะทำการของแป้นเบรกแต่อย่างใด เพราะว่าแป้นเบรกจะถูกควบคุมน้ำหนักด้วยระบบเซ็นเซอร์ไฮดรอลิกซึ่งจะให้น้ำหนักแป้นเบรกที่เป็นธรรมชาติเหมือนเบรกของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในรุ่นปกติ กล่าวคือ เป็นระบบเบรกแบบ Brake-by-wire นั่นเอง
หลังการเปิดตัวในงาน แฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 บีเอ็มดับเบิลยูเตรียมส่ง X6 ActiveHybrid ขายจริงทันทีช่วงปลายปี (พร้อมๆกับ ซีรีย์ 7 ไฮบริด) โดยเริ่มทำตลาดในยุโรปและอเมริกาก่อน