นอกจากการเปิดตัวของ X6 ไฮบริดและ ซีรีย์ 7 ไฮบริดแล้ว ในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 ที่จะมีขึ้นในเดือนกันยายนนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ยังเตรียมเผยไฮไลท์เด็ดนั่นคือ รถสปอร์ตต้นแบบไฮบริด รุ่นใหม่ ซึ่งใช้พลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ดีเซล 3 สูบ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยค่ายใบพัดสีฟ้า เรียกน้ำย่อยก่อนด้วยการปล่อยภาพสเก็ต และรายละเอียดทางวิศวกรรมออกมาบางส่วน
รถต้นแบบคันดังกล่าวมากับหลักคิด BMW Vision EfficientDynamics ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้รูปแบบของ BMW M คือเป็นรถยนต์สมรรถนะสูง รูปลักษณ์ดุดัน เร้าใจ และสปอร์ตโฉบเฉี่ยว นอกจากนั้นยังผนวกรวมถึงความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยี EfficientDynamics ที่มุ้งเน้นด้านความประหยัดน้ำมันและการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
BMW Vision EfficientDynamics เป็นรถยนต์สปอร์ตแบบ 2+2 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์แบบ Plug-in Full Hybrid ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3 สูบและมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 356 แรงม้าและแรงบิดมหาศาลถึง 800 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถสร้างอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 4.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (จำกัดความเร็วสูงสุดด้วยระบบอิเลคทรอนิค) และมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยเพียง 26.6 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์แค่ 99 กรัมต่อกิโลเมตร (ตามมาตรฐาน EU)
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 3 สูบขนาด 1.5 ลิตร พร้อมด้วยสุดยอดเทคโนโลยี BMW Advanced Diesel อัดอากาศด้วยระบบเทอร์โบแปรผันและฉีดน้ำมันด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด Piezo แบบคอมมอนเรล เจนเนอเรชั่นล่าสุด วางเครื่อง ‘กลางลำ’ กล่าวคือ เครื่องยนต์อยู่ในตำแหน่งหน้าเพลาขับด้านหลัง และด้วยขนาดกะทัดรัดของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถมีที่นั่งด้านหลังได้อย่างสบายๆ
ทั้งนี้เครื่องยนต์จะทำงานควบคู่กับระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 38 กิโลวัตต์และผสมผสานการทำงานกับเครื่องยนต์แบบ Full Hybrid กล่าวคือ BMW Vision EfficientDynamics สามารถวิ่งได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์เพียงอย่างเดียว
ในส่วนมอเตอร์ไฟฟ้านั้น พลังงานสามารถได้จาก 2 ทาง คือ (1) ได้จากการกำเนิดไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีระบบ Recuperation ซึ่งเป็นการผลิตพลังงานไฟฟ้าโดยการนำพลังงานส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่โดยไม่สิ้นเปลืองน้ำมันเลยแม้แต่น้อย หลักการของระบบ Recuperation ตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักการเดียวกับระบบ Brake Energy Regeneration กล่าวคือ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า โดยการทำพลังงานส่วนเกินจากการเบรกมา ‘ปั่นไฟ’ แล้วเก็บไว้ในแบตเตอรี่เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่เมื่อต้องการ และ (2) โหมด Plug-in สำหรับชาร์จไฟจากไฟฟ้าบ้านทั่วไปแบบ 220 โวลต์ 16 แอมแปร์ ซึ่งจะสามารถชาร์จตรงเข้าแบตเตอรี่โดยการใช้เวลาชาร์จ 2.5 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถชาร์จผ่านระบบหม้อแปลง 380 โวลต์ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 44 นาทีในการชาร์จเต็มที่
ด้านแบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลีเมอร์ (ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นก้าวหน้าของเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนในปัจจุบัน) จำนวน 98 เซลล์ต่อแบบอนุกรมซึ่งสามารถให้กำลังไฟฟ้า 10.8 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงที่ 364 โวลต์ แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลีเมอร์นี้นอกจากจะมีความจุไฟฟ้าสูงและสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังมีจุดเด่นอีกประการคือ น้ำหนักเบา ชุดแบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลีเมอร์ทั้ง 98 เซลล์นี้มีน้ำหนักรวมเพียง 85 กิโลกรัมซึ่งถูกจัดวางตรงกลางลำตัวตามแนวยาวของตัวรถเพื่อการถ่ายน้ำหนักที่ดี เพื่อความปราดเปรียวสูงสุดในการขับขี่
ดีไซน์ของ BMW Vision EfficientDynamics มุ่งเน้นที่จะแสดงออกถึงความสปอร์ตดุดันตามแบบฉบับ BMW M แต่แฝงด้วยเทคโนโลยีแอร์โรไดนามิกส์ระดับรถแข่งฟอร์มูล่าวันด้วยค่าสัมประสิทธ์แรงต้านอากาศ Cd เพียง 0.22 ซึ่งการออกแบบนี้นอกจากเน้นให้มีแรงกดที่ยอดเยี่ยมที่ความเร็วสูงเพื่อการเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีความลู่ลมที่ยังให้ประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี
ขณะที่มิติตัวถังยาว 4.60 เมตร ความกว้าง 1.90 เมตร และความสูง 1.24 เมตร มีน้ำหนักเพียง 1,395 กิโลกรัม ซึ่งจัดอยู่ในระดับรถสปอร์ตขนาดกลางแบบ 2+2 ทั้งยังมีที่เก็บสัมภาระขนาด 150 ลิตร จุถุงกอล์ฟได้ 2 ใบสบายๆ ประตูทั้งสองบานได้รับการออกแบบให้เปิดแบบ ‘Gull Wing’ พร้อมทั้งระบบผ่อนน้ำหนักประตู ทำให้การเปิดปิดหรือเข้าออกเป็นได้อย่างสะดวกแม้สำหรับที่นั่งด้านหลัง ที่นั่งด้านในเป็นลักษณะแบบ ‘เข้ารูป’ เพื่อรับกับสรีระทุกแบบเพื่อการเดินทางที่สบายและกระชับตัวเมื่อต้องการใช้ความเร็ว หลังคาและกระจกรอบคันผลิตจากกระจกโพลีคาร์บอเนตที่สามารถปรับความเข้มของแสงได้
ยังไม่มีรายงานว่าคอนเซปต์คาร์ คันนี้จะใช้ชื่อ(อนุกรม)อะไร หรือจะถูกนำมาขึ้นสายการผลิตและทำตลาดอย่างเป็นทางการเมื่อใด
รถต้นแบบคันดังกล่าวมากับหลักคิด BMW Vision EfficientDynamics ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้รูปแบบของ BMW M คือเป็นรถยนต์สมรรถนะสูง รูปลักษณ์ดุดัน เร้าใจ และสปอร์ตโฉบเฉี่ยว นอกจากนั้นยังผนวกรวมถึงความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยี EfficientDynamics ที่มุ้งเน้นด้านความประหยัดน้ำมันและการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
BMW Vision EfficientDynamics เป็นรถยนต์สปอร์ตแบบ 2+2 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์แบบ Plug-in Full Hybrid ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3 สูบและมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว สามารถผลิตกำลังสูงสุดได้ 356 แรงม้าและแรงบิดมหาศาลถึง 800 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถสร้างอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 4.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (จำกัดความเร็วสูงสุดด้วยระบบอิเลคทรอนิค) และมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยเพียง 26.6 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนอัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์แค่ 99 กรัมต่อกิโลเมตร (ตามมาตรฐาน EU)
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 3 สูบขนาด 1.5 ลิตร พร้อมด้วยสุดยอดเทคโนโลยี BMW Advanced Diesel อัดอากาศด้วยระบบเทอร์โบแปรผันและฉีดน้ำมันด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด Piezo แบบคอมมอนเรล เจนเนอเรชั่นล่าสุด วางเครื่อง ‘กลางลำ’ กล่าวคือ เครื่องยนต์อยู่ในตำแหน่งหน้าเพลาขับด้านหลัง และด้วยขนาดกะทัดรัดของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถมีที่นั่งด้านหลังได้อย่างสบายๆ
ทั้งนี้เครื่องยนต์จะทำงานควบคู่กับระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 38 กิโลวัตต์และผสมผสานการทำงานกับเครื่องยนต์แบบ Full Hybrid กล่าวคือ BMW Vision EfficientDynamics สามารถวิ่งได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์เพียงอย่างเดียว
ในส่วนมอเตอร์ไฟฟ้านั้น พลังงานสามารถได้จาก 2 ทาง คือ (1) ได้จากการกำเนิดไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีระบบ Recuperation ซึ่งเป็นการผลิตพลังงานไฟฟ้าโดยการนำพลังงานส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่โดยไม่สิ้นเปลืองน้ำมันเลยแม้แต่น้อย หลักการของระบบ Recuperation ตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักการเดียวกับระบบ Brake Energy Regeneration กล่าวคือ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า โดยการทำพลังงานส่วนเกินจากการเบรกมา ‘ปั่นไฟ’ แล้วเก็บไว้ในแบตเตอรี่เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่เมื่อต้องการ และ (2) โหมด Plug-in สำหรับชาร์จไฟจากไฟฟ้าบ้านทั่วไปแบบ 220 โวลต์ 16 แอมแปร์ ซึ่งจะสามารถชาร์จตรงเข้าแบตเตอรี่โดยการใช้เวลาชาร์จ 2.5 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถชาร์จผ่านระบบหม้อแปลง 380 โวลต์ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 44 นาทีในการชาร์จเต็มที่
ด้านแบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลีเมอร์ (ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นก้าวหน้าของเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนในปัจจุบัน) จำนวน 98 เซลล์ต่อแบบอนุกรมซึ่งสามารถให้กำลังไฟฟ้า 10.8 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงที่ 364 โวลต์ แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลีเมอร์นี้นอกจากจะมีความจุไฟฟ้าสูงและสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังมีจุดเด่นอีกประการคือ น้ำหนักเบา ชุดแบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลีเมอร์ทั้ง 98 เซลล์นี้มีน้ำหนักรวมเพียง 85 กิโลกรัมซึ่งถูกจัดวางตรงกลางลำตัวตามแนวยาวของตัวรถเพื่อการถ่ายน้ำหนักที่ดี เพื่อความปราดเปรียวสูงสุดในการขับขี่
ดีไซน์ของ BMW Vision EfficientDynamics มุ่งเน้นที่จะแสดงออกถึงความสปอร์ตดุดันตามแบบฉบับ BMW M แต่แฝงด้วยเทคโนโลยีแอร์โรไดนามิกส์ระดับรถแข่งฟอร์มูล่าวันด้วยค่าสัมประสิทธ์แรงต้านอากาศ Cd เพียง 0.22 ซึ่งการออกแบบนี้นอกจากเน้นให้มีแรงกดที่ยอดเยี่ยมที่ความเร็วสูงเพื่อการเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังมีความลู่ลมที่ยังให้ประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี
ขณะที่มิติตัวถังยาว 4.60 เมตร ความกว้าง 1.90 เมตร และความสูง 1.24 เมตร มีน้ำหนักเพียง 1,395 กิโลกรัม ซึ่งจัดอยู่ในระดับรถสปอร์ตขนาดกลางแบบ 2+2 ทั้งยังมีที่เก็บสัมภาระขนาด 150 ลิตร จุถุงกอล์ฟได้ 2 ใบสบายๆ ประตูทั้งสองบานได้รับการออกแบบให้เปิดแบบ ‘Gull Wing’ พร้อมทั้งระบบผ่อนน้ำหนักประตู ทำให้การเปิดปิดหรือเข้าออกเป็นได้อย่างสะดวกแม้สำหรับที่นั่งด้านหลัง ที่นั่งด้านในเป็นลักษณะแบบ ‘เข้ารูป’ เพื่อรับกับสรีระทุกแบบเพื่อการเดินทางที่สบายและกระชับตัวเมื่อต้องการใช้ความเร็ว หลังคาและกระจกรอบคันผลิตจากกระจกโพลีคาร์บอเนตที่สามารถปรับความเข้มของแสงได้
ยังไม่มีรายงานว่าคอนเซปต์คาร์ คันนี้จะใช้ชื่อ(อนุกรม)อะไร หรือจะถูกนำมาขึ้นสายการผลิตและทำตลาดอย่างเป็นทางการเมื่อใด