หากเอ่ยชื่อ "ปนัดดา เจณณวาสิน" คงไม่มีใครสงสัยในความสามารถและหน้าที่ความรับผิดชอบ สำหรับการนั่งตำแหน่งผู้บริหาร บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด แต่อีกด้านที่ขนานไปพร้อมกับการทำงาน หญิงแกร่งคนนี้ยังต้องดูแลครอบครัว อันรวมถึงลูกสาวที่น่ารักอีกสองคน แม้งานประจำจะหนักหนารัดตัวแค่ไหน แต่เธอก็ไม่ยอมให้ตนเองขาดตกบกพร่องในบทบาทของคำว่า"แม่"
ปัจจุบันลูกสาวคนโตของ "ปนัดดา" อายุ 19 ปี กำลังศึกษาอยู่ปี 3 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนคนเล็กอายุ 16 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และเนื่องจากที่วันนี้เป็นวันแม่แห่งชาติ ASTVผู้จัดการมอเตอริ่งจึงถือโอกาสเปิดใจ รองกรรมการผู้จัดการ ตรีเพชรอีซูซุฯ ถึงภารกิจของการเป็นแม่ และแนวทางการเลี้ยงดูลูกของเธอ
- แบ่งเวลาดูลูกอย่างไร
ดิฉันเชื่อว่าถ้ามีการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ความสั้นยาวของเวลาที่อยู่กับลูกไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่หากอยู่ที่ความใส่ใจและความเข้าใจมากกว่า ดังนั้นการที่คุณแม่หลายคนมีเวลามากกว่าดิฉัน 3 เท่า ก็ไม่ได้แปลว่าจะดูแลลูกได้ดีกว่าดิฉัน 3 เท่า
การทำงานไปพร้อมกับดูแลลูกสาวอีก 2 คน ถือว่าเหนื่อยพอสมควร แต่ดิฉันเองไม่ต้องการที่จะล้มเหลวด้านใดด้านหนึ่ง ดังนั้นการวางแผนเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่างตอนที่ลูกเป็นเด็ก ไม่ว่าดิฉันจะกลับบ้านดึกแค่ไหน จะต้องหาเวลาตรวจการบ้านลูกและบางทีก็สื่อสารทาง ไวท์บอร์ด คือลูกจะเขียนสิ่งที่อยากให้ดิฉันทราบไว้ก่อนเข้านอน จากนั้นพอตอนเช้าเราจะตื่นมาเพื่อคุยกันในหลายๆเรื่อง รวมถึงที่แจ้งไว้บนไวท์บอร์ด
- กิจกรรมที่ทำร่วมกันในครอบครัว
ตอนลูกยังเล็กดิฉันและสามีต้องพาพวกเขาไปเรียนดนตรีทุกวันอาทิตย์ และจนถึงวันนี้เรายังถือว่าวันอาทิตย์เป็นวันครอบครัวเหมือนเดิม ไม่ว่าใครจะมีภารกิจอะไร อย่างน้อยต้องมีหนึ่งมื้อที่ต้องกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา และอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี ครอบครัวเราจะหาโอกาสไปพักผ่อนต่างประเทศ
ส่วนมากดิฉันจะถือโอกาสหยุดช่วงสงกรานต์ซึ่งเป็นวันหยุดยาวในการพาครอบครัวไปต่างประเทศ (สงกรานต์ที่ผ่านมาไปฮ่องกง-มาเก๊า) คือถ้ามีเวลาเยอะหน่อยเราอาจไปประเทศแถบยุโรปหรืออเมริกา แต่ถ้ามีเวลาน้อยก็จะเลือกประเทศใกล้ๆในแถบเอเชีย ซึ่งถือเป็นการใช้เวลาอยู่ร่วมกัน 4 คน พ่อ แม่ ลูก ที่คุ้มค่ามาก ขณะเดียวกันจะทำให้ลูกได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆอีกด้วย
- มีลูกผู้หญิง 2 คนดูแลยากไหม
ดิฉันถือว่าตนเองมีบุญที่ได้เป็นแม่ของลูกสองคน เพราะตั้งแต่เล็กจนโต ทั้งคู่ไม่เคยทำตัวเป็นภาระหรือทำให้พ่อแม่เดือดร้อนเลย นอกจากนี้ยังเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดี มีวินัย พร้อมความรับผิดชอบสูงมาก
เราต้องให้ความรักเขามากๆเพราะดิฉันเชื่อว่าความรักของพ่อ-แม่ จะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดี ซึ่งเราจะพยายามพร่ำบอกพวกเขาตลอดเวลาว่า ไม่มีใครรักเขาเท่าพ่อแม่อีกแล้ว และเราจะทำให้ชีวิตเขามีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำให้ได้
- เคยทะเลาะกันตามประสาแม่ลูกบ้างไหม
แม้ตอนเด็กอาจจะมีหลายเรื่องที่พวกเขายังไม่ประสา แต่ดิฉันไม่เคยว่าหรือตีสักครั้งในชีวิต แต่จะเลือกใช้วิธีอธิบายให้เข้าใจ และคิดเสมอว่าต้องเอาใจเขา(ลูก)มาใส่ใจเรา หรือคิดว่าถ้าตนเองอยู่ในวัยเดียวกัน และเจอสถานการณ์เดียวกัน จะทำแบบที่เขาทำหรือไม่ ซึ่งหลังจากวิเคราะห์แล้ว ถ้าได้คำตอบคือใช่ ดิฉันก็จะปล่อยให้เขาทำไป
- เป็นคนตามใจลูกหรือเปล่า
ตั้งแต่เด็กจนโต ดิฉันจะให้เงินไปโรงเรียนพวกแกน้อยมากเมื่อเทียบกับลูกคนอื่นหรือถ้าจะนั่งมาร้องไห้งอแงขอโน้นขอนี่ที่ไม่จำเป็นดิฉันก็ไม่เคยควักสตางค์ซื้อให้ ขณะเดียวกันจะสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน ซึ่งทุกวันนี้ลูกทั้งสองมีการจัดการการเงินที่ดี และไม่เป็นคนใช้จ่ายฟุ้มเฟือย
- ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก
คงเกิดจากการวางแผน และการให้ความรัก ที่สำคัญต้องทำให้บ้านมีความสุข ให้ลูกรู้สึกอยากลับบ้าน คิดถึงบ้าน และมีอะไรสามารถปรึกษาพ่อกับแม่ได้ทุกเรื่อง
เราใส่ Input เข้าไปอย่างไร Output ก็ออกมาอย่างนั้น เพราะดิฉันเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่การสอน การทำความเข้าใจ ที่สำคัญต้องให้ความรักมากๆ และเริ่มทำตั้งแต่พวกเขายังเด็ก
- คาดหวังความสำเร็จของลูกไหม
ดิฉันบอกอยู่เสมอว่าให้เขามองเป้าหมายที่ละสเต็ป คือถ้าตอนเด็กมีใครถามว่า โตไปหนูอยากเป็นอะไร ก็ไม่ต้องไปบอกจะเป็นหมอ เป็นวิศวกร เพราะนั่นยิ่งทำให้เขาสับสน แต่ให้มองทีละขั้น หรือบอกคนที่ถามไปเลยว่า ต้องเรียนจบชั้นอะไรก่อน แล้วจะเข้าเรียนต่อที่ไหน สาขาอะไรแค่นี้พอแล้ว
เป้าหมายชีวิตต้องก้าวไปที่ละขั้น ค่อยๆพัฒนาตัวเองไปให้ถึงความสำเร็จ ส่วนตัวดิฉันเองไม่ได้คาดหวังอะไร ขอแค่ให้พวกเขาเป็นคนดี ได้ทำงานที่ตนเองรัก และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
- ในโอกาสวันแม่มีข้อแนะนำแม่คนอื่นๆอย่างๆไร
ใครๆก็อยากให้ลูกตนเองเป็นคนดี และประสบความสำเร็จในอนาคต แต่ในฐานะคนเป็นพ่อเป็นแม่ ดิฉันไม่อยากให้คุณคาดหวังกับลูก หรือตีกรอบให้ลูกมากจนเกินไป คือต้องให้อิสระเขาบ้าง แต่ทั้งหลายทั้งปวงต้องมีระเบียบและอยู่บนความพอดี ที่สำคัญต้องให้ความรักเขามากๆและต้องทำตั้งแต่เล็ก เพราะโตขึ้นมาเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
...นั่นคือปนัดดา เจณณวาสิน ในบทบาทของแม่ที่มีแต่จะเติมความรักให้ลูกมากขึ้นทุกวัน ขณะเดียวกันเธอได้สะท้อนให้เห็นว่า ครอบครัวที่อบอุ่น ถือเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตอย่างแท้จริง
ปัจจุบันลูกสาวคนโตของ "ปนัดดา" อายุ 19 ปี กำลังศึกษาอยู่ปี 3 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนคนเล็กอายุ 16 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และเนื่องจากที่วันนี้เป็นวันแม่แห่งชาติ ASTVผู้จัดการมอเตอริ่งจึงถือโอกาสเปิดใจ รองกรรมการผู้จัดการ ตรีเพชรอีซูซุฯ ถึงภารกิจของการเป็นแม่ และแนวทางการเลี้ยงดูลูกของเธอ
- แบ่งเวลาดูลูกอย่างไร
ดิฉันเชื่อว่าถ้ามีการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ความสั้นยาวของเวลาที่อยู่กับลูกไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่หากอยู่ที่ความใส่ใจและความเข้าใจมากกว่า ดังนั้นการที่คุณแม่หลายคนมีเวลามากกว่าดิฉัน 3 เท่า ก็ไม่ได้แปลว่าจะดูแลลูกได้ดีกว่าดิฉัน 3 เท่า
การทำงานไปพร้อมกับดูแลลูกสาวอีก 2 คน ถือว่าเหนื่อยพอสมควร แต่ดิฉันเองไม่ต้องการที่จะล้มเหลวด้านใดด้านหนึ่ง ดังนั้นการวางแผนเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่างตอนที่ลูกเป็นเด็ก ไม่ว่าดิฉันจะกลับบ้านดึกแค่ไหน จะต้องหาเวลาตรวจการบ้านลูกและบางทีก็สื่อสารทาง ไวท์บอร์ด คือลูกจะเขียนสิ่งที่อยากให้ดิฉันทราบไว้ก่อนเข้านอน จากนั้นพอตอนเช้าเราจะตื่นมาเพื่อคุยกันในหลายๆเรื่อง รวมถึงที่แจ้งไว้บนไวท์บอร์ด
- กิจกรรมที่ทำร่วมกันในครอบครัว
ตอนลูกยังเล็กดิฉันและสามีต้องพาพวกเขาไปเรียนดนตรีทุกวันอาทิตย์ และจนถึงวันนี้เรายังถือว่าวันอาทิตย์เป็นวันครอบครัวเหมือนเดิม ไม่ว่าใครจะมีภารกิจอะไร อย่างน้อยต้องมีหนึ่งมื้อที่ต้องกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา และอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี ครอบครัวเราจะหาโอกาสไปพักผ่อนต่างประเทศ
ส่วนมากดิฉันจะถือโอกาสหยุดช่วงสงกรานต์ซึ่งเป็นวันหยุดยาวในการพาครอบครัวไปต่างประเทศ (สงกรานต์ที่ผ่านมาไปฮ่องกง-มาเก๊า) คือถ้ามีเวลาเยอะหน่อยเราอาจไปประเทศแถบยุโรปหรืออเมริกา แต่ถ้ามีเวลาน้อยก็จะเลือกประเทศใกล้ๆในแถบเอเชีย ซึ่งถือเป็นการใช้เวลาอยู่ร่วมกัน 4 คน พ่อ แม่ ลูก ที่คุ้มค่ามาก ขณะเดียวกันจะทำให้ลูกได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆอีกด้วย
- มีลูกผู้หญิง 2 คนดูแลยากไหม
ดิฉันถือว่าตนเองมีบุญที่ได้เป็นแม่ของลูกสองคน เพราะตั้งแต่เล็กจนโต ทั้งคู่ไม่เคยทำตัวเป็นภาระหรือทำให้พ่อแม่เดือดร้อนเลย นอกจากนี้ยังเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดี มีวินัย พร้อมความรับผิดชอบสูงมาก
เราต้องให้ความรักเขามากๆเพราะดิฉันเชื่อว่าความรักของพ่อ-แม่ จะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดี ซึ่งเราจะพยายามพร่ำบอกพวกเขาตลอดเวลาว่า ไม่มีใครรักเขาเท่าพ่อแม่อีกแล้ว และเราจะทำให้ชีวิตเขามีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำให้ได้
- เคยทะเลาะกันตามประสาแม่ลูกบ้างไหม
แม้ตอนเด็กอาจจะมีหลายเรื่องที่พวกเขายังไม่ประสา แต่ดิฉันไม่เคยว่าหรือตีสักครั้งในชีวิต แต่จะเลือกใช้วิธีอธิบายให้เข้าใจ และคิดเสมอว่าต้องเอาใจเขา(ลูก)มาใส่ใจเรา หรือคิดว่าถ้าตนเองอยู่ในวัยเดียวกัน และเจอสถานการณ์เดียวกัน จะทำแบบที่เขาทำหรือไม่ ซึ่งหลังจากวิเคราะห์แล้ว ถ้าได้คำตอบคือใช่ ดิฉันก็จะปล่อยให้เขาทำไป
- เป็นคนตามใจลูกหรือเปล่า
ตั้งแต่เด็กจนโต ดิฉันจะให้เงินไปโรงเรียนพวกแกน้อยมากเมื่อเทียบกับลูกคนอื่นหรือถ้าจะนั่งมาร้องไห้งอแงขอโน้นขอนี่ที่ไม่จำเป็นดิฉันก็ไม่เคยควักสตางค์ซื้อให้ ขณะเดียวกันจะสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน ซึ่งทุกวันนี้ลูกทั้งสองมีการจัดการการเงินที่ดี และไม่เป็นคนใช้จ่ายฟุ้มเฟือย
- ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก
คงเกิดจากการวางแผน และการให้ความรัก ที่สำคัญต้องทำให้บ้านมีความสุข ให้ลูกรู้สึกอยากลับบ้าน คิดถึงบ้าน และมีอะไรสามารถปรึกษาพ่อกับแม่ได้ทุกเรื่อง
เราใส่ Input เข้าไปอย่างไร Output ก็ออกมาอย่างนั้น เพราะดิฉันเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่การสอน การทำความเข้าใจ ที่สำคัญต้องให้ความรักมากๆ และเริ่มทำตั้งแต่พวกเขายังเด็ก
- คาดหวังความสำเร็จของลูกไหม
ดิฉันบอกอยู่เสมอว่าให้เขามองเป้าหมายที่ละสเต็ป คือถ้าตอนเด็กมีใครถามว่า โตไปหนูอยากเป็นอะไร ก็ไม่ต้องไปบอกจะเป็นหมอ เป็นวิศวกร เพราะนั่นยิ่งทำให้เขาสับสน แต่ให้มองทีละขั้น หรือบอกคนที่ถามไปเลยว่า ต้องเรียนจบชั้นอะไรก่อน แล้วจะเข้าเรียนต่อที่ไหน สาขาอะไรแค่นี้พอแล้ว
เป้าหมายชีวิตต้องก้าวไปที่ละขั้น ค่อยๆพัฒนาตัวเองไปให้ถึงความสำเร็จ ส่วนตัวดิฉันเองไม่ได้คาดหวังอะไร ขอแค่ให้พวกเขาเป็นคนดี ได้ทำงานที่ตนเองรัก และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
- ในโอกาสวันแม่มีข้อแนะนำแม่คนอื่นๆอย่างๆไร
ใครๆก็อยากให้ลูกตนเองเป็นคนดี และประสบความสำเร็จในอนาคต แต่ในฐานะคนเป็นพ่อเป็นแม่ ดิฉันไม่อยากให้คุณคาดหวังกับลูก หรือตีกรอบให้ลูกมากจนเกินไป คือต้องให้อิสระเขาบ้าง แต่ทั้งหลายทั้งปวงต้องมีระเบียบและอยู่บนความพอดี ที่สำคัญต้องให้ความรักเขามากๆและต้องทำตั้งแต่เล็ก เพราะโตขึ้นมาเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
...นั่นคือปนัดดา เจณณวาสิน ในบทบาทของแม่ที่มีแต่จะเติมความรักให้ลูกมากขึ้นทุกวัน ขณะเดียวกันเธอได้สะท้อนให้เห็นว่า ครอบครัวที่อบอุ่น ถือเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตอย่างแท้จริง