อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร ประจำปี 2552 เส้นทางที่ 2 “สกลนคร - หนองคาย” นำสมาชิกประชาคมอีซูซุขับรถสู่แดนอีสาน ชมความงามของวัดป่าอุดมสมพร แหล่งรวมศรัทธาของชุมชนภาคอีสาน พร้อมชื่นชมบารมีอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระนักปฏิบัติและพัฒนาอย่างแท้จริง ตลอดจนเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์มรดกโลกบ้านเชียง แหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ และพระธาตุบังพวน เจดีย์เก่าแก่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นที่เคารพสักการะของชาวหนองคายมาช้านาน
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เดินหน้าส่งเสริมนโยบาย “เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้วยการจัดคาราวานท่องเที่ยวทางรถยนต์ “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร ประจำปี 2552” เส้นทางที่ 2 นำสมาชิกประชาคมอีซูซุมากกว่า 100 ชีวิตจากทั่วทุกสารทิศ ร่วมเดินทางไปกับรถอีซูซุจากจังหวัดสกลนคร สู่จังหวัดหนองคาย
ขบวนคาราวานเริ่มต้นที่โชว์รูม หจก. เฮียบหงวนมิลเลอร์ (สกลนคร) โดยได้รับเกียรติจาก สมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร, ที. มิยาจิ ผู้จัดการฝ่ายขายดีลเลอร์ บี บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และ พงษ์อนันต์ จันทร์ไพร ผู้แทนจากการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดสกลนคร ร่วมเป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนคาราวาน
ขบวนรถอีซูซุดีแมคซ์ และอีซูซุ มิวเซเว่น ต่างมุ่งหน้าจากจุดปล่อยขบวนคาราวานสู่วัดป่าอุดมสมพรเป็นที่แรก เพื่อเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปเจดีย์ฐานกลมกลีบบัวสามชั้น ภายในมีรูปปั้นพระอาจารย์ฝั้นขนาดเท่ารูปจริง ในท่านั่งห้อยเท้า และถือไม้เท้าไว้ในมือ มีตู้กระจกบรรจุอัฐิ และแสดงเครื่องอัฐบริขารที่ท่านใช้เมื่อยามมีชีวิต รวมทั้งประวัติความเป็นมาตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ
หลังจากนั้นขบวนคาราวานจึงออกเดินทางเพื่อไปบริจาคอุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์กีฬา ตลอดจนทุนการศึกษาจำนวน 10,000 บาท และหนังสือที่มีประโยชน์จากการสนับสนุนของบริษัท รักลูกกรุ๊ป จำกัด ให้แก่นักเรียนโรงเรียนบ้านผ้าขาวโพนแพง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กๆ ระดับประถมศึกษาในอำเภอพังโคน ซึ่งมีนักเรียนเพียง 168 คนเท่านั้น
จากนั้นสมาชิกขบวนคาราวานอีซูซุตั้งขบวนอีกครั้งเพื่อเดินทางไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี แหล่งประวัติศาสตร์สำคัญของไทย และภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ ซึ่งกรมศิลปากรได้ทำการสำรวจขุดค้นแหล่งโบราณคดีที่บ้านเชียง ระหว่างปี พ.ศ. 2517–2518 จากการศึกษาหลักฐานต่างๆ ที่พบทำให้บ้านเชียงเป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีอายุราว 1822–4600 ปี โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้จดทะเบียนให้แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงนี้เป็นมรดกโลกทางประวัติศาสตร์ เมื่อเดือนธันวาคม 2535 ณ เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงแห่งนี้ เปิดให้บริการทุกวัน ระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น. อัตราค่าเข้าชมคือ ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท
เสร็จจากการเยือนมรดกโลกบ้านเชียง สมาชิกคาราวานก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดหนองคาย และแวะสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดพระธาตุบังพวน ตัวองค์พระธาตุเดิมสร้างด้วยอิฐเผา ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่น เป็นสถูปแบบอินเดียรุ่นเดียวกับองค์พระปฐมเจดีย์ ต่อมาได้พังทลายลง เจดีย์องค์ปัจจุบันจึงได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่โดยกรมศิลปากร เป็นรูปปรางค์สี่เหลี่ยมต่อกันเป็นบัวปากระฆัง มีฐานทักษิณ 5 ชั้น กว้าง 17.20 เมตร ชั้นที่ 6 เป็นรูปทรงระฆังคว่ำ ชั้นที่ 7 เป็นรูปดาวปลี เหนือขึ้นไปเป็นที่ตั้งฉัตร สูงจากพื้นดิน 34.25 เมตร
ชาวหนองคายจัดงานนมัสการพระธาตุในวันขึ้น 11 ค่ำเดือนยี่ของทุกปี ภายในบริเวณวัดมีโบราณสถานอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ได้แก่ สัตตมหาสถาน หรือ สถานที่สำคัญ 7 แห่งในพุทธประวัติหลังจากที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้วและได้เสด็จประทับเสวยวิมุติสุขแห่งละ 7 วัน และสระปัพพฬนาค หรือสระพญานาค ในสมัยโบราณนั้นเมื่อมีการแต่งตั้งเจ้าเมืองก็จะนำน้ำจากสระนี้ไปสรงเพื่อความเป็นสิริมงคล สุดท้ายก็เคลื่อนขบวนเข้าสู่ที่พัก
เรื่องราวความประทับใจของการเดินทางไปกับ “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร ประจำปี 2552” ยังมีอีก 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางพิษณุโลก - เพชรบูรณ์ ในวันที่ 18-19 กรกฎาคม และเส้นทางระหว่างประเทศไทยสู่ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 7-11 สิงหาคม ศกนี้
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เดินหน้าส่งเสริมนโยบาย “เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้วยการจัดคาราวานท่องเที่ยวทางรถยนต์ “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร ประจำปี 2552” เส้นทางที่ 2 นำสมาชิกประชาคมอีซูซุมากกว่า 100 ชีวิตจากทั่วทุกสารทิศ ร่วมเดินทางไปกับรถอีซูซุจากจังหวัดสกลนคร สู่จังหวัดหนองคาย
ขบวนคาราวานเริ่มต้นที่โชว์รูม หจก. เฮียบหงวนมิลเลอร์ (สกลนคร) โดยได้รับเกียรติจาก สมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร, ที. มิยาจิ ผู้จัดการฝ่ายขายดีลเลอร์ บี บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และ พงษ์อนันต์ จันทร์ไพร ผู้แทนจากการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดสกลนคร ร่วมเป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนคาราวาน
ขบวนรถอีซูซุดีแมคซ์ และอีซูซุ มิวเซเว่น ต่างมุ่งหน้าจากจุดปล่อยขบวนคาราวานสู่วัดป่าอุดมสมพรเป็นที่แรก เพื่อเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปเจดีย์ฐานกลมกลีบบัวสามชั้น ภายในมีรูปปั้นพระอาจารย์ฝั้นขนาดเท่ารูปจริง ในท่านั่งห้อยเท้า และถือไม้เท้าไว้ในมือ มีตู้กระจกบรรจุอัฐิ และแสดงเครื่องอัฐบริขารที่ท่านใช้เมื่อยามมีชีวิต รวมทั้งประวัติความเป็นมาตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ
หลังจากนั้นขบวนคาราวานจึงออกเดินทางเพื่อไปบริจาคอุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์กีฬา ตลอดจนทุนการศึกษาจำนวน 10,000 บาท และหนังสือที่มีประโยชน์จากการสนับสนุนของบริษัท รักลูกกรุ๊ป จำกัด ให้แก่นักเรียนโรงเรียนบ้านผ้าขาวโพนแพง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กๆ ระดับประถมศึกษาในอำเภอพังโคน ซึ่งมีนักเรียนเพียง 168 คนเท่านั้น
จากนั้นสมาชิกขบวนคาราวานอีซูซุตั้งขบวนอีกครั้งเพื่อเดินทางไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี แหล่งประวัติศาสตร์สำคัญของไทย และภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ ซึ่งกรมศิลปากรได้ทำการสำรวจขุดค้นแหล่งโบราณคดีที่บ้านเชียง ระหว่างปี พ.ศ. 2517–2518 จากการศึกษาหลักฐานต่างๆ ที่พบทำให้บ้านเชียงเป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีอายุราว 1822–4600 ปี โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้จดทะเบียนให้แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงนี้เป็นมรดกโลกทางประวัติศาสตร์ เมื่อเดือนธันวาคม 2535 ณ เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงแห่งนี้ เปิดให้บริการทุกวัน ระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น. อัตราค่าเข้าชมคือ ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท
เสร็จจากการเยือนมรดกโลกบ้านเชียง สมาชิกคาราวานก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดหนองคาย และแวะสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดพระธาตุบังพวน ตัวองค์พระธาตุเดิมสร้างด้วยอิฐเผา ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่น เป็นสถูปแบบอินเดียรุ่นเดียวกับองค์พระปฐมเจดีย์ ต่อมาได้พังทลายลง เจดีย์องค์ปัจจุบันจึงได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่โดยกรมศิลปากร เป็นรูปปรางค์สี่เหลี่ยมต่อกันเป็นบัวปากระฆัง มีฐานทักษิณ 5 ชั้น กว้าง 17.20 เมตร ชั้นที่ 6 เป็นรูปทรงระฆังคว่ำ ชั้นที่ 7 เป็นรูปดาวปลี เหนือขึ้นไปเป็นที่ตั้งฉัตร สูงจากพื้นดิน 34.25 เมตร
ชาวหนองคายจัดงานนมัสการพระธาตุในวันขึ้น 11 ค่ำเดือนยี่ของทุกปี ภายในบริเวณวัดมีโบราณสถานอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ได้แก่ สัตตมหาสถาน หรือ สถานที่สำคัญ 7 แห่งในพุทธประวัติหลังจากที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้วและได้เสด็จประทับเสวยวิมุติสุขแห่งละ 7 วัน และสระปัพพฬนาค หรือสระพญานาค ในสมัยโบราณนั้นเมื่อมีการแต่งตั้งเจ้าเมืองก็จะนำน้ำจากสระนี้ไปสรงเพื่อความเป็นสิริมงคล สุดท้ายก็เคลื่อนขบวนเข้าสู่ที่พัก
เรื่องราวความประทับใจของการเดินทางไปกับ “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร ประจำปี 2552” ยังมีอีก 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางพิษณุโลก - เพชรบูรณ์ ในวันที่ 18-19 กรกฎาคม และเส้นทางระหว่างประเทศไทยสู่ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 7-11 สิงหาคม ศกนี้