xs
xsm
sm
md
lg

เบนซ์-วอลโว่-บีเอ็มฯ งัดรถใหม่-หั่นราคาล่อเศรษฐี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวในประเทศ - ตลาดรถหรูฟัดเดือด! ไม่เพียง บีเอ็มดับเบิลยู ส่งเวอร์ชั่นพิเศษซีรี่ส์ 5 กดราคาลงมาจากเดิม 7 แสนบาท ชนกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ แบบตาต่อตาฟันต่อฟันแล้ว ค่ายตราดาวยังถูกผู้นำเข้าอิสระรุมสกรัม จนต้องแก้เกมเร่งเข็น อี-คลาส โฉมใหม่เบรกลูกค้า เพื่อนำเสนอข้อมูลทางเทคโนโลยีทันสมัยแบบสุดๆ ให้กับสื่อมวลชนและลูกค้า โดยนำ อี500 เครื่องยนต์ 5.5 ลิตร 388 แรงม้า มาเผยโฉมให้เศรษฐีกระเป๋าหนักจริงๆ สั่งซื้อ ก่อนที่จะส่งรุ่นธงตามมาในช่วงปลายปี เหตุบริษัทแม่จะปรับแต่งเครื่องยนต์เรียบร้อย ให้รองรับน้ำมันไทยได้ในปลายไตรมาสสามนี้ ตามมาด้วยรุ่นซีเคดีช่วงต้นปีหน้า ขณะที่ วอลโว่ ไม่ยอมถูกตีกิน เตรียมหวนกลับลุยตลาดรถหรูเล็ก ในเร็วๆ นี้เตรียมเปิดตัว เอส40/วี50 ทำตลาดในไทย เผยเคาะราคาออกมาลูกค้าได้ฮือฮาแน่ๆ
บีเอ็มดับเบิลยู 520ดี
แม้จะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม แต่รถยนต์ระดับหรูหราก็แข่งขันกันดุเดือดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสภาวะที่ตลาดรถยนต์ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจตกต่ำ ทุกยี่ห้อจึงงัดกลยุทธ์ออกมาชิงลูกค้ากันทุกรูปแบบ และที่ฮือฮาสุดๆ เห็นจะเป็นเจ้าตลาดรถหรู เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ประกาศให้ส่วนลดสูงถึงกว่า 7 แสนบาท กับลูกค้าที่ซื้อเงินสด อี-คลาส เอ็นจีที หรือจะเลือกซื้อเงินผ่อนในอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 72 เดือน กับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสทุกรุ่นก็ได้ แถมยังปรับราคารุ่นอีและซี-คลาสลงอีก 1.3-1.6 แสนบาท จากสิทธิโยชน์ของรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน E20 ได้

การทุบตลาดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำให้ค่ายคู่แข่งถึงกับสะเทือนไปตามๆ กัน จนล่าสุดคู่แข่งสำคัญ บีเอ็มดับเบิลยู ทนไม่ได้ ต้องโดดลงมาร่วมวงเปิดศึกราคา ด้วยการส่งบีเอ็มดับเบิลยู 520d เวอร์ชั่น Corporate Edition หรือรถผู้บริหารราคาสบายกระเป๋า เพราะเคาะราคาเพียง 2.999 ล้านบาท หรือลดลงจากเดิมประมาณ 7 แสนบาท

ส่วนสิ่งที่หายไปจากรุ่นเดิม เพื่อแลกกับเงิน 7 แสนบาท ได้แก่ ระบบเปิดประตูอัฉริยะ(Comfort Access), ไฟหน้าซีนอนเปลี่ยนเป็นแบบฮาโลเจน, ซีดีเชนจ์เจอร์, ฟังก์ชันบางอย่างบนพวงมาลัย และลายไม้ที่เปลี่ยนไป ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ยังมีมาให้ครบครันเช่นเดิม โดยบีเอ็มดับเบิลยูนำร่องโครงการ 48 เท่านั้น เพื่อสำรวจเสียงตอบรับในล็อตแรกก่อน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี500 W212
ไม่เพียงบีเอ็มดับเบิลยูจะท้าชนเมอร์เซเดส-เบนซ์ แม้บรรดาผู้นำเข้าอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ตก็ฉวยจังหวะค่ายตราดาว กำลังเตรียมเปิดตัวโฉมใหม่ของ อี-คลาส (W212) ปลายปี ชิงล้วงกระเป๋าบรรดาเศรษฐีใจร้อน ที่ต้องการสินค้าแบบใหม่สดใกล้เคียงกับต่างประเทศ ด้วยการนำเข้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ใหม่ มาฟันยอดขายไปหลายสิบคันแล้ว

ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ทำได้ดีที่สุดก็เพียงแต่เตือนลูกค้าว่า ระวังเครื่องยนต์จะมีปัญหา เพราะอี-คลาสโฉมใหม่เป็นเทคโนโลยีล่าสุด ไม่สามารถใช้กับน้ำมันในไทยได้ ซึ่งเครื่องยนต์ที่ปรับให้รองรับน้ำมันไทยจะต้องรอถึงปลายไตรมาสสามของปีนี้ จากนั้นเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ถึงจะนำเข้ามาทำตลาด
แต่นั่นดูเหมือนจะไม่เพียงพอ ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ต้องตีโต้กลับบ้าง โดยวันที่ 24 สิงหาคมที่จะถึงนี้ จะมีการนำเข้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส โฉมใหม่ มาเปิดตัวกับสื่อมวลชน และมีการจัดกิจกรรมพิเศษให้ลูกค้าอีก 2 วัน

ทั้งนี้จุดประสงค์ที่เปิดตัวอี-คลาส ใหม่ เพราะต้องการนำเสนอเทคโนโลยีทันสมัยแบบสุดๆ ของอี-คลาส รหัสตัวถัง W212 นี้เป็นหลัก เพราะรุ่นธงจริงๆ จะนำเข้ามาทำตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้าย ตามนโยบายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ที่ต้องการมอบสินค้าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เนื่องจากทางบริษัทแม่จะปรับแต่งเครื่องยนต์ ให้รองรับมาตรฐานน้ำมันในไทยได้ ในช่วงปลายไตรมาสสามปีนี้ ส่วนรุ่นประกอบในประเทศ (CKD) จะตามมาในช่วงต้นปีหน้า

ดังนั้นเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จึงส่งรุ่น อี500 โฉมใหม่ มาเบรกลูกค้าไม่ให้หนีไปหาผู้นำเข้าอิสระหมด เนื่องจากติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.5 ลิตร กำลัง 388 แรงม้า ที่ไม่ใช่ระบบไดเร็กอินเจ็คชั่น จึงสามารถรองรับมาตรฐานน้ำมันไทยได้ ส่วนสนนราคาขณะนี้ยังไม่เคาะ แต่น่าจะสูงกว่าอี-คลาสรุ่นปัจจุบัน ที่มีราคาสูงสุดมากกว่า 5 ล้านบาทมากทีเดียว เนื่องจากอี500 ใหม่ ที่จะทำตลาดเป็นรุ่นท็อป ติดตั้งอุปกรณ์ครบครัน
วอลโว่ เอส40
ถึงอย่างนั้นใช่ว่าตลาดรถหรู จะลดความร้อนแรงเพียงแค่นี้ เพราะในอนาคตอันใกล้ วอลโว่ จะโดดลงมาเปิดศึกด้วย โดยหวนกลับมาทำตลาดเซกเม้นท์รถหรูขนาดเล็ก ด้วยการส่งวอลโว่ รุ่นเอส40 (S40)และวี50 (50) เพื่อท้าชนกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์3

นับเป็นการนำเข้ามาทำตลาดช้ามากทีเดียว เพราะทั้งสองรุ่นเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2003 และทำการไมเนอร์เชนจ์เมื่อกลางปี 2007 เพื่อทำตลาดในยุโรป และทำตลาดในภูมิภาคอื่นๆ ตั้งแต่ปลายปีเดียวกันเป็นต้นไป ซึ่งทั้งเอส40/วี50 เป็นรถยนต์สายพันธุ์เดียวกัน แต่เหตุผลที่แยกรุ่นให้แตกต่าง เพราะวอลโว่ต้องการให้เกิดความชัดเจน ในเรื่องของประเภทตัวถัง ที่นอกจากจะใช้ภาษาอังกฤษบ่งบอกแล้ว (S-Sedan, V-Versatility, C-Coupe และ XC-Cross-Country) ยังใช้ตัวเลขด้านหลัง 2 หลัก ในการย้ำให้ชัดว่า เลขคู่หมายถึงเก๋งซีดาน 4 ประตู เช่น เอส40, เอส60 และเอส80 แต่ถ้าเลขคี่จะเป็นรถประเภทอื่นๆ เช่น ซี70, ซี30 หรือเอ็กซ์ซี90
วอลโว่ วี50
ส่วนเครื่องยนต์ของวอลโว่ เอส40/วี50 ที่ทำตลาดในต่างประเทศ มีทั้งเบนซิน 4 สูบ 1.6 ลิตร 99 แรงม้า, 1.8 ลิตร 123 แรงม้า, 2.0 ลิตร 136 แรงม้า, 2.4 ลิตร 170 แรงม้า และเทอร์โบดีเซล 1.6Ds 108 แรงม้า, 2.0Ds 134 แรงม้า และรุ่น T5 เทอร์โบ 5 สูบ 2,500 ซีซี 230 แรงม้า ส่วนรุ่นเทอร์โบดีเซล D5 178 แรงม้า

สำหรับในเมืองไทยนโยบายของวอลโว่ ประเทศไทย ย่อมต้องเน้นไปที่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลัก ส่วนสนนราคาแว่วว่าจะเคาะออกมา ชนิดทำให้ลูกค้าจะต้องหันมามองก็แล้วกัน

ส่วนลูกค้าจะเลือกตามความหนักเบาของกระเป๋า ความชอบของรูปลักษณ์ เครื่องยนต์ หรือสถานะทางสังคม ในเมื่อมีรถยนต์หลากหลายรุ่นและยี่ห้อ ให้ถอยตามความต้องการเช่นนี้ ทีนี้ก็อยู่ที่การตัดสินใจของท่านแล้ว!!
กำลังโหลดความคิดเห็น