หลังจากนำเสนอความเคลื่อนไหวของฝั่งญี่ปุ่นไปแล้ว คราวนี้เป็นคิวของทางฝั่งยุโรปกันบ้าง รวมถึงค่ายน้องใหม่จากอินเดียอย่าง ตาต้า ที่ประกาศบุกประเทศไทยอย่างเต็มกำลัง
ฟอร์ด
ในเมื่อพันธมิตรอย่างมาสด้าได้มีการปรับโฉมแน่นอน เชื่อว่า “ฟอร์ด” ย่อมต้องมีการขยับในส่วนของปิกอัพ “เรนเจอร์” เช่นกัน ด้วยการไมเนอร์เชนจ์ในเวลาไม่แตกต่างจากบีที-50 กันมากนัก และจากนั้นตลอดทั้งปีฟอร์ดจะมีการสร้างสีสันใหม่ๆ โดยหันมาสร้างความต่างกับเวอร์ชั่นพิเศษ ตอบสนองลูกค้าที่ชื่นชอบความแตกต่าง เรียกว่าขอเก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับรุ่นหลักในตลาดทั่วไป ที่แข่งขันกันดุเดือดเลือดพล่านเหลือเกิน
แน่นอนในส่วนของรถอเนกประสงค์พีพีวีรุ่น “เอเวอเรสต์” ที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ เชื่อว่าคงจะต้องมีการแต่งหน้าทาปากตามไปด้วย ขณะที่เก๋ง “ฟอร์ด โฟกัส” หลังจากได้มีการเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ไปแล้วเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่จะเริ่มส่งมอบรถให้กับลูกค้าและบุกตลาดจริงจัง จะเริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
วอลโว่
ค่ายรถจากสวีเดน “วอลโว่” กลับมารุกตลาดรถหรูไทยอีกครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่ปีที่ผ่านมากับรุ่นเอส80 และในปีนี้ยังมีคิวเปิดตัวรถใหม่เช่นกัน เริ่มตั้งแต่ต้นปีกับ วอลโว่ ซี30 สปอร์ตคอมแพ็กต์ที่เคยนำมาโชว์ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2007 เมื่อปีที่ผ่านมา คราวนี้จะเป็นทำตลาดอย่างจริงจังเสียที ซึ่งก็เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี เพราะซี30 ได้รับรางวัลจากทั่วโลกการันตีมามากมาย และรุ่นที่จะทำตลาดในไทยน่าจะเป็นเครื่องยนต์ 2500 ซีซี 220 แรงม้า ตัวเดียวกับที่นำเข้ามาโชว์ครั้งที่แล้ว
จากนั้นช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นรถสเตชั่นแวกอน 5 ประตู อันลือชื่อ “วอลโว่ วี70” โฉมใหม่ จุดเด่นสุดๆ ของรถรุ่นนี้เห็นจะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่กับความปลอดภัย เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กโต หรือ Booster แบบฝังรวมอยู่ในเบาะนั่งหลัง และมีให้เลือกปรับได้ 2 ระดับความสูงมาให้ ส่วนเครื่องยนต์แม้จะมีทั้งเบนซินและดีเซล แต่ดูจากทิศทางการทำตลาดช่วงหลังๆ ของวอลโว่แล้ว หวยน่าจะออกที่เครื่องยนต์โบดีเซล 5 สูบ 2,400 ซีซี แต่มีให้เลือก 2 ความแรง คือ 2.4D 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 34.6 กก.-ม. และรุ่น D5 185 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม.
เมอร์เซเดส-เบนซ์
หลังจากเปิดศึกกับบรรดาเกรย์มาร์เก็ต ด้วยการนำเข้า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส” โฉมใหม่ จากประเทศเยอรมนีไปแล้ว ต้นปีนี้คงจะถึงเวลาของซี-คลาส เวอร์ชั่นประกอบในประเทศ (CKD) เสียที ถึงเวลานั้นเชื่อว่าจะทำให้ยอดขายของค่ายตราดาวกลับมาคึกคักอีกครั้ง และแน่นอนราคาของรุ่นซีเคดีต้องลดลงจากรุ่นซีบียูอยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะไม่มากมายหลายแสนบาทนัก เพราะราคารุ่นซีบียูได้ตั้งไว้สูงกว่าไม่มากนักอยู่แล้ว
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสใหม่ เวอร์ชั่นซีเคดีช่วงแรกจะเน้นไปที่เครื่องยนต์เบนซิน แม้จะเป็นแบบเดิมๆ แต่ก็ปรับปรุงสมรรถนะให้ดีขึ้น ซึ่งน่าจะยืนพื้นที่เครื่องยนต์ 4 สูบ ในรุ่น C180 Kompressor 1796 ซีซี ซูเปอร์ชาร์จ 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 23.4 กก.-ม. ตามด้วย C200 Kompressor ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบบล็อกเดียวกับรุ่น C180K แต่มีกำลังขยับขึ้นเป็น 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ส่วนในรุ่นวี6 น่าจะมีเฉพาะรุ่น C230 มีความจุ 2496 ซีซี 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 24.9 กก.-ม.เท่านั้น
บีเอ็มดับเบิลยู
ขณะที่คู่แข่งสำคัญ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” เตรียมรุกตลาดครั้งใหญ่ มีหรือที่ค่ายใบพัดสีฟ้าจะทนนิ่งอยู่ได้ แน่นอนย่อมต้องมีทางเลือกใหม่ ให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบซีรี่ส์ 3 ที่เป็นคู่แข่งโดยตรงกับซี-คลาส แต่ไม่ใช่การปรับโฉมแน่นอน ดังนั้นทางเป็นไปได้มากที่สุดจึงเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลที่ปัจจุบันมีเพียงเฉพาะในซีรี่ส์ 5 เท่านั้น
ทั้งนี้บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ได้มีการนำเข้าบีเอ็มดับเบิลยู 330d เครื่องยนต์ดีเซลอีกรุ่นมาศึกษาตลาดและสภาพแวดล้อมในไทย พร้อมให้บรรดาสื่อมวลชนสายยานยนต์นำไปทดสอบเมื่อปีที่ผ่านมา ดังนั้นแนวโน้มรถยนต์รุ่นใหม่ที่บีเอ็มดับเบิลยูจะขึ้นไลน์ประกอบและเปิดตัวในไทยปีนี้ จึงน่าจะเป็นซีรี่ส์ 3 เครื่องยนต์ดีเซลมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้บีเอ็มดับเบิลยูจะนำรุ่น 330d มาศึกษาตลาดในไทย แต่ตัวที่ทำตลาดจริงน่าจะเป็นรุ่น 320d ซึ่งเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับ 520d ที่ประกอบและทำตลาดอยู่ในไทยปัจจุบัน คือ ขนาด 2000 ซีซี เทอร์โบชาร์เจอร์ แบบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 4000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 340 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-2,750 รอบต่อนาที ซึ่งมีความพร้อมในการขึ้นไลน์ประกอบมากที่สุดขณะนี้
มินิ
เป็นรถยนต์ในเครือของบีเอ็มดับเบิลยู ที่ถือว่าประสบความสำเร็จทีเดียวในตลาดเมืองไทย ฉะนั้นบีเอ็มดับเบิลยูจึงได้มีการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าต่อเนื่อง เรียกว่าแทบจะมีครบไลน์ของไอ้ตัวเล็กในตลาดโลก และเป็น “มินิ คลับแมน” โมเดลใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา และถึงแม้จะมีการโหมโรงเปิดตัวในไทยไปบ้างแล้ว แต่กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการ อยู่ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2008 ที่ไบเทค บางนา
มินิ คลับแมน เป็นรถแบบทัวริ่ง 3 ประตู เพราะว่าประตูห้องโดยสารด้านหลังมีแค่บานเดียว เปิดแบบปิกอัพแค็บเปิดได้ ในขณะที่ฝากระโปรงหลังแบ่งออกเป็น 2 บาน และเปิดสวิงออกทางด้านข้างเหมือนกับ มินิ เทรเวลเลอร์รุ่นเก่า เพิ่มความอเนกประสงค์ในการเคลื่อนย้ายสัมภาระ สำหรับทางเลือกของเครื่องยนต์จะไม่ต่างจากมินิแฮทช์แบ็ก คือ รุ่นเบนซินวางเครื่องยนต์ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,600 ซีซี 120 และ 175 แรงม้า ที่บีเอ็มดับเบิลยูพัฒนาร่วมกับกลุ่มพีเอสเอ หรือเปอโยต์ และซีตรองแห่งฝรั่งเศส
ตาต้า
ประกาศความมุ่งมั่นที่จะชูไทยเป็นฐานการผลิตรถในภูมิภาคอาเซียนไปแล้ว กับค่ายน้องใหม่จากแดนภารตะ “ตาต้า” โดยประเดิมโครงการแรกในไทย ด้วยการบุกตลาดใหญ่สุดและหินสุดอย่าง “ปิกอัพ” ซึ่งใช้โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ ในฐานะเป็นผู้ร่วมทุนฝ่ายไทยประกอบปิกอัพทาทา
กำหนดเปิดตัวปิกอัพ “ตาต้า” อย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2008 ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา เช่นเดียวกับรถโมเดลใหม่หลายรุ่นที่กล่าวมา ส่วนชื่อรุ่นทำตลาดคาดว่าจะใช้ชื่อเดียวกับในยุโรป ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้ว ในชื่อ “ตาต้า ซีนอน” (TATA XENON) โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นมาตรฐานไม่มีแค็บ รุ่นมีแค็บ และดับเบิลแค็บ หรือปิกอัพ 4 ประตู
ในส่วนของเครื่องยนต์เดิมทาทาจะชูบล็อกดีเซลคอมมอนเรล 3000 ซีซี 157 แรงม้า แต่เมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับทาทาวางกลยุทธ์ชูความแตกต่างเป็นจุดขาย จึงหันมาเปิดตลาดใหม่กับเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลบล็อกใหม่ 2200 ซีซี DICOR (Direct Injection Common Rail) แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 140 แรงม้า (bhp) เป็นบล็อกที่ประจำการอยู่ในรถเอสยูวีรุ่น “ซาฟารี” โดยสามารถทำความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 14.9 วินาที และไม่แน่เมืองไทยอาจจะมีกำลังปรับสูงขึ้น เพราะมาตรฐานไอเสียอยู่ระดับยูโร3 ต่ำกว่ายุโรป
ไม่เพียงเท่านั้นช่วงปลายปี ตาต้าเตรียมจะเปิดตัวปิกอัพขนาดเล็กครึ่งตัน มาท้าชนกับปิกอัพ “ซูซูกิ แครี่” ที่กำลังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคในไทยขณะนี้ โดยเป็นโมเดลเดียวกับรุ่น “เอช” (ACE) ที่ทำตลาดอยู่ในอินเดีย และอีกหลายประเทศ เพียงแต่รุ่นที่จะทำตลาดในไทยจะเป็นโฉมใหม่ ไม่ใช่รูปลักษณ์เดียวกับที่ทำตลาดในปัจจุบัน และวางเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1400 ซีซี ไม่ใช่ 600 ซีซี เหมือนในอินเดีย ส่วนราคาจำหน่ายของเอชอยู่ที่ประมาณ 2.9 แสนบาท พร้อมกันนี้ทาทาจะผลิตรถรุ่นนี้ เพื่อส่งออกไปจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียนด้วย
ครบถ้วนกระบวนความเพื่อเป็นแนวทางให้ เศรษฐีน้อย-ใหญ่ เตรียมความพร้อมของทรัพยากรในกระเป๋าเอาไว้แต่เนิ่นๆ
ฟอร์ด
ในเมื่อพันธมิตรอย่างมาสด้าได้มีการปรับโฉมแน่นอน เชื่อว่า “ฟอร์ด” ย่อมต้องมีการขยับในส่วนของปิกอัพ “เรนเจอร์” เช่นกัน ด้วยการไมเนอร์เชนจ์ในเวลาไม่แตกต่างจากบีที-50 กันมากนัก และจากนั้นตลอดทั้งปีฟอร์ดจะมีการสร้างสีสันใหม่ๆ โดยหันมาสร้างความต่างกับเวอร์ชั่นพิเศษ ตอบสนองลูกค้าที่ชื่นชอบความแตกต่าง เรียกว่าขอเก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับรุ่นหลักในตลาดทั่วไป ที่แข่งขันกันดุเดือดเลือดพล่านเหลือเกิน
แน่นอนในส่วนของรถอเนกประสงค์พีพีวีรุ่น “เอเวอเรสต์” ที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ เชื่อว่าคงจะต้องมีการแต่งหน้าทาปากตามไปด้วย ขณะที่เก๋ง “ฟอร์ด โฟกัส” หลังจากได้มีการเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ไปแล้วเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่จะเริ่มส่งมอบรถให้กับลูกค้าและบุกตลาดจริงจัง จะเริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
วอลโว่
ค่ายรถจากสวีเดน “วอลโว่” กลับมารุกตลาดรถหรูไทยอีกครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่ปีที่ผ่านมากับรุ่นเอส80 และในปีนี้ยังมีคิวเปิดตัวรถใหม่เช่นกัน เริ่มตั้งแต่ต้นปีกับ วอลโว่ ซี30 สปอร์ตคอมแพ็กต์ที่เคยนำมาโชว์ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2007 เมื่อปีที่ผ่านมา คราวนี้จะเป็นทำตลาดอย่างจริงจังเสียที ซึ่งก็เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี เพราะซี30 ได้รับรางวัลจากทั่วโลกการันตีมามากมาย และรุ่นที่จะทำตลาดในไทยน่าจะเป็นเครื่องยนต์ 2500 ซีซี 220 แรงม้า ตัวเดียวกับที่นำเข้ามาโชว์ครั้งที่แล้ว
จากนั้นช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นรถสเตชั่นแวกอน 5 ประตู อันลือชื่อ “วอลโว่ วี70” โฉมใหม่ จุดเด่นสุดๆ ของรถรุ่นนี้เห็นจะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่กับความปลอดภัย เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กโต หรือ Booster แบบฝังรวมอยู่ในเบาะนั่งหลัง และมีให้เลือกปรับได้ 2 ระดับความสูงมาให้ ส่วนเครื่องยนต์แม้จะมีทั้งเบนซินและดีเซล แต่ดูจากทิศทางการทำตลาดช่วงหลังๆ ของวอลโว่แล้ว หวยน่าจะออกที่เครื่องยนต์โบดีเซล 5 สูบ 2,400 ซีซี แต่มีให้เลือก 2 ความแรง คือ 2.4D 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 34.6 กก.-ม. และรุ่น D5 185 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.7 กก.-ม.
เมอร์เซเดส-เบนซ์
หลังจากเปิดศึกกับบรรดาเกรย์มาร์เก็ต ด้วยการนำเข้า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส” โฉมใหม่ จากประเทศเยอรมนีไปแล้ว ต้นปีนี้คงจะถึงเวลาของซี-คลาส เวอร์ชั่นประกอบในประเทศ (CKD) เสียที ถึงเวลานั้นเชื่อว่าจะทำให้ยอดขายของค่ายตราดาวกลับมาคึกคักอีกครั้ง และแน่นอนราคาของรุ่นซีเคดีต้องลดลงจากรุ่นซีบียูอยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะไม่มากมายหลายแสนบาทนัก เพราะราคารุ่นซีบียูได้ตั้งไว้สูงกว่าไม่มากนักอยู่แล้ว
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสใหม่ เวอร์ชั่นซีเคดีช่วงแรกจะเน้นไปที่เครื่องยนต์เบนซิน แม้จะเป็นแบบเดิมๆ แต่ก็ปรับปรุงสมรรถนะให้ดีขึ้น ซึ่งน่าจะยืนพื้นที่เครื่องยนต์ 4 สูบ ในรุ่น C180 Kompressor 1796 ซีซี ซูเปอร์ชาร์จ 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 23.4 กก.-ม. ตามด้วย C200 Kompressor ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบบล็อกเดียวกับรุ่น C180K แต่มีกำลังขยับขึ้นเป็น 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ส่วนในรุ่นวี6 น่าจะมีเฉพาะรุ่น C230 มีความจุ 2496 ซีซี 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 24.9 กก.-ม.เท่านั้น
บีเอ็มดับเบิลยู
ขณะที่คู่แข่งสำคัญ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” เตรียมรุกตลาดครั้งใหญ่ มีหรือที่ค่ายใบพัดสีฟ้าจะทนนิ่งอยู่ได้ แน่นอนย่อมต้องมีทางเลือกใหม่ ให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบซีรี่ส์ 3 ที่เป็นคู่แข่งโดยตรงกับซี-คลาส แต่ไม่ใช่การปรับโฉมแน่นอน ดังนั้นทางเป็นไปได้มากที่สุดจึงเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลที่ปัจจุบันมีเพียงเฉพาะในซีรี่ส์ 5 เท่านั้น
ทั้งนี้บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ได้มีการนำเข้าบีเอ็มดับเบิลยู 330d เครื่องยนต์ดีเซลอีกรุ่นมาศึกษาตลาดและสภาพแวดล้อมในไทย พร้อมให้บรรดาสื่อมวลชนสายยานยนต์นำไปทดสอบเมื่อปีที่ผ่านมา ดังนั้นแนวโน้มรถยนต์รุ่นใหม่ที่บีเอ็มดับเบิลยูจะขึ้นไลน์ประกอบและเปิดตัวในไทยปีนี้ จึงน่าจะเป็นซีรี่ส์ 3 เครื่องยนต์ดีเซลมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้บีเอ็มดับเบิลยูจะนำรุ่น 330d มาศึกษาตลาดในไทย แต่ตัวที่ทำตลาดจริงน่าจะเป็นรุ่น 320d ซึ่งเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับ 520d ที่ประกอบและทำตลาดอยู่ในไทยปัจจุบัน คือ ขนาด 2000 ซีซี เทอร์โบชาร์เจอร์ แบบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 4000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 340 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-2,750 รอบต่อนาที ซึ่งมีความพร้อมในการขึ้นไลน์ประกอบมากที่สุดขณะนี้
มินิ
เป็นรถยนต์ในเครือของบีเอ็มดับเบิลยู ที่ถือว่าประสบความสำเร็จทีเดียวในตลาดเมืองไทย ฉะนั้นบีเอ็มดับเบิลยูจึงได้มีการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าต่อเนื่อง เรียกว่าแทบจะมีครบไลน์ของไอ้ตัวเล็กในตลาดโลก และเป็น “มินิ คลับแมน” โมเดลใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา และถึงแม้จะมีการโหมโรงเปิดตัวในไทยไปบ้างแล้ว แต่กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการ อยู่ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2008 ที่ไบเทค บางนา
มินิ คลับแมน เป็นรถแบบทัวริ่ง 3 ประตู เพราะว่าประตูห้องโดยสารด้านหลังมีแค่บานเดียว เปิดแบบปิกอัพแค็บเปิดได้ ในขณะที่ฝากระโปรงหลังแบ่งออกเป็น 2 บาน และเปิดสวิงออกทางด้านข้างเหมือนกับ มินิ เทรเวลเลอร์รุ่นเก่า เพิ่มความอเนกประสงค์ในการเคลื่อนย้ายสัมภาระ สำหรับทางเลือกของเครื่องยนต์จะไม่ต่างจากมินิแฮทช์แบ็ก คือ รุ่นเบนซินวางเครื่องยนต์ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 1,600 ซีซี 120 และ 175 แรงม้า ที่บีเอ็มดับเบิลยูพัฒนาร่วมกับกลุ่มพีเอสเอ หรือเปอโยต์ และซีตรองแห่งฝรั่งเศส
ตาต้า
ประกาศความมุ่งมั่นที่จะชูไทยเป็นฐานการผลิตรถในภูมิภาคอาเซียนไปแล้ว กับค่ายน้องใหม่จากแดนภารตะ “ตาต้า” โดยประเดิมโครงการแรกในไทย ด้วยการบุกตลาดใหญ่สุดและหินสุดอย่าง “ปิกอัพ” ซึ่งใช้โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ ในฐานะเป็นผู้ร่วมทุนฝ่ายไทยประกอบปิกอัพทาทา
กำหนดเปิดตัวปิกอัพ “ตาต้า” อย่างเป็นทางการในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2008 ที่ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา เช่นเดียวกับรถโมเดลใหม่หลายรุ่นที่กล่าวมา ส่วนชื่อรุ่นทำตลาดคาดว่าจะใช้ชื่อเดียวกับในยุโรป ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้ว ในชื่อ “ตาต้า ซีนอน” (TATA XENON) โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นมาตรฐานไม่มีแค็บ รุ่นมีแค็บ และดับเบิลแค็บ หรือปิกอัพ 4 ประตู
ในส่วนของเครื่องยนต์เดิมทาทาจะชูบล็อกดีเซลคอมมอนเรล 3000 ซีซี 157 แรงม้า แต่เมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับทาทาวางกลยุทธ์ชูความแตกต่างเป็นจุดขาย จึงหันมาเปิดตลาดใหม่กับเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลบล็อกใหม่ 2200 ซีซี DICOR (Direct Injection Common Rail) แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 140 แรงม้า (bhp) เป็นบล็อกที่ประจำการอยู่ในรถเอสยูวีรุ่น “ซาฟารี” โดยสามารถทำความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 14.9 วินาที และไม่แน่เมืองไทยอาจจะมีกำลังปรับสูงขึ้น เพราะมาตรฐานไอเสียอยู่ระดับยูโร3 ต่ำกว่ายุโรป
ไม่เพียงเท่านั้นช่วงปลายปี ตาต้าเตรียมจะเปิดตัวปิกอัพขนาดเล็กครึ่งตัน มาท้าชนกับปิกอัพ “ซูซูกิ แครี่” ที่กำลังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคในไทยขณะนี้ โดยเป็นโมเดลเดียวกับรุ่น “เอช” (ACE) ที่ทำตลาดอยู่ในอินเดีย และอีกหลายประเทศ เพียงแต่รุ่นที่จะทำตลาดในไทยจะเป็นโฉมใหม่ ไม่ใช่รูปลักษณ์เดียวกับที่ทำตลาดในปัจจุบัน และวางเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1400 ซีซี ไม่ใช่ 600 ซีซี เหมือนในอินเดีย ส่วนราคาจำหน่ายของเอชอยู่ที่ประมาณ 2.9 แสนบาท พร้อมกันนี้ทาทาจะผลิตรถรุ่นนี้ เพื่อส่งออกไปจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียนด้วย
ครบถ้วนกระบวนความเพื่อเป็นแนวทางให้ เศรษฐีน้อย-ใหญ่ เตรียมความพร้อมของทรัพยากรในกระเป๋าเอาไว้แต่เนิ่นๆ