ข่าวในประเทศ - ตลาดปิกอัพเดือด! เมื่อค่ายรถต่างแห่อัดแคมเปญ และปรับโฉม-เพิ่มไลน์ ออกมาชิงก้อนเค้กที่นับวัดจะหดเล็กลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น มาสด้า ที่แต่งหน้าทาปาก บีที-50 ใหม่ สไตล์ลักซ์ หรือคุ้มแล้ว ยังเสริมทางเลือกใหม่กับปิกอัพยกสูงเกียร์ออโต้ด้วย ขณะที่พันธมิตร ฟอร์ด เปิดตัว 2.5 XL รุ่น ฝ่าวิกฤต เคาะราคาเพียง 4.99 แสนบาท เอาใจลูกค้ารับยุคเศรษฐกิจตกต่ำ ด้าน เชฟโรเลต ติดตั้งและอุปกรณ์ซีเอ็นจี มูลค่า 1.4 แสนบาทฟรี ส่วน มิตซูบิชิ ตีปี๊บล่วงหน้า ประโคมข่าวปิกอัพไทรทันที่เพิ่มความสดใหม่ ให้กับรูปลักษณ์ภายนอกและใน แต่กำหนดขายจริง 10 ส.ค.โน้น หวังสกัดคู่แข่ง โตโยต้า ที่มีกำหนดส่ง ไฮลักซ์ วีโก้ใหม่ รุกตลาดช่วงไล่เลี่ยกัน หลังพลาดท่าเสียตำแหน่งแชมป์ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จนต้องปิดจุดอ่อนเปิดตัวรุ่น พรีรันเนอร์ 2.5VN เทอร์โบ มาชนกับคู่แข่งที่มีกันครบหมด โดยชูเรื่องความประหยัด แต่ยังรักษาจุดแข็งความแรงระดับ 144 แรงม้า ที่แรงบิดและอัตราทดเกียร์ยกรุ่น 3.0 ลิตรมาเกือบเป้ะๆ มีให้เลือกทั้งรุ่นสมาร์ทแค็บ ราคา 6.73 แสนบาท และดับเบิลแค็บ 7.55 แสนบาท ส่วนตัวอื่นๆ มีเพิ่มรุ่น และขยับราคา 5,000 จนถึงหมื่นกว่าบาท หวังว่าช่วงครึ่งปีหลังจะเร่งสปีดยอดขาย เพื่อทวงบัลลังก์ผู้นำปิกอัพคืนจาก อีซูซุ ให้ได้
แม้ปัจจุบันพฤติกรรมลูกค้าจะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์นั่ง หรือเก๋งขนาดเล็กมากขึ้น เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันดีเซลแพง ถึงอย่างนั้นปิกอัพก็ยังสำคัญและมีปริมาณมากที่สุด ดังนั้นในช่วงตลอดกว่า 1 ปีที่ผ่านมา แม้ยอดขายปิกอัพจะตกลงมาก แต่การแข่งขันกลับยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะทุกค่ายที่มีปิกอัพทำตลาด ต่างงัดสารพัดกลยุทธ์ออกมาแย่งชิงยอดขายให้ได้มากที่สุด และยิ่งทวีความดุเดือดมากขึ้น เมื่อค่ายยักษ์ใหญ่ต่างลงมาเปิดศึกด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะเจ้าตลาดรถยนต์ในไทย โตโยต้า ที่หากวัดกันเฉพาะปิกอัพ 1 ตันล้วนๆ ไม่รวมรถพีพีวีอย่าง โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่ใช้พื้นฐานปิกอัพในการผลิตแล้ว ต้องบอกว่าพลาดท่าสูญเสียตำแหน่งแชมป์ตลาดปิกอัพ ให้กับคู่แข่งตลอดกาล อีซูซุ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 นี้
เพื่อแก้ไขสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง โตโยต้าจึงปิดจุดอ่อนปรับไลน์สินค้าใหม่ ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยต้นเดือนสิงหาคมนี้โตโยต้าจะทำการเปิดตัว ไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ ซึ่งได้มีการปรับเพิ่มอุปกรณ์ พร้อมกับเสริมรุ่น วีโก้ 2.5 VNT เข้ามาเป็นอีกทางเลือกใหม่
ทั้งนี้ ปัจจุบันรุ่นที่มี VNT(Variable Nozzle Turbo) หรือที่เป็นเทอร์โบแปรผัน มีอยู่ในเฉพาะรุ่น 3.0 ลิตรเท่านั้น ส่วนรุ่น 2.5 ลิตร เป็นเพียงเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ธรรมดา ซึ่งการเพิ่มรุ่นไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 VN เทอร์โบ ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ปิกอัพยกสูง พรีรันเนอร์ 2.5 VN เทอร์โบ เพราะปัจจุบันมีเฉพาะรุ่น 3.0 ลิตรเท่านั้น ทำให้โตโยต้าเสียเปรียบคู่แข่ง ที่ในปิกอัพรุ่นยกสูงต่างมีเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรทำตลาดกันหมด
การเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.5 VN เทอร์โบ จึงเป็นการปิดจุดอ่อน ขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการลูกค้า ที่หันมานิยมเครื่องยนต์ขนาดเล็กลง เพื่อการประหยัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน แต่โตโยต้ายังไม่ลืมจุดเด่นในเรื่องของพละกำลัง เพราะเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2KD FTV(I/C) ขนาด 2.5 ลิตร VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังถึง 144 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ขณะที่รุ่น 3.0 ลิตร 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที ส่วนอัตราทดเกียร์ชุดเดียวกันเลย มีเพียงอัตราทดเฟืองท้าย 3.909 แต่ในรุ่น 3.0 ลิตร อยู่ที่ 3.727 เรียกว่าความปรู๊ปร๊าดกินกันยาก
ส่วนอุปกรณ์ภายนอกและในของรุ่น 2.5 VN เทอร์โบ มีมาให้ครบครันเช่นเดียวกับรุ่น 3.0G นอกจากโลโก้บอกรุ่นแล้ว ที่แตกต่างก็เพียงอุปกรณ์ภายในไม่กี่ชิ้น อาทิ มาตรวัดเรืองแสง Optitron และจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID เท่านั้น
สำหรับสนนราคาอย่างไม่เป็นทางการ โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ พรีรันเนอร์ 2.5 VN เทอร์โบ รุ่นสมาร์ทแค็บ หรือแค็บเปิดได้ เคาะประมาณ 6.73 แสนบาท และรุ่นพรีรันเนอร์ 2.5 VN เทอร์โบ แบบดับเบิลแค็บ หรือ 4 ประตู ราคาประมาณ 7.55 แสนบาท ขณะที่รุ่น 2.5 VN เทอร์โบ แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้งรุ่นสมาร์ทแค็บและดับเบิลแค็บปรับเพิ่มจากรุ่น 2.5E เทอร์โบธรรมดา 120 แรงม้าตัวเดิม ประมาณ 1.2 หมื่นบาท นอกจากนี้ในรุ่นอื่นๆ มีเพิ่มรุ่น G เข้ามาเสริมเป็นอีกทางเลือกใหม่ด้วย หรือหากมีอยู่แล้วก็ปรับราคาขึ้นอีกประมาณ 5,000 บาท
นั่นคือการขยับของค่ายยักษ์ใหญ่ โตโยต้า แต่คู่แข่งอย่าง มิตซูบิชิ ได้ปฏิบัติการสกัดความแรงไว้แล้ว จากการประโคมข่าวการปรับโฉม มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ทั้งที่กำหนดขายจริงวันที่ 10 สิงหาคมโน้น โดยมีให้เลือก 13 รุ่น ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.5 และ 3.2 ลิตร พร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ราคาเริ่มต้น 4.04 แสนบาท ถึงสูงสุด 9.29 แสนบาท
โดยไทรทันใหม่ได้มีการออกแบบกระจังหน้า และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ในขณะที่ภายในห้องโดยสารใช้การตกแต่งโทนสีเงิน เพื่อเพิ่มความลงตัวให้กับคอนโซลหน้าและคอนโซลเกียร์ รวมทั้งเบาะผ้าแบบใหม่ อีกทั้งมีการเพิ่มอุปกรณ์และการตกแต่งเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลกลางขนาดใหญ่และวางแก้ว ที่เขี่ยบุหรี่สามารถถอดเปลี่ยนตำแหน่งได้ และที่พักแขนผู้โดยสารตอนหน้า พร้อมช่องเก็บของอเนกประสงค์แบบ 2 ชั้น เป็นต้น
ในส่วนค่ายอื่นๆ ต่างก็เริ่มงัดกลยุทธ์ปรับโฉมเพิ่มไลน์ไปแล้ว อย่าง มาสด้า ค่ายรถญี่ปุ่นที่กำลังสร้างยอดขายเก๋งเติบโตสูงสุด แต่ยังไม่ทิ้งตลาดปิกอัพจึงได้มีการแนะนำ มาสด้า บีที-50 ลักซ์ ใหม่ หรือเวอร์ชัน คุ้ม ด้วยการปรับโฉมเสริมความเป็นสปอร์ตแบบเต็มพิกัด ด้วยกันชนหน้าดีไซน์ใหม่สีเงิน กรอบไฟตัดหมอกสปอร์ตสีเงิน กรอบครอบฝาปิดถังน้ำมันแบบโครเมี่ยม บันไดข้าง และกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัวแบบใหม่ รวมทั้งสติ๊กเกอร์ Hi-Racer และ Hi-Racer+ ออกแบบใหม่ และยังได้เสริมไลน์เป็นอีกทางเลือกใหม่ ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ แบบยกสูงดับเบิลแค็ป หรือรุ่น Hi-Racer+ เปิดราคา 7.52 แสนบาท
นอกจากนี้ มาสด้ายังเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่จอง และออกรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น รับสิทธิ์ลุ้นรับเงินดาวน์คืนสูงสุดรางวัลละ 2 แสนบาท รวม 6 รางวัล และโทรศัพท์มือถือ โนเกีย เอ็กซ์เพรสมิวสิคถึง 100 เครื่อง สำหรับลูกค้าที่ทดลองขับรถมาสด้าทุกรุ่น รับฟรีทันที สตาร์บัคส์การ์ด หรือบัตรกำนัลสเวนเซ่นส์ มูลค่า 150 บาท หรือร่ม ซูม-ซูม ท้าฝน มูลค่า 150 บาท ภายใต้แคมเปญ “Mazda Happy Festival” ไปจนถึง 31 ก.ค.นี้
เมื่อค่ายพันธมิตรรุก มีหรือฟอร์ดจะนิ่งได้ แม้จะเพิ่งปรับโฉมปิกอัพ เรนเจอร์ใหม่ไปไม่นาน แต่เพื่อเพิ่มทางเลือกหลากหลายให้ลูกค้า จึงได้เปิดตัว ฟอร์ด เรนเจอร์ โอเพ่นแค็บใหม่ รุ่นพิเศษ 2.5XL ซึ่งจะเป็นเวอร์ชัน ฝ่าวิกฤต ที่ช่วยลดภาระต้นทุนผู้ประกอบการ ในราคา 4.99 แสนบาท หรือลูกค้าสามารถเลือกผ่อนเริ่มต้นเพียง 5,999 บาท แต่ถึงจะถูกยังครบครันแห่งอารมณ์สปอร์ต ด้วยหน้าปัดแบบ 3 ช่อง ใช้โทนแสงสีแดงสปอร์ต พร้อมระบบความบันเทิงครบครัน ทั้งเครื่องเล่นวิทยุ CD และ MP3 เฉกเช่นรถปิกอัพทั่วๆ ไป
ไม่เพียงเท่านั้นฟอร์ดยังรุกจัดกิจกรรมทั่วประเทศ ท้าพิสูจน์สมรรถนะรถยนต์ฟอร์ดทุกรุ่น ในงาน ฟอร์ด กล้าท้า กล้าให้ ภาค 2 ท้าประลองความแรง และสมรรถนะของรถยนต์ฟอร์ด โดยผู้ชนะจะได้รับคูปองเงินสด 1,000 บาท และรับทันทีคูปองเงินสดมูลค่า 200 บาท เมื่อเข้ามาทดลองขับรถฟอร์ดที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศ ซึ่งกิจกรรมสุดท้ายจะจัดที่สนามกีฬากลาง จ.เลย วันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.นี้
ในส่วนของ จีเอ็ม ที่แม้บริษัทแม่กำลังวุ่นอยู่กับการฟื้นฟูกิจการในสหรัฐฯ แต่จีเอ็มประเทศไทยที่ทำตลาดภายใต้แบรนด์รถยนต์ เชฟโรเลต ในไทย ยังรุกจัดกิจกรรมต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่าจะยืนหยัดอยู่ในไทยอย่างยาวนาน ทั้งกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า บริการหลังการขาย และแคมเปญกระตุ้นยอดขายรถเชฟโรเลตทุกรุ่น โดยในส่วนของปิกอัพ เชฟโรเลต โคโลราโด ลูกค้าไม่ต้องกังวลปัญหาราคาน้ำมันแพงอีกต่อไป สามารถเลือกถอยรุ่นใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติ หรือซีเอ็นจี (CNG) ได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าติดตั้งและอุปกรณ์ซีเอ็นจี มูลค่า 1.4 แสนบาทเพิ่มแต่อย่างใด เพราะจีเอ็มจะรับผิดชอบส่วนนี้ให้ฟรี
เรียกว่าต่างงัดกลยุทธ์ออกมา ผลักดันยอดขายกันแบบสุดๆ ทำให้ตลาดปิกอัพฟาดฟันกันอย่างดุเดือด มีเพียง นิสสัน นาวารา ที่คงต้องรอปรับโฉมในปีหน้า ส่วนยักษ์ใหญ่ อีซูซุ แม้ขณะนี้จะดูเงียบๆ แต่เชื่อว่าปลายปีคงต้องมีเวอร์ชั่นใหม่ ออกมาชนกับ โตโยต้า แน่นอน!!
แม้ปัจจุบันพฤติกรรมลูกค้าจะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์นั่ง หรือเก๋งขนาดเล็กมากขึ้น เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันดีเซลแพง ถึงอย่างนั้นปิกอัพก็ยังสำคัญและมีปริมาณมากที่สุด ดังนั้นในช่วงตลอดกว่า 1 ปีที่ผ่านมา แม้ยอดขายปิกอัพจะตกลงมาก แต่การแข่งขันกลับยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะทุกค่ายที่มีปิกอัพทำตลาด ต่างงัดสารพัดกลยุทธ์ออกมาแย่งชิงยอดขายให้ได้มากที่สุด และยิ่งทวีความดุเดือดมากขึ้น เมื่อค่ายยักษ์ใหญ่ต่างลงมาเปิดศึกด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะเจ้าตลาดรถยนต์ในไทย โตโยต้า ที่หากวัดกันเฉพาะปิกอัพ 1 ตันล้วนๆ ไม่รวมรถพีพีวีอย่าง โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่ใช้พื้นฐานปิกอัพในการผลิตแล้ว ต้องบอกว่าพลาดท่าสูญเสียตำแหน่งแชมป์ตลาดปิกอัพ ให้กับคู่แข่งตลอดกาล อีซูซุ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 นี้
เพื่อแก้ไขสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลัง โตโยต้าจึงปิดจุดอ่อนปรับไลน์สินค้าใหม่ ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยต้นเดือนสิงหาคมนี้โตโยต้าจะทำการเปิดตัว ไฮลักซ์ วีโก้ ใหม่ ซึ่งได้มีการปรับเพิ่มอุปกรณ์ พร้อมกับเสริมรุ่น วีโก้ 2.5 VNT เข้ามาเป็นอีกทางเลือกใหม่
ทั้งนี้ ปัจจุบันรุ่นที่มี VNT(Variable Nozzle Turbo) หรือที่เป็นเทอร์โบแปรผัน มีอยู่ในเฉพาะรุ่น 3.0 ลิตรเท่านั้น ส่วนรุ่น 2.5 ลิตร เป็นเพียงเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ธรรมดา ซึ่งการเพิ่มรุ่นไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 VN เทอร์โบ ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ปิกอัพยกสูง พรีรันเนอร์ 2.5 VN เทอร์โบ เพราะปัจจุบันมีเฉพาะรุ่น 3.0 ลิตรเท่านั้น ทำให้โตโยต้าเสียเปรียบคู่แข่ง ที่ในปิกอัพรุ่นยกสูงต่างมีเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรทำตลาดกันหมด
การเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.5 VN เทอร์โบ จึงเป็นการปิดจุดอ่อน ขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการลูกค้า ที่หันมานิยมเครื่องยนต์ขนาดเล็กลง เพื่อการประหยัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน แต่โตโยต้ายังไม่ลืมจุดเด่นในเรื่องของพละกำลัง เพราะเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2KD FTV(I/C) ขนาด 2.5 ลิตร VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังถึง 144 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ขณะที่รุ่น 3.0 ลิตร 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที ส่วนอัตราทดเกียร์ชุดเดียวกันเลย มีเพียงอัตราทดเฟืองท้าย 3.909 แต่ในรุ่น 3.0 ลิตร อยู่ที่ 3.727 เรียกว่าความปรู๊ปร๊าดกินกันยาก
ส่วนอุปกรณ์ภายนอกและในของรุ่น 2.5 VN เทอร์โบ มีมาให้ครบครันเช่นเดียวกับรุ่น 3.0G นอกจากโลโก้บอกรุ่นแล้ว ที่แตกต่างก็เพียงอุปกรณ์ภายในไม่กี่ชิ้น อาทิ มาตรวัดเรืองแสง Optitron และจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID เท่านั้น
สำหรับสนนราคาอย่างไม่เป็นทางการ โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ พรีรันเนอร์ 2.5 VN เทอร์โบ รุ่นสมาร์ทแค็บ หรือแค็บเปิดได้ เคาะประมาณ 6.73 แสนบาท และรุ่นพรีรันเนอร์ 2.5 VN เทอร์โบ แบบดับเบิลแค็บ หรือ 4 ประตู ราคาประมาณ 7.55 แสนบาท ขณะที่รุ่น 2.5 VN เทอร์โบ แบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้งรุ่นสมาร์ทแค็บและดับเบิลแค็บปรับเพิ่มจากรุ่น 2.5E เทอร์โบธรรมดา 120 แรงม้าตัวเดิม ประมาณ 1.2 หมื่นบาท นอกจากนี้ในรุ่นอื่นๆ มีเพิ่มรุ่น G เข้ามาเสริมเป็นอีกทางเลือกใหม่ด้วย หรือหากมีอยู่แล้วก็ปรับราคาขึ้นอีกประมาณ 5,000 บาท
นั่นคือการขยับของค่ายยักษ์ใหญ่ โตโยต้า แต่คู่แข่งอย่าง มิตซูบิชิ ได้ปฏิบัติการสกัดความแรงไว้แล้ว จากการประโคมข่าวการปรับโฉม มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ทั้งที่กำหนดขายจริงวันที่ 10 สิงหาคมโน้น โดยมีให้เลือก 13 รุ่น ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 2.5 และ 3.2 ลิตร พร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ราคาเริ่มต้น 4.04 แสนบาท ถึงสูงสุด 9.29 แสนบาท
โดยไทรทันใหม่ได้มีการออกแบบกระจังหน้า และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ในขณะที่ภายในห้องโดยสารใช้การตกแต่งโทนสีเงิน เพื่อเพิ่มความลงตัวให้กับคอนโซลหน้าและคอนโซลเกียร์ รวมทั้งเบาะผ้าแบบใหม่ อีกทั้งมีการเพิ่มอุปกรณ์และการตกแต่งเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลกลางขนาดใหญ่และวางแก้ว ที่เขี่ยบุหรี่สามารถถอดเปลี่ยนตำแหน่งได้ และที่พักแขนผู้โดยสารตอนหน้า พร้อมช่องเก็บของอเนกประสงค์แบบ 2 ชั้น เป็นต้น
ในส่วนค่ายอื่นๆ ต่างก็เริ่มงัดกลยุทธ์ปรับโฉมเพิ่มไลน์ไปแล้ว อย่าง มาสด้า ค่ายรถญี่ปุ่นที่กำลังสร้างยอดขายเก๋งเติบโตสูงสุด แต่ยังไม่ทิ้งตลาดปิกอัพจึงได้มีการแนะนำ มาสด้า บีที-50 ลักซ์ ใหม่ หรือเวอร์ชัน คุ้ม ด้วยการปรับโฉมเสริมความเป็นสปอร์ตแบบเต็มพิกัด ด้วยกันชนหน้าดีไซน์ใหม่สีเงิน กรอบไฟตัดหมอกสปอร์ตสีเงิน กรอบครอบฝาปิดถังน้ำมันแบบโครเมี่ยม บันไดข้าง และกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัวแบบใหม่ รวมทั้งสติ๊กเกอร์ Hi-Racer และ Hi-Racer+ ออกแบบใหม่ และยังได้เสริมไลน์เป็นอีกทางเลือกใหม่ ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ แบบยกสูงดับเบิลแค็ป หรือรุ่น Hi-Racer+ เปิดราคา 7.52 แสนบาท
นอกจากนี้ มาสด้ายังเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่จอง และออกรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น รับสิทธิ์ลุ้นรับเงินดาวน์คืนสูงสุดรางวัลละ 2 แสนบาท รวม 6 รางวัล และโทรศัพท์มือถือ โนเกีย เอ็กซ์เพรสมิวสิคถึง 100 เครื่อง สำหรับลูกค้าที่ทดลองขับรถมาสด้าทุกรุ่น รับฟรีทันที สตาร์บัคส์การ์ด หรือบัตรกำนัลสเวนเซ่นส์ มูลค่า 150 บาท หรือร่ม ซูม-ซูม ท้าฝน มูลค่า 150 บาท ภายใต้แคมเปญ “Mazda Happy Festival” ไปจนถึง 31 ก.ค.นี้
เมื่อค่ายพันธมิตรรุก มีหรือฟอร์ดจะนิ่งได้ แม้จะเพิ่งปรับโฉมปิกอัพ เรนเจอร์ใหม่ไปไม่นาน แต่เพื่อเพิ่มทางเลือกหลากหลายให้ลูกค้า จึงได้เปิดตัว ฟอร์ด เรนเจอร์ โอเพ่นแค็บใหม่ รุ่นพิเศษ 2.5XL ซึ่งจะเป็นเวอร์ชัน ฝ่าวิกฤต ที่ช่วยลดภาระต้นทุนผู้ประกอบการ ในราคา 4.99 แสนบาท หรือลูกค้าสามารถเลือกผ่อนเริ่มต้นเพียง 5,999 บาท แต่ถึงจะถูกยังครบครันแห่งอารมณ์สปอร์ต ด้วยหน้าปัดแบบ 3 ช่อง ใช้โทนแสงสีแดงสปอร์ต พร้อมระบบความบันเทิงครบครัน ทั้งเครื่องเล่นวิทยุ CD และ MP3 เฉกเช่นรถปิกอัพทั่วๆ ไป
ไม่เพียงเท่านั้นฟอร์ดยังรุกจัดกิจกรรมทั่วประเทศ ท้าพิสูจน์สมรรถนะรถยนต์ฟอร์ดทุกรุ่น ในงาน ฟอร์ด กล้าท้า กล้าให้ ภาค 2 ท้าประลองความแรง และสมรรถนะของรถยนต์ฟอร์ด โดยผู้ชนะจะได้รับคูปองเงินสด 1,000 บาท และรับทันทีคูปองเงินสดมูลค่า 200 บาท เมื่อเข้ามาทดลองขับรถฟอร์ดที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศ ซึ่งกิจกรรมสุดท้ายจะจัดที่สนามกีฬากลาง จ.เลย วันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.นี้
ในส่วนของ จีเอ็ม ที่แม้บริษัทแม่กำลังวุ่นอยู่กับการฟื้นฟูกิจการในสหรัฐฯ แต่จีเอ็มประเทศไทยที่ทำตลาดภายใต้แบรนด์รถยนต์ เชฟโรเลต ในไทย ยังรุกจัดกิจกรรมต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่าจะยืนหยัดอยู่ในไทยอย่างยาวนาน ทั้งกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า บริการหลังการขาย และแคมเปญกระตุ้นยอดขายรถเชฟโรเลตทุกรุ่น โดยในส่วนของปิกอัพ เชฟโรเลต โคโลราโด ลูกค้าไม่ต้องกังวลปัญหาราคาน้ำมันแพงอีกต่อไป สามารถเลือกถอยรุ่นใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติ หรือซีเอ็นจี (CNG) ได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าติดตั้งและอุปกรณ์ซีเอ็นจี มูลค่า 1.4 แสนบาทเพิ่มแต่อย่างใด เพราะจีเอ็มจะรับผิดชอบส่วนนี้ให้ฟรี
เรียกว่าต่างงัดกลยุทธ์ออกมา ผลักดันยอดขายกันแบบสุดๆ ทำให้ตลาดปิกอัพฟาดฟันกันอย่างดุเดือด มีเพียง นิสสัน นาวารา ที่คงต้องรอปรับโฉมในปีหน้า ส่วนยักษ์ใหญ่ อีซูซุ แม้ขณะนี้จะดูเงียบๆ แต่เชื่อว่าปลายปีคงต้องมีเวอร์ชั่นใหม่ ออกมาชนกับ โตโยต้า แน่นอน!!
