xs
xsm
sm
md
lg

‘นิสสัน’เติมสินค้า-บริการ เสริมอีโคคาร์ดันแชร์10%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทีด้า ไมเนอร์เชนจ์  มีการปรับเปลี่ยนทั้งภายใน-ภายนอก
ข่าวในประเทศ - ค่าย “นิสสัน” พร้อมรบ เติมเข้มสินค้าและบริการหลังการขาย เสริมเขี้ยวเล็บตาม “แผนปรับปรุงปฏิรูป 2555” หรือ Nissan Way ที่มีเป้าหมายเพิ่มแชร์เป็นไม่ต่ำกว่า 10% ในปี 2555 นอกจากไฮไลต์หลักรถยนต์อีโคคาร์ที่จะเปิดตัวเป็นรายแรกในต้นปีหน้า ล่าสุด 15. ต.ค.นี้ เตรียมเปิดตัว “ทีด้า” ใหม่ โดยปรับเปลี่ยนทั้งภายนอกและใน ปรับราคาเพิ่ม 5,000-16,000 บาท ก่อนที่ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 จะส่ง “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล” เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร มาเสริมทัพให้กับเอสยูวีรุ่น “มูราโน่” ด้วยการนำเข้าจากอินโดนีเซีย ภายใต้ภาษีนำเข้าใหม่ลดเป็น 0% ตามกรอบอาฟต้า และยังจะมีรถยนต์โมเดลใหม่ๆ เปิดตัวต่อเนื่อง ไม่ต่ำกว่าปีละ 1 รุ่น โดยเฉพาะเก๋งซับคอมแพ็กต์ที่อาจจะตามมาในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้า และไม่เพียงเท่านั้นยังปรับระบบการบริการหลังการขายและอะไหล่ เพื่อเตรียมความพร้อมรับเส้นทางแห่งความสำเร็จในอนาคตด้วย

1 ตุลาคม 2552 เป็นวันที่เริ่มให้สิทธิประโยชน์โครงการอีโคคาร์ และ “นิสสัน” ได้ถือโอกาสนี้ประกาศ “แผนการปรับปรุงปฏิรูป 2555” หรือ Nissan Way อย่างเป็นทางการ เพื่อผลักดันส่วนแบ่งการตลาด หรือแชร์ ให้เติบโตเป็น 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5% โดยมีรถยนต์อีโคคาร์ที่นิสสันจะผลิตเป็นค่ายแรก สำหรับแนะนำสู่ตลาดในช่วงต้นปีหน้า เป็นหัวใจสำญที่จะช่วยผลักดันให้นิสสันเติบโตตามแผน
แต่ใช่ว่านิสสันจะมีเพียงอีโคคาร์เท่านั้น เพราะตามแผนปรับปรุงธุรกิจ ยังมีกลยุทธ์สำคัญอีกหลากหลาย เพื่อทำให้นิสสันบรรลุเป้าหมายตามเป้า อย่างที่ “โทรุ ฮาเซกาวา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศไว้ในวันนั้น...

“ตามแผนปรับปรุงธุรกิจยังเน้นปรับคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาเครือข่ายการขาย การรักษามาตรฐานการผลิตสินค้า และการบริหารจัดการ ทั้งเรื่ององค์กร บุคลากร และการบริการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และสุดท้ายการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนทัศนคติของบุคลากรในการดำเนินงาน เพื่อให้เป็นตลาดระดับโลกบริหารโดยคนไทย ขณะที่โปรดักซ์ใหม่ๆ ในอนาคตจะมีการแนะนำสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง หรืออย่างน้อยปีละ 1 รุ่น”

ทีนี้ลองมาแกะรอยเส้นทางนิสสัน ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จจากคำพูดดังกล่าว ซึ่งจะเริ่มเห็นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การปรับองค์กร และเปลี่ยนชื่อบริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด มาเป็นบริษัท นิสสัน มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากนั้นก็มีเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ไม่ว่าจะเป็น นิสสัน เทียนา โฉมใหม่ และเพิ่มทางเลือกตลาดปิกอัพ ส่งนิสสัน นาวารา คาลิเบอร์ เกียร์อัตโนมัติสู่ตลาด

ล่าสุดนิสสันยังเดินหน้าลุย เตรียมเปิดตัวคอมแพ็กต์คาร์ “ทีด้า” ใหม่ ซึ่งเป็นการไมเนอร์เชนจ์ตามหลังญี่ปุ่นเป็นปีทีเดียว โดยมีกำหนดเปิดตัวในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ส่วนการปรับเปลี่ยนที่เห็นชัดเจน กระจังหน้าลายใหม่ จากลายซี่นอนเป็นแบบตารางเหมือนกับเอสยูวีรุ่นมูราโน และออกแบบกันชนหน้าใหม่ ให้ดูสปอร์ตปราดเปรียวขึ้น  

ขณะที่ด้านท้ายของรุ่นแฮทช์แบ็ก นอกจากกันชนลายใหม่แล้ว ยังเปลี่ยนฝากระโปรงท้ายใหม่ ซึ่งออกแบบให้มีสันนูนขึ้นมา ตรงช่วงมือเปิดฝากระโปรง และไฟท้ายยังเป็นทรงหยดน้ำเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนลวดลายและตำแหน่งของไฟสัญญาณใหม่ เพิ่มความสดใหม่ได้พอสมควร

ในส่วนห้องโดยสารแม้ว่าชิ้นส่วนหลัก อย่างแผงคอนโซลหน้าจะยังเหมือนเดิม แต่ก็มีการเปลี่ยนวัสดุตกแต่งใหม่ พวงมาลัยเป็นแบบมัลลติฟังก์ชั่น และเปลี่ยนพื้นมาตรวัดทั้ง 3 ดวง ให้เป็นพื้นขาวทั้งหมด พร้อมกับเพิ่มจอดิจิตอล และแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

สำหรับสนนราคาของ นิสสัน ทีด้า ใหม่ ในรุ่นแฮ็ทช์แบ็ก 5 ประตู ราคา 6.88-7.99 แสนบาท ปรับเพิ่มจากเดิม 8,000 -16,000 บาท แต่รุ่นท็อป 1.8 ลิตร ราคา 7.99 แสนไม่ปรับเพิ่ม ส่วนรุ่นซีดาน 4 ประตู นิสสัน ทีด้า ลาติโอ ราคา 5.64-7.33 แสนบาท ปรับราคาเพิ่มจากเดิม 5,000-16,000 บาท

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพื่อให้สมกับการประกาศรุกครั้งใหญ่ นิสสันยังส่งท้ายปีนี้เตรียมเปิดตัวรถอเนกประสงค์ “นิสสัน เอ็กซ์-เทรล” ซึ่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาโมเดลนี้เคยทำตลาดในไทย แต่ยุติการทำตลาดไปชั่วคราว จนกระทั้งมีการปรับโฉมใหม่ และมีการผลิตในประเทศอินโดนีเซีย ทำให้นิสสันในประเทศไทย ตัดสินใจทำตลาดอีกครั้ง โดยนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย ภายใต้กรอบภาษีใหม่อาฟต้า ซึ่งจะปรับภาษีนำเข้าในกลุ่มอาเซียน จากเดิม 5% เหลือ 0% นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป

แม้กำหนดเปิดตัวนิสสัน เอ็กซ์-เทรล ใหม่ ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 ต้นเดือนธันวาคมนี้ แต่คงไม่มีปัญหาเรื่องราคา เพราะกว่าจะส่งมอบรถให้ลูกค้า คงเป็นหลังปีใหม่ไปโน้น โดยรุ่นที่ทำตลาดจะเป็นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ซึ่งไม่เพียงชนกับคู่แข่งเอสยูวีระดับเล็ก ฮอนด้า ซีอาร์-วี และฟอร์ด เอสเคปแล้ว ยังเป็นการเสริมทัพให้กับ นิสสัน มูราโน ที่มีเพียงรุ่น 3.5 ลิตรทำตลาดเท่านั้น

นี่เป็นการเสริมเขี้ยวเล็บของค่ายนิสสัน แต่ทีเด็ดจริงย่อมเป็นช่วงต้นปีหน้า ซึ่งจะมีการเปิดตัวจะมีขึ้นช่วงต้นปีหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณเดือนมีนาคม ส่วนรายละเอียดชัดเจนยังไม่มีการเปิดเผยออกมา นอกจากการชี้แจงของ “โทรุ ฮาเซกาวา” ที่ระบุว่า อีโคคาร์นิสสันจะเป็นรถที่เทคโนโลยีทันสมัย แต่ราคาเหมาะสม และผู้บริโภคทั่วไปครอบครองได้เท่านั้น
นิสสัน ทีด้า ลาติโอ ไมเนอร์เชนจ์
ส่วนโปรดักซ์อื่นๆ ที่จะตามมาคงจะเป็นการไมเนอร์เชนจ์ของปิกอัพ นิสสัน นาวารา แต่ที่ต้องจับตาโปรเจ็กต์ต่อไปในอีก 2-3 ข้างปีหน้า เห็นจะเป็นรถยนต์ซับคอมแพ็กต์ ซึ่งมีข่าวว่านิสสันกำลังศึกษาและพัฒนารถ เพื่อผลิตในประเทศไทย ตามกลยุทธ์ใช้ฐานการผลิตรถยนต์ต้นทุนต่ำ (LCC : Leading Competitive Countries) ผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็ก เช่นเดียวกับประเทศจีน และอินเดีย โดยใช้แพลตฟอร์มรถยนต์เดียวกันในการพัฒนา

ไม่เพียงเท่านั้นนิสสันยังเตรียมพร้อม ด้านบริการหลังการขายและอะไหล่ ภายใต้กลยุทธ์ “Nissan Quality Aftersales and Service (NQAS)” เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด ผ่านโปรแกรมต่างๆ อาทิ รูปแบบการบริการ “นิสสัน เอ็กซ์เพรส เซอร์วิส” (Nissan Express Service) ซึ่งเป็นการให้บริการซ่อมรถยนต์แบบเร่งด่วน สำหรับลูกค้ารถยนต์นิสสัน โดยสามารถรอรับรถได้ภายในครึ่งชั่วโมง
นิสสัน เอ็กซ์-เทรล เครื่อง 2.0 ลิตร
ขณะเดียวกันยังมีบริการพิเศษ “นิสสัน โมบาย เซอร์วิส” (Nissan Mobile Service) หรือ “ศูนย์บริการนิสสันเคลื่อนที่” เป็นบริการพิเศษที่มอบให้แก่ลูกค้า เพื่อเสริมการให้บริการปกติของศูนย์บริการและโชว์รูมนิสสัน ที่มีอยู่กว่า 155 แห่งทั่วประเทศ

นอกจากนี้ยังเพิ่มความอุ่นใจ ตลอดระยะเวลาในการเดินทาง ให้กับผู้ใช้รถยนต์ นิสสัน เทียน่า และทีด้า ด้วยโปรแกรม “นิสสัน โรด ไซด์ เซอร์วิส 24 ชั่วโมง” (Road Side Service 24 Hr.) หรือศูนย์บริการ 24 ชม. และให้การบริการช่างซ่อมรถในกรณีฉุกเฉิน ที่รถของลูกค้าเสียหาย หรือไม่สามารถขับเคลื่อนได้

เรียกว่า… เป็นการเติมเข้มของนิสสัน! ทั้งด้านสินค้าและการบริการหลังการขาย เพื่อเสริมทัพให้กับรถยนต์อีโคคาร์ ไฮไลต์ที่จะเปิดตัวสู่ตลาดรายแรกในปีหน้า และรุ่นอื่นๆ ที่จะตามมาในอนาคต ตามแผน Nissan Way เส้นทางสู่เป้าหมาย ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเท่าตัว หรือมากกว่า 10% ในปี 2555
กำลังโหลดความคิดเห็น