หลังจากที่ โตโยต้า ประกาศเดินหน้าทำตลาดรถ “ไฮบริด” อย่างจริงจังสำหรับตลาดประเทศไทย หนึ่งในโมเดลที่ถือว่าเป็นการนำร่อง รถไฮบริดของไทยคงจะเป็นใครอื่นใดมิได้ นอกจาก รถตระกูล “อาร์เอ็กซ์” ด้วยการเปิดตัวรุ่น อาร์เอ็กซ์ 400 เอช เมื่อราว 2 ปีก่อน
ดังนั้นเพื่อสร้างความต่อเนื่องด้านการทำตลาด เมื่ออาร์เอ็กซ์มีการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ในฐานะผู้ดูแลแบรนด์ เลกซัส จึงตัดสินใจนำ “เลกซัส อาร์เอ็กซ์450เอช” เจเนอเรชั่นที่ 2 ของรถไฮบริดตระกูลอาร์เอ็กซ์ เข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบรถประเภทนี้
อาร์เอ็กซ์ 450เอช เป็นรถที่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีระบบไฮบริดเวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งหลักการทำงานของระบบไฮบริดคงไม่อธิบายซ้ำ ขอบอกเพียงสั้นๆว่า เป็นระบบผสานการทำงานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ธรรมดาใช้น้ำมัน เพื่อขับเคลื่อนให้รถเคลื่อนที่ไปได้
สำหรับ รูปลักษณ์ภายนอกของอาร์เอ็กซ์ 450เอช คงไม่เอ่ยมากเช่นกัน เนื่องจากจะเหมือนกับรุ่น อาร์เอ็กซ์ 350 ที่เราเคยนำเสนอบททดลองขับไปแล้ว จะแตกต่างเพียง โลโก้สัญลักษณ์แบรนด์ เลกซัส รูปตัว แอล ที่แปะอยู่ทั้งกระจังหน้าและฝากระโปรงท้าย มีสีน้ำเงินอมดำ ไฟหน้าและไฟท้ายแบบLEDทรงล้ำสมัย รวมถึงสัญลักษณ์แสดงคำว่า Hybrid แปะอยู่ด้านข้างตัวถัง
ขณะที่ภายในค่อนข้างแตกต่างกับรุ่นธรรมดามากพอสมควร ด้วยจุดใหญ่บริเวณหน้าปัดแสดงผลข้อมูล ที่ไม่มีมาตรวัดรอบของเครื่องยนต์ แต่มีมาตรวัดแสดงผลการทำงานของระบบไฟฟ้าแทน ซึ่งจะทำหน้าที่บอกว่าขณะนี้รถกำลังชาร์จเพื่อเก็บสะสมพลังงานไฟฟ้าอยู่หรือกำลังดึงพลังงานออกมาใช้ โดยในส่วนใช้พลังงานนั้นจะแบ่งเป็นสีเขียว(แสดงถึงการขับขี่ที่ประหยัด)กับสีขาว(แสดงถึงการขับขี่ที่ต้องใช้พลังงานมาก)
ส่วนอุปกรณ์ภายในมีมาให้ครบครันไม่เสียชื่อยี่ห้อ เลกซัส เช่น เบาะนั่งหนังแท้ปรับไฟฟ้าพร้อมระบบเบาะอุ่นสำหรับที่นั่งคู่หน้า ระบบปรับอากาศแยกส่วนซ้าย-ขวา พวงมาลัยลายไม้สลับหนังแท้แบบมัลติฟังก์ชั่นที่มากับระบบสั่งการด้วยเสียง
ด้านของเครื่องยนต์เป็นรหัส 2GR-FXE พื้นฐานเดียวกับรุ่น 350 แต่จะเป็นแบบ แอดคินสัน ไซเคิล ให้กำลังสูงสุด 295 แรงม้า โดยเป็นกำลังจากเครื่องยนต์ 245 แรงม้า และส่วนที่เหลือมาจากมอเตอร์ไฟฟ้า ผสานการส่งกำลังด้วยระบบ Lexus Hybrid Drive
หลังทำความรู้จักกับเจ้า อาร์เอ็กซ์450เอช พอหอมปากหอมคอ ขอเข้าสู่โหมดทดลองขับครั้งแรกกันต่อ หลังรับกุญแจที่มีรูปร่างเหมือนบัตรเครดิต จากเจ้าหน้าที่ของเลกซัส ซึ่งถ้าใครไม่เคยขับรถที่มีกุญแจแบบนี้มาก่อน คงจะงงและต้องเรียกเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยอธิบายกันก่อน แต่โชคดีที่เคยขับมาแล้วจึงไม่ต้องเสียเวลาอีก
การใช้งานกุญแจแบบบัตรเครดิตนั้นก็ง่ายดาย เพียงแค่ผู้ขับพกติดตัวไว้เฉยๆ ไม่จำเป็นต้องหยิบออกมา หากต้องการเปิดประตูเพื่อเข้าสู่ตัวรถ ก็แค่จับที่มือจับประตูในลักษณะพร้อมจะเปิด ระบบจะปลดล็อกรถทั้งคันทันที ถ้าต้องการล็อกประตูหลังลงจากรถ เพียงใช้นิ้วหรือมือแตะราว 3 วินาทีตรงรอยบุ๋มที่มือจับประตู ระบบจะทำการล็อกรถทั้งหมดทันที แต่ถ้าแตะจุดอื่นจะไม่ล็อก
เมื่อเข้าประจำการในตำแหน่งผู้ขับเรียบร้อย ก่อนสตาร์ทรถ จะต้องให้คันเกียร์อยู่ในตำแหน่ง P เท่านั้นและเหยียบเบรกพร้อมกดปุ่มสตาร์ท ซึ่งจริงๆ ไม่ควรเรียกว่า สตาร์ท สำหรับรถไฮบริดคันนี้ ที่ถูกต้องตามลักษณะการใช้งานควรจะเรียกว่า เข้าสู่โหมดพร้อมเดินทาง
ไฟสัญลักษณ์สีเขียวคำว่า READY ติดขึ้นที่หน้าปัด แสดงให้ผู้ขับทราบว่า รถพร้อมที่จะเดินทางแล้ว โดยเครื่องยนต์จะไม่ติดให้ได้ยินเสียงแต่อย่างใด เงียบเหมือนก่อนกดปุ่ม ฉะนั้นใครก็ตามที่เคยลองรถไฮบริดครั้งแรก อาจจะนึกว่า รถสตาร์ทแล้วทำไมจึงไม่มีเสียง ทำให้คิดไปได้ว่ารถเสียหรือเปล่า ซึ่งจริงๆ แล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่
เมื่อ รถพร้อมเดินทาง (ไฟREADYสีเขียวติดอยู่และจะติดตลอดเวลา จนกว่าจะดับเครื่อง) เหยียบเบรก เข้าเกียร์ (ถ้ารถยังไม่พร้อมเราจะเปลี่ยนเกียร์ไม่ได้) เดินหน้า แตะคันเร่งเพียงเบาๆ ในช่วงจังหวะออกตัวเครื่องยนต์ก็จะยังไม่ทำงาน ใช้เพียงกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเท่านั้น
หากเราขับถึงความเร็วประมาณ 20 กม. เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นเพื่อส่งกำลังสำหรับการขับเคลื่อน ส่วนความเร็วเท่าไหร่เครื่องยนต์ทำงานจะขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์สั่งการโดยประมวลผลจากการเหยียบคันเร่งของผู้ขับว่า ขณะนั้นต้องการกำลังมากน้อยขนาดไหน ถ้าออกตัวด้วยกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวไม่พอ ระบบก็จะสั่งให้เครื่องยนต์ทำงานทันที
ซึ่งการทำงานจะเป็นลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือช่วยพร้อมกัน ก็จะขึ้นกับคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผล แต่หากขับจนคุ้นชินจะสามารถจับจังหวะและลักษณะของการทำงานได้ว่า กดคันเร่งระดับนี้ ที่ความเร็วแค่ไหน อะไรจะทำหน้าที่ส่งกำลังในการขับเคลื่อน
สำหรับการทดสอบ เราแบ่งภาคเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือการขับแบบในเมืองกับการขับแบบนอกเมือง โดยขอเริ่มต้นกับการขับแบบนอกเมืองก่อน เส้นทางที่ใช้คือ กรุงเทพฯ-ลพบุรี บนถนนพหลโยธิน รวมระยะทางไป-กลับราว 250 กม.
ด้านการขับขี่ เจ้าอาร์เอ็กซ์450เอช ตอบสนองทันใจในทุกย่านความเร็ว คิกดาวน์เรียกเมื่อใดก็มาเมื่อนั้น บางช่วงทดลองใช้ระบบครุยซ์ คอนโทรล (ระบบควบคุมความเร็วคงที่ รถขับไปโดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง) ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. สังเกตุอัตราการบริโภคกับมาตรวัดระบบไฟฟ้า พบว่า การกินน้ำมันค่อนข้างคงที่ส่วนมาตรวัด เข็มอยู่ในโซนใช้กำลังสีเขียว พร้อมกับมีไฟ ECO ติดขึ้น แสดงว่า กำลังขับขี่อย่างประหยัด
จังหวะถนนว่างปราศจากรถรอบข้าง เราลองทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 200 กม./ชม. แบบกำลังยังเหลือไปได้เร็วกว่านั้นอีก แต่คงไม่จำเป็นและไม่ปลอดภัยนักสำหรับถนนเมืองไทยที่ขับไปดีๆ อาจจะมีหลุมอยู่กลางถนนเมื่อไหร่ก็ได้ เสียงลมประทะเริ่มดังให้ได้ยินชัดเมื่อขับเร็วเกินกว่า 160 กม./ชม. ขณะที่ความเร็วส่วนใหญ่ของการเดินทางอยู่ระดับ 100-140 กม./ชม.
อนึ่ง เมื่อเราขับด้วยความเร็วคงที่ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วเท่าใด มอเตอร์ไฟฟ้าจะส่งกำลังมาช่วยเครื่องยนต์เป็นระยะๆ ตามการประมวลผล แตกต่างจากระบบไฮบริดเวอร์ชั่นเดิมที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำเฉพาะเมื่อตอนออกตัวและกดคันเร่งเพื่อคิกดาวน์เท่านั้น
อัตราการบริโภคน้ำมันแบบขับทางยาวหน้าปัดแสดงตัวเลขออกมาที่ 11.2 กม./ลิตร กับเครื่องยนต์ใหญ่ขนาด 4.5 ลิตร รถขับเคลื่อน 4 ล้อ น้ำหนักตัวกว่า 2 ตัน ....คุณคิดว่า นี่เยี่ยมแล้วใช่ไหม? ช้าก่อน มันยังไม่ใช่ทีเด็ดของระบบโตโยต้าไฮบริด
ไฮไลท์ของไฮบริดอยู่ที่การใช้งานในเมือง ...ขับเจ้าอาร์เอ็กซ์ 450เอช แบบคนเมือง เหยียบปกติ ไม่เร่งเกินจำเป็น คิกดาวน์บ้าง เริ่มต้นจากสถานีรถไฟสามเสนในช่วงเวลาเช้าผ่านจตุจักร เข้าสี่แยกรัชโยธินจุดหมายวงเวียนหลักสี่ วกเข้าวิภาวดี ขับตรงไปจนสามเหลี่ยมดินแดง เข้าอนุสาวรีย์ชัย ตรงต่อจนเลี้ยวเพื่อผ่านหน้าบช.น. แล้วแวะบ้านพระอาทิตย์
จากนั้นช่วงเที่ยงออกจากจุดแวะวิ่งวนสนามหลวง ทะลุไปเข้าถนนเจริญกรุง มุ่งหน้าออกพระรามสี่ตรงหัวลำโพง ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิทยุเพื่อนำรถไปคืน รวมระยะทางราว 40 กม. ซึ่งเส้นทางที่บรรยายมาทั้งหมด คงไม่ต้องบอกถึงสภาพการจราจรว่าเป็นเช่นไรในวันทำงานปกติ ...งานนี้ตั้งใจขับเพื่อดูว่าตัวเลขอัตราการบริโภคน้ำมันจะออกมาเท่าไหร่
และผลงานของเจ้า เลกซัส อาร์เอ็กซ์ 450เอช ไม่ทำให้ผิดหวัง หน้าจอแสดงผล 13.8 กม./ลิตร บอกไปไม่คาดหวังให้เชื่อ แต่นั่นคือผลจริงที่อยากให้คุณไปพิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง สำหรับเรา เลกซัส อาร์เอ็ก450เอช กับค่าตัว 6.39 ล้านบาทแลกกับเทคโนโลยีและสมรรถนะดังที่กล่าวมา จัดเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย