ข่าวในประเทศ - ยักษ์ “โตโยต้า” เร่งฟื้นยอดขาย หลังพลาดท่าพ่ายคู่แข่งทั้งตลาดเก๋ง-ปิกอัพ ทยอยปรับโฉมและเพิ่มไลน์สินค้าในตลาดสู้ศึกครึ่งปีหลัง โดยปลายเดือนกรกฏาคมนี้ส่ง “คัมรี่ ไฮบริด” สู่ตลาดเป็นทางการ พร้อมถือโอกาสปรับโฉมรุ่นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา และปรับวางผลิตภัณฑ์ใหม่ ถอดรุ่น 2.4V นำรุ่นไฮบริดมาสวมแทน เพื่อผลักดันคัมรี่ ไฮบริดแจ้งเกิดให้ได้ และมีปริมาณมากพอคุ้มกับการลงทุนผลิต จากนั้นเวลาไล่เลี่ยกันเตรียมทวงคืนบัลลังก์เจ้าตลาดปิกอัพ เปิดตัว “ไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 VN เทอร์โบ” เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้สมบูรณ์ขึ้น จากปัจจุบันเทอร์โบแปรผันมีเฉพาะในรุ่น 3.0 ลิตรเท่านั้น แล้วลุ้นไม้เด็ดบุกตลาดพร้อมๆ กัน กับทางเลือกใหม่ “พรีรันเนอร์ 2.5VN เทอร์โบ” ปิกอัพยกสูงที่ลูกค้าเฝ้ารอมานาน ซึ่งเดิมมีเพียงรุ่น 3.0VN เทอร์โบ จนปล่อยให้คู่แข่งฟันยอดขายเพลิน และเป็นเหตุสำคัญทำให้เซกเม้นท์นี้เพลี่ยงพล้ำหนัก งานนี้จึงถึงเวลาที่โตโยต้าจะเอาคืนแล้ว
แม้ตลาดรถยนต์ไทยจะร่วงหนักตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ค่อนข้างอยู่ในสถานการณ์สาหัสพอสมควร เพราะสินค้าหลักไม่ว่าจะในตลาดเก๋ง หรือปิกอัพ นอกจากยอดขายลดลงแล้ว ยังถูกคู่แข่งแย่งชิงตำแหน่งเบอร์หนึ่งไปหลายรุ่น โดยโตโยต้าอ้างว่าอยู่ในช่วงปรับไลน์ผลิตหลักๆ จึงไม่สามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ตามต้องการ และคาดว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป จะเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ และกลับมาเป็นผู้นำในเซกเม้นท์หลักๆ ได้เช่นเดิม
ความมั่นใจดังกล่าวเห็นได้จากเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีการปรับเพิ่มไลน์สินค้าเก๋งคอมแพ็กต์ “โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส” ด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เป็นอีกทางเลือก และถือโอกาสจัดวางตำแหน่งสินค้า ทั้งการปรับลดเพิ่มอุปกรณ์และราคาของโคโรลล่า อัลติส ไปพร้อมๆ กันด้วย ซึ่งโตโยต้าหวังว่าจะช่วยให้สามารถทวงตำแหน่งผู้นำ กลับคืนมาจาก “ฮอนด้า ซีวิค” ได้
นั่นคือดาบแรกของโตโยต้า สำหรับฟาดฟันคู่แข่งในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะยังมีอีกหลายดาบที่จะทยอยงัดออกมา เริ่มจากการปรับโฉมของ “โตโยต้า คัมรี่” หลังจากได้มีการนำร่องปล่อยกระแสข่าว คัมรี่รุ่นไฮบริดมาตลอดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อที่จะรองรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายเดือนกรกฎาคมนี้ (ดูรายระเอียดการทดสอบคัมรี่ ไฮบริด)
ดังนั้นในการเปิดตัว “คัมรี่ ไฮบริด” โตโยต้าจึงถือโอกาสปรับโฉมคัมรี่เวอร์ชั่นเครื่องยนต์เบนซินด้วย พร้อมกับวางไลน์สินค้าทำตลาดใหม่ จากเดิมจะมี 3 โมเดลให้เลือก มีรุ่น 2.0E, 2.0G, 2.4G, 2.4V และ 3.5Q แต่โฉมใหม่จะมีเพียงรุ่น 2.0E, 2.0G, 2.4G และ 3.5Q โดยได้นำรุ่นไฮบริดมาแทนรุ่น 2.4V
หากดูจากการไลน์สินค้าของคัมรี่ใหม่ นับว่าสอดคล้องกับที่ผู้บริหารระดับสูงของโตโยต้า ได้แย้มออกมาก่อนหน้านี้ว่า… “ต้องการทำราคาคัมรี่ ไฮบริด ให้อยู่ในระดับคัมรี่รุ่น 2.4V ปัจจุบัน หรือสูงสุดน่าจะปรับเพิ่มประมาณ 1 แสนบาท”
ส่วนทำไม? โตโยต้าถึงมุ่งหวังจะวางตำแหน่งคัมรี่ ไฮบริด ระดับเดียวกับคัมรี่ 2.4V ทั้งที่ต้นทุนการผลิตรุ่นไฮบริดสูงกว่ามาก นั่นเพราะโตโยต้าได้ยื่นขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล ในการลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนที่เกี่ยวกับระบบไฮบริด แต่หากไม่ได้รับไฟเขียวโตโยต้าจึงต้องมีตัวเลขบวกเพิ่ม 1 แสนบาทต่อท้าย
แต่จากข่าวคราวล่าสุด รัฐบาลยังไม่ยอมตกลงตามคำขอโตโยต้าแต่อย่างใด เหตุนี้โอกาสที่ โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด จะถูกบวกราคาเพิ่มจากรุ่น 2.4V ประมาณ 1 แสนบาท จึงเป็นไปได้สูง!
อย่างไรก็ตาม แม้โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด จะได้รับสิทธิประโยชน์เสียภาษีสรรพสามิต 10% แต่ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และชิ้นส่วนระบบไฮบริด ยังไม่สามารถผลิตในไทยได้ ทำให้ต้องนำเข้าชิ้นส่วนดังกล่าวจากญี่ปุ่นมาประกอบ ส่งผงให้ต้นทุนพุ่งสูงตามไปด้วย ขณะที่การจะผลักดันให้คัมรี่ ไฮบริดแจ้งเกิด และคุ้มทุนกับการขึ้นไลน์ผลิตในไทย จึงจำเป็นต้องมีปริมาณยอดขายมากพอสมควร
นี่จึงอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้โตโยต้า ตัดสินใจถอดคัมรี่เครื่องยนต์เบนซินปกติรุ่น 2.4V และนำรุ่นไฮบริดมาสวมแทน เพราะหากลูกค้าอยากจะได้อุปกรณ์ต่างๆ เช่นเดียวกับรุ่น 2.4V ต้องตัดสินใจเลือก โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริดเท่านั้น
ส่วนโตโยต้า คัมรี่ เครื่องยนต์เบนซินปกติ ได้มีการแต่งหน้าทาปากใหม่ หรือไมเนอร์เชนจ์แบบไทยๆ ด้วยการเปลี่ยนกระจังหน้าลายใหม่ และกันชนหน้าใหม่พร้อมกรอบโครเมี่ยม รวมถึงหลอดไฟหน้าแบบ HID และไฟท้าย LED ใหม่ โดยจะออกแบบแตกต่างกันกับรุ่นไฮบริดชัดเจน (ดูรายละเอียด คัมรี่ ไมเนอร์เชนจ์)
หลังจากขยับในตลาดเก๋งแล้ว ปิกอัพที่โตโยต้ากำลังเพลี่ยงพล้ำให้กับ “อีซูซุ” คู่แข่งสำคัญ เป็นตลาดถัดไปที่โตโยต้าต้องรีบออกมาแก้เกม และทวงบัลลังก์แชมป์กลับคืนให้ได้ โดยทางฝ่ายการตลาดได้แจ้งให้ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์กำหนดเวลาในปฏิทิน เพื่อเปิดตัว “ไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 VN เทอร์โบ” กับสื่อมวลชน ในช่วงไล่เลี่ยกับ โตโยต้า คัมรี่ ใหม่แล้ว
การเปิดตัวปิกอัพโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 VNT(Variable Nozzle Turbo) หรือที่เป็นเทอร์โบแปรผัน เพื่อเพิ่มสมรรถนะปิกอัพในไลน์ให้สมบูรณ์ขึ้น เพราะไฮลักซ์ วีโก้ เครื่องยนต์ที่ติดตั้งเทอร์โบแปรผันปัจจุบัน มีอยู่ในเฉพาะรุ่น 3.0 ลิตรเท่านั้น ส่วนรุ่น 2.5 ลิตร เป็นเพียงเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ธรรมดา
โดยโตโยต้าจะติดตั้งเทอร์โบแปรผัน ในปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งผลกำลังปรับเพิ่มเป็นมากกว่า 140 แรงม้า จากรุ่นเทอร์โบธรรมดาเดิม 120 แรงม้า ทำให้ใกล้เคียงกับคู่แข่งในตลาดที่เป็นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผันเหมือนกัน แต่ก็จะทำให้ราคาของไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 VN เทอร์โบ ปรับเพิ่มขึ้น คาดว่าไม่เกิน 2 หมื่นบาท
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า โตโยต้าอาจจะเปิดตัวปิกอัพยกสูง “ไฮลักซ์ วีโก้ พรีรันเนอร์” เครื่องยนต์ 2.5 VN เทอร์โบสู่ตลาดด้วย มีให้เลือกทั้งแบบสมาร์ทแค็บ (แค็บเปิดได้) และดับเบิลแค็บ (4 ประตู) ซึ่งเดิมรุ่นพรีรันเนอร์จะมีอยู่เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 VN เทอร์โบเท่านั้น ขณะที่คู่แข่งต่างมีเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรทำตลาดหมด จนกลายเป็นจุดอ่อนของโตโยต้า และเป็นเซกเม้นท์ที่โตโยต้าแพ้คู่แข่งมากที่สุดในตลาดปิกอัพ
ทั้งนี้ที่ผ่านมามีกระแสข่าว เกี่ยวกับติดตั้งเทอร์โบแปรผัน ในไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 ทุกรุ่นมาต่อเนื่อง ซึ่งจะว่าไปเป็นแผนที่โตโยต้าเตรียมไว้อยู่แล้ว เพียงแต่จะนำมาใช้เมื่อไหร่เท่านั้น และเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป คู่แข่งเบียดขึ้นมาชิงตำแหน่งเบอร์หนึ่งไปได้ ทำให้โตโยต้าจำเป็นต้องงัดไม้เด็ดนี้ออกมา และเวลานั้นก็น่าจะมาถึงแล้ว…
ฉะนั้นช่วงครึ่งปีหลังนี้ จึงจับตา! การออกมาเขย่าตลาดของยักษ์ใหญ่โตโยต้า ว่าจะสามารถทวงคืนความเป็นผู้นำกลับมาได้หรือไม่? และไม่เพียงไม้เด็ดเท่านี้ ยังมีลุ้นอีกกับการปรับโฉม “โตโยต้า วีออส” ที่น่าจะมาอย่างเร็วปลายปีนี้ หรือไม่เกินต้นปีหน้าแน่นอน
แม้ตลาดรถยนต์ไทยจะร่วงหนักตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” ค่อนข้างอยู่ในสถานการณ์สาหัสพอสมควร เพราะสินค้าหลักไม่ว่าจะในตลาดเก๋ง หรือปิกอัพ นอกจากยอดขายลดลงแล้ว ยังถูกคู่แข่งแย่งชิงตำแหน่งเบอร์หนึ่งไปหลายรุ่น โดยโตโยต้าอ้างว่าอยู่ในช่วงปรับไลน์ผลิตหลักๆ จึงไม่สามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ตามต้องการ และคาดว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป จะเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ และกลับมาเป็นผู้นำในเซกเม้นท์หลักๆ ได้เช่นเดิม
ความมั่นใจดังกล่าวเห็นได้จากเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีการปรับเพิ่มไลน์สินค้าเก๋งคอมแพ็กต์ “โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส” ด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เป็นอีกทางเลือก และถือโอกาสจัดวางตำแหน่งสินค้า ทั้งการปรับลดเพิ่มอุปกรณ์และราคาของโคโรลล่า อัลติส ไปพร้อมๆ กันด้วย ซึ่งโตโยต้าหวังว่าจะช่วยให้สามารถทวงตำแหน่งผู้นำ กลับคืนมาจาก “ฮอนด้า ซีวิค” ได้
นั่นคือดาบแรกของโตโยต้า สำหรับฟาดฟันคู่แข่งในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะยังมีอีกหลายดาบที่จะทยอยงัดออกมา เริ่มจากการปรับโฉมของ “โตโยต้า คัมรี่” หลังจากได้มีการนำร่องปล่อยกระแสข่าว คัมรี่รุ่นไฮบริดมาตลอดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อที่จะรองรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายเดือนกรกฎาคมนี้ (ดูรายระเอียดการทดสอบคัมรี่ ไฮบริด)
ดังนั้นในการเปิดตัว “คัมรี่ ไฮบริด” โตโยต้าจึงถือโอกาสปรับโฉมคัมรี่เวอร์ชั่นเครื่องยนต์เบนซินด้วย พร้อมกับวางไลน์สินค้าทำตลาดใหม่ จากเดิมจะมี 3 โมเดลให้เลือก มีรุ่น 2.0E, 2.0G, 2.4G, 2.4V และ 3.5Q แต่โฉมใหม่จะมีเพียงรุ่น 2.0E, 2.0G, 2.4G และ 3.5Q โดยได้นำรุ่นไฮบริดมาแทนรุ่น 2.4V
หากดูจากการไลน์สินค้าของคัมรี่ใหม่ นับว่าสอดคล้องกับที่ผู้บริหารระดับสูงของโตโยต้า ได้แย้มออกมาก่อนหน้านี้ว่า… “ต้องการทำราคาคัมรี่ ไฮบริด ให้อยู่ในระดับคัมรี่รุ่น 2.4V ปัจจุบัน หรือสูงสุดน่าจะปรับเพิ่มประมาณ 1 แสนบาท”
ส่วนทำไม? โตโยต้าถึงมุ่งหวังจะวางตำแหน่งคัมรี่ ไฮบริด ระดับเดียวกับคัมรี่ 2.4V ทั้งที่ต้นทุนการผลิตรุ่นไฮบริดสูงกว่ามาก นั่นเพราะโตโยต้าได้ยื่นขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล ในการลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนที่เกี่ยวกับระบบไฮบริด แต่หากไม่ได้รับไฟเขียวโตโยต้าจึงต้องมีตัวเลขบวกเพิ่ม 1 แสนบาทต่อท้าย
แต่จากข่าวคราวล่าสุด รัฐบาลยังไม่ยอมตกลงตามคำขอโตโยต้าแต่อย่างใด เหตุนี้โอกาสที่ โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด จะถูกบวกราคาเพิ่มจากรุ่น 2.4V ประมาณ 1 แสนบาท จึงเป็นไปได้สูง!
อย่างไรก็ตาม แม้โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด จะได้รับสิทธิประโยชน์เสียภาษีสรรพสามิต 10% แต่ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และชิ้นส่วนระบบไฮบริด ยังไม่สามารถผลิตในไทยได้ ทำให้ต้องนำเข้าชิ้นส่วนดังกล่าวจากญี่ปุ่นมาประกอบ ส่งผงให้ต้นทุนพุ่งสูงตามไปด้วย ขณะที่การจะผลักดันให้คัมรี่ ไฮบริดแจ้งเกิด และคุ้มทุนกับการขึ้นไลน์ผลิตในไทย จึงจำเป็นต้องมีปริมาณยอดขายมากพอสมควร
นี่จึงอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้โตโยต้า ตัดสินใจถอดคัมรี่เครื่องยนต์เบนซินปกติรุ่น 2.4V และนำรุ่นไฮบริดมาสวมแทน เพราะหากลูกค้าอยากจะได้อุปกรณ์ต่างๆ เช่นเดียวกับรุ่น 2.4V ต้องตัดสินใจเลือก โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริดเท่านั้น
ส่วนโตโยต้า คัมรี่ เครื่องยนต์เบนซินปกติ ได้มีการแต่งหน้าทาปากใหม่ หรือไมเนอร์เชนจ์แบบไทยๆ ด้วยการเปลี่ยนกระจังหน้าลายใหม่ และกันชนหน้าใหม่พร้อมกรอบโครเมี่ยม รวมถึงหลอดไฟหน้าแบบ HID และไฟท้าย LED ใหม่ โดยจะออกแบบแตกต่างกันกับรุ่นไฮบริดชัดเจน (ดูรายละเอียด คัมรี่ ไมเนอร์เชนจ์)
หลังจากขยับในตลาดเก๋งแล้ว ปิกอัพที่โตโยต้ากำลังเพลี่ยงพล้ำให้กับ “อีซูซุ” คู่แข่งสำคัญ เป็นตลาดถัดไปที่โตโยต้าต้องรีบออกมาแก้เกม และทวงบัลลังก์แชมป์กลับคืนให้ได้ โดยทางฝ่ายการตลาดได้แจ้งให้ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์กำหนดเวลาในปฏิทิน เพื่อเปิดตัว “ไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 VN เทอร์โบ” กับสื่อมวลชน ในช่วงไล่เลี่ยกับ โตโยต้า คัมรี่ ใหม่แล้ว
การเปิดตัวปิกอัพโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 VNT(Variable Nozzle Turbo) หรือที่เป็นเทอร์โบแปรผัน เพื่อเพิ่มสมรรถนะปิกอัพในไลน์ให้สมบูรณ์ขึ้น เพราะไฮลักซ์ วีโก้ เครื่องยนต์ที่ติดตั้งเทอร์โบแปรผันปัจจุบัน มีอยู่ในเฉพาะรุ่น 3.0 ลิตรเท่านั้น ส่วนรุ่น 2.5 ลิตร เป็นเพียงเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ธรรมดา
โดยโตโยต้าจะติดตั้งเทอร์โบแปรผัน ในปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งผลกำลังปรับเพิ่มเป็นมากกว่า 140 แรงม้า จากรุ่นเทอร์โบธรรมดาเดิม 120 แรงม้า ทำให้ใกล้เคียงกับคู่แข่งในตลาดที่เป็นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผันเหมือนกัน แต่ก็จะทำให้ราคาของไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 VN เทอร์โบ ปรับเพิ่มขึ้น คาดว่าไม่เกิน 2 หมื่นบาท
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า โตโยต้าอาจจะเปิดตัวปิกอัพยกสูง “ไฮลักซ์ วีโก้ พรีรันเนอร์” เครื่องยนต์ 2.5 VN เทอร์โบสู่ตลาดด้วย มีให้เลือกทั้งแบบสมาร์ทแค็บ (แค็บเปิดได้) และดับเบิลแค็บ (4 ประตู) ซึ่งเดิมรุ่นพรีรันเนอร์จะมีอยู่เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 VN เทอร์โบเท่านั้น ขณะที่คู่แข่งต่างมีเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรทำตลาดหมด จนกลายเป็นจุดอ่อนของโตโยต้า และเป็นเซกเม้นท์ที่โตโยต้าแพ้คู่แข่งมากที่สุดในตลาดปิกอัพ
ทั้งนี้ที่ผ่านมามีกระแสข่าว เกี่ยวกับติดตั้งเทอร์โบแปรผัน ในไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 ทุกรุ่นมาต่อเนื่อง ซึ่งจะว่าไปเป็นแผนที่โตโยต้าเตรียมไว้อยู่แล้ว เพียงแต่จะนำมาใช้เมื่อไหร่เท่านั้น และเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป คู่แข่งเบียดขึ้นมาชิงตำแหน่งเบอร์หนึ่งไปได้ ทำให้โตโยต้าจำเป็นต้องงัดไม้เด็ดนี้ออกมา และเวลานั้นก็น่าจะมาถึงแล้ว…
ฉะนั้นช่วงครึ่งปีหลังนี้ จึงจับตา! การออกมาเขย่าตลาดของยักษ์ใหญ่โตโยต้า ว่าจะสามารถทวงคืนความเป็นผู้นำกลับมาได้หรือไม่? และไม่เพียงไม้เด็ดเท่านี้ ยังมีลุ้นอีกกับการปรับโฉม “โตโยต้า วีออส” ที่น่าจะมาอย่างเร็วปลายปีนี้ หรือไม่เกินต้นปีหน้าแน่นอน