หลังจากโตโยต้าปูทางเรื่องราวของระบบไฮบริดมาเป็นเวลานานหลายปี และแล้วรถยนต์ไฮบริด โมเดลแรกของเมืองไทยก็ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ “คัมรี่ ไฮบริด” พร้อมกับการขึ้นไลน์ประกอบในประเทศแทนที่จะเป็นการนำเข้ามาจำหน่าย เรียกว่าเป็นเซอร์ไพร์สเล็กๆ
ด้วยสไตล์การทำตลาดแบบวิถีโตโยต้า การจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่สักรุ่นจะต้องมีการเตรียมความพร้อมแบบครบวงจร รวมถึงใช้ทุกกลยุทธ์เพื่อทำให้รถยนต์รุ่นนั้นประสบความสำเร็จ และในกรณีของ คัมรี่ ไฮบริด สิ่งสำคัญที่โตโยต้าต้องการจะสื่อให้ลูกค้าทราบคือ “การขอให้มั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์”
เนื่องจากความเป็นสินค้าใหม่สุดๆ เทคโนโลยีล้ำหน้า ที่ประชาชนคนไทย ส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคย ดังนั้นวิธีการที่จะสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าได้ทางหนึ่งก่อนที่รถจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ นอกเหนือจากการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับไฮบริด(ที่โตโยต้าทำมานาน) คือ การนำสื่อมวลชน ไปทดลองขับและสัมผัสกับเจ้า คัมรี่ ไฮบริด ตัวเป็นๆ
การทดสอบมีขึ้น ณ สนามทดสอบรถยนต์ ของโตโยต้า ในบริเวณโรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ และถือเป็นครั้งแรกของเรา “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” ที่ได้สัมผัสกับสนามทดสอบแห่งนี้
ก่อนการทดลองขับ ทางโตโยต้าจัดอบรมความรู้ด้านระบบไฮบริดให้กับสื่อมวลชนทั้งหมดที่เข้าร่วมในครั้งนี้ ส่วนของสเปค คัมรี่ ไฮบริด นั้นเรานำเสนอเพียงคร่าวๆ ด้วยเหตุโตโยต้ายังไม่เผยข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดออกมา เนื่องจากต้องรอหลังจากรถยนต์เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีกำหนดวันที่ 27 กรกฏาคมที่จะถึงนี้
สำหรับสเปคคัมรี่ ไฮบริด บรรจุเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตรพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอร์รี่รุ่นใหม่ทำจากนิกเกิลไฮไดร ที่โตโยต้าบอกว่า ดีกว่ารุ่นถึง 35% ส่งกำลังด้วยเกียร์ไฮบริด CVT ที่สำคัญจะมีระบบ VDIM อันทันสมัยที่ใส่อยู่ในรถของเล็กซัส ถูกนำมาใส่ในคัมรี่ ไฮบริดด้วย (คัมรี่ธรรมดาจะไม่มี)
ส่วนหน้าตาของตัวรถภายนอก กระจังหน้า,กันชนหน้า ดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Blue-tinted Extension และจะมีสีฟ้าพิเศษเฉพาะรุ่นไฮบริดเท่านั้น ซึ่งสนนราคาค่าตัว จะสูงกว่ารุ่นปกติไม่เกิน 100,000 บาท
ในส่วนของการขับนั้นรอบแรกจะให้ครูฝึกขับให้เรานั่ง ต่อจากนั้น เราค่อยขับเอง 2 รอบตามที่กำหนดไว้ เพื่อดูถึงสมรรถนะและระบบการทำงานต่างๆ ของคัมรี่ ไฮบริด โดยออกตัวก่อนว่า รถคัมรี่คันที่เราขับนั้นเป็นตัว ทดลองประกอบ(Pre Production) ดังนั้น ความสมบูรณ์อาจจะไม่เท่ากับคันที่ขายจริง
รอบแรกเรานั่ง หลังกดปุ่มสตาร์ทเครื่อง สิ่งแรกที่สังเกตคือ ความเงียบหลังการติดเครื่อง ซึ่งจริงๆ จะเรียกว่าติดเครื่องก็ไม่ถูกต้อง เพราะเครื่องยนต์ยังไม่ติด ต้องเรียกว่า “พร้อมเดินทาง” เนื่องจากจังหวะในการออกตัวของคัมรี่ ไฮบริดจะใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่ใช้เครื่องยนต์ โดยจะมีไฟสัญลักษณ์คำว่า “READY” ติดขึ้นมาเพื่อบ่งบอกว่า รถอยู่ในสภาพพร้อมเดินทางได้
ตอนออกตัว รถก็ยังเงียบ (ใช้พลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์ขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว) จนกระทั่งวิ่งด้วยความเร็วราว 30 กม./ชม. เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาให้รู้สึกได้เล็กน้อย ฉะนั้นหากเป็นการขับในเมืองที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วแบบเต่าคลาน จะประหยัดน้ำมันอย่างมาก แบบไม่ต้องสงสัยก็เพราะไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อน
ทั้งนี้ เราจะสังเกตว่ารถใช้พลังงานจากไหนมาขับเคลื่อน(เครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้า) สามารถดูได้จากหน้าจอตรงหน้าปัดบอกความเร็วจะมีจอแสดงผลอยู่ ซึ่งหากแบตเตอร์รี่มีกำลังไฟอ่อนลง จนถึงขนาดจำเป็นต้องชาร์จ เครื่องยนต์จะติดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ เพื่อชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอร์รี่แล้วก็จะดับลงเมื่อชาร์จไฟเพียงพอความต้องการแล้ว
การนั่งสังเกตการณ์ในรอบแรกรู้สึกปกติไม่แตกต่างจากนั่งคัมรี่ทั่วไปจะมีเพียง เรื่องของเบาะนั่งมีระบบทำความเย็นซะด้วยคือมีลมเย็นออกมาจากตัวเบาะ รอบที่สอง เรามาเป็นผู้ขับ กุญแจแบบ Keyless กดสตาร์ทพร้อมเดินทาง เหยียบคันเร่งเบาๆ รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยเครื่องยนต์ไม่ติด เลี้ยงคันเร่งไปเรื่อยๆ จนความเร็วมาถึงราว 30 กว่า กม./ชม. เครื่องยนต์ก็ติดขึ้น
เราขับไปเรื่อยๆ เข้าโค้งก็เกาะดี มาถึงจุดที่เป็นสะพานจำลองเพื่อดูกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งเพียงแค่กำลังของมอเตอร์เพียงอย่างเดียว ไม่ต้องพึงเครื่องยนต์ก็สามารถขึ้นสะพานได้ เว้นแต่หากเรากดคันเร่งหนักเท้าทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์จะส่งแรงมาพร้อมกัน เนื่องจากระบบรู้ว่าเราต้องการไปด้วยความรวดเร็ว
ต่อมาเป็นการขับแบบลองอัตราเร่ง จากป้ายบอกระยะ 200 เมตร เรากดคันเร่งแบบคิกค์ดาวน์ ด้วย 2 แรงแข็งขันจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ นำพาตัวถังเกือบ 2 ตันของคัมรี่ ไฮบริดจากความเร็วการวิ่งราว 60 กม./ชม. พุ่งไปถึงความเร็ว 140 กม./ชม. ได้ที่ป้ายบอกระยะ 500 เมตร อย่างไม่ยากเย็น
รอบที่สามสุดท้าย เราขับเข้าไปยังจุดทดลองเบรก เพื่อดูถึงระบบ “มอเตอร์เบรก” ซึ่งทำงานคล้ายคลึงกับระบบเอ็นจิ้นเบรกในรถเครื่องยนต์ปกติ โดยขับทำความเร็วให้ถึง 100 กม./ชม. แล้วกดเบรก ชะลอรถจนถึงความเร็วราว 30 กม./ชม. เรารู้สึกเหมือนดังที่ อ.มนัส ดาวมณี บรรยายในห้องให้เราฟังว่า ระบบมอเตอร์เบรกนั้นจะช่วยเบรก ทำให้เรารู้สึกหน่วงๆ กว่าเบรกของรถปกติเล็กน้อย
ทั้งนี้ระบบเบรกของคัมรี่ ไฮบริด จะไม่เหมือนระบบเบรกปกติที่ใช้หม้อลมหรือไฮดรอลิก (จานเบรกและดิสก์เบรกยังคงมีเหมือนรุ่นธรรมดาทั่วไป) แต่จะเป็นระบบเบรกที่จำลองแรงต้าน โดยไม่มีแรงสะท้านตอบกลับมาเหมือนเบรกทั่วไป ซึ่งผลของการเบรกบอกได้คำเดียวว่า เบรกของคัมรี่ไฮบริดอุ่นใจไม่แพ้ใครแน่นอน
จากนั้นเราขับทดลองอัตราเร่งอีกครั้ง คราวนี้เพ่งสมาธิไปที่พวงมาลัย พบว่าน้ำหนักไม่เปลี่ยนแปลงนิ่งๆ ไม่มีอาการใดๆ ให้เรารู้สึกหวั่นใจแม้วิ่งด้วยความเร็ว 140กม./ชม. และสังเกตเสียงดังของเครื่องยนต์ในจังหวะกดคันเร่งสุดๆ เสียงเครื่องมีคำรามเข้ามาในห้องโดยสารบ้างเล็กน้อย ชนิดที่เสียงลมประทะกระจกหน้ารถยังดังกว่า และแล้วเราก็ขับครบ 2 รอบ
แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ในการสัมผัสกับคัมรี่ ไฮบริด แต่เราก็พอจะจับอาการของรถได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งขอบอกตรงๆ ว่า หากคุณได้ลองขับเท่าที่เราได้ขับแล้ว เชื่อขนมกินได้เลยว่า คำกล่าวของประธานโตโยต้า ประเทศไทย ที่คาดว่าคัมรี่ ไฮบริดจะครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 60% ของยอดขายคัมรี่ทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องโม้หรือเกินความจริงแต่อย่างใด
***คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบไฮบริด
รู้จักระบบลูกผสม“ไฮบริด”
คลายข้อข้องใจ? ก่อนใช้ไฮบริด