xs
xsm
sm
md
lg

BRGขนรถ6รุ่นใหม่สู้ศึกเกรย์-เล็งเปิดตัว"อี-คลาส"กลางปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวในประเทศ - เปิดแผน BRG “รามคำแหง กรุ๊ป” เล็งเปิดตัวรถใหม่จากค่ายญี่ปุ่น-ยุโรปรวม 6 รุ่นตลอดทั้งปี ประเดิมด้วย“ฮอนด้า อินไซท์ ไฮบริด” กับราคา 1.89 ล้านบาท จากนั้นเป็นคิวโตโยต้า พริอุส ไฮบริด และเลกซัส HS250h รวมถึงเอ็มพีวีอย่าง โอดิสซีส์ และสเต็ป แวกอน โมเดลเชนจ์ ขณะที่ไฮไลต์สำคัญอยู่ช่วงกลางปีกับการนำ “อี-คลาส ใหม่” เข้ามาเปิดตัวเป็นเจ้าแรก พร้อมรับจองทันที หวังดันเป้ายอดขายรวมปีนี้ 450 คัน

ตลาดรถยนต์นำเข้าอิสระในปีนี้มีความน่าสนใจ และน่าติดตามสถานการณ์ด้วย 2 ประเด็นหลักๆ คือ หนึ่งการล้มละลายทางความน่าเชื่อถือของอดีตเจ้าตลาด เอส.อี.ซี. ซึ่งใครจะแหวกกำแพงวิกฤตภาพลักษณ์ และสร้างความแตกต่างทั้งด้านโปรดักต์และบริการหลังการขายจนก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์หนึ่งแทน

ประเด็นที่สองคือ วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ย่อมส่งผลกระทบกับตลาดแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกำลังซื้อของผู้บริโภคหดหาย หรือการแข็งค่าของเงินเยนที่ทำให้รถยนต์หนึ่งคันราคาสูงขึ้น อันน่าจะส่งผลให้เค้กก้อนใหญ่ระดับยอดขาย 4,000-5,000 คันต่อปี ลดลงไปถึง 20-30% ดังนั้นกลยุทธ์ที่แต่ละค่ายเตรียมงัดมาใช้สู้ศึกในปีนี้ จึงน่าสนใจและถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อในแวดวงเกรย์มาร์เก็ตอย่างแท้จริง
ชลลธร ศรีรัตนประภาส กับ อินไซท์ ใหม่
เช่นกันกับ“รามคำแหง กรุ๊ป” หรือ BRG ที่ช่วง 3-4 ปีหลังได้ลงหลักปักฐาน สร้างแบรนด์ ลุยตลาดเกรย์ อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งปีนี้ก็มีโจทย์รอท้าทายความสามารถไม่แพ้คู่แข่งอื่นๆ

ด้วยนโยบายโปรดักต์สดใหม่ ที่มาพร้อมออปชันเพียบ ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าด้วยการรับประกันพร้อมโอนและจดทะเบียนภายใน 3 วัน หลังการรับรถ รวมถึงการบริการหลังการขายกับ 2 ศูนย์ครบวงจร ที่รามคำแหง และรัชโยธิน จึงทำให้ ชลลธร ศรีรัตนประภาส กรรมการผู้จัดการ BRG เชื่อมั่นว่าปีนี้จะทำยอดขายได้ถึง 450 คัน

ด้วยอาวุธหลักอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ วีโต้ ที่สร้างยอดขายเป็นกอบเป็นกำมายาวนาน บวกกับรถใหม่ที่จะทยอยเปิดตัวในปีนี้อีกหลายรุ่น อย่างล่าสุดกับ “ฮอนด้า อินไซท์ ไฮบริด” ที่ชิงนำมาขายเป็นเจ้าแรก โดยจัดงานเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กับราคาสุดเร้าใจ 1.89 ล้านบาท(เฉพาะช่วงแนะนำ)

“อินไซท์ ไฮบริด เป็นยานยนต์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คล่องตัวอเนกประสงค์ ที่สำคัญมีอัตราบริโภคน้ำมันเพียง 26-30 กิโลเมตรต่อลิตร ตอบสนองไลฟ์ไสต์คนรุ่นใหม่ โดยเราตั้งเป้าขายในปีนี้ 50 คัน”ชลลธร เปิดเผย กับ“ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง”
พริอุส ใหม่
นอกจากอินไซท์ ไฮบริด แล้ว BRG ยังเตรียมนำเข้ายนตรกรรมลูกผสมไฟฟ้า-น้ำมันจากค่ายโตตโยต้ามาอีก 2 รุ่นคือ โมเดลเชนจ์ของ “พริอุส ไฮบริด” และซีดานสายพันธุ์ใหม่ล่าสุดของเลกซัสคือ HS250h

สำหรับ “พริอุส ไฮบริด ใหม่” เป็นเจเนอเรชันที่สาม เปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดโลกต้นปีที่ผ่านมา และแม้หน้าตาอาจดูไม่เปลี่ยนไปมาก แต่จุดเด่นยังอยู่ที่ระบบไฮบริดแบบ Hybrid Synergy Drive หรือ HSD โดยเครื่องยนต์สันดาปภายในจากเดิมเป็นแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว VVT-i ความจุ 1,500 ซีซี จะถูกขยายเป็น 1,800 ซีซี จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กถาวร มีกำลังสูงสุด 80 แรงม้า และเมื่อรวมการทำงานของทั้ง 2 ส่วน จะทำให้ไฮบริดรุ่นนี้ทำกำลังได้สูงสุดถึง 134 แรงม้า ส่วนตัวเลขบริโภคน้ำมันเฉลี่ยโตโยต้าเคลมไว้ 20.3 กิโลเมตร/ลิตร
Lexus HS250h
โดย BRG เตรียมนำเข้า “พริอุส ไฮบริด ใหม่”มาทำตลาดช่วงกลางปีนี้ ซึ่งทางชลลธรก็ยอมรับว่า ราคาขายเจ้าไฮบริดยอดนิยม น่าจะสูงเอาการและคงแพงกว่า “อินไซท์ ไฮบริด”แน่นอน

จากนั้นในเดือนสิงหาคมจะเป็นคิวของ HS250h ซีดานหรูขนาดกลาง ที่ใช้พื้นฐานเดียวกับพริอุส แต่เครื่องยนต์ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นคนละบล็อกกัน โดยHS250h จะมาพร้อมขุมพลังเบนซิน 2.4 ลิตร ที่วางใน Camry Hybrid ให้กำลังสูงสุด 187 แรงม้า (รวมพลังของมอเตอร์ไฟฟ้าด้วย)

นั่นเป็นรถไฮบริด 3 รุ่นที่ BRG สั่งเข้ามาลุยตลาดปีนี้ ขณะเดียวกันพวกรถอเนกประสงค์จากแดนปลาดิบ ที่ถือเป็นอาวุธหลักของ BRG มาตลอด ก็มีมาให้เลือกเช่นกัน

เริ่มจากฮอนด้า โอดิสซีส์ ใหม่ เอ็มพีวี 7 ที่นั่ง กับรูปลักษณ์ใหม่ในแบบโมเดลเชนจ์ พร้อมขุมพลังเบนซิน i-VTEC 2.4 ลิตร 173 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ 4 ล้ออัตโนมัติ ส่วนอีกรุ่นเป็นความอเนกประสงค์จากค่ายเดียวกันอย่าง “สเต็ป แวกอน ใหม่”โดยทั้งสองรุ่น BRG จะนำมาขายในช่วงไตรมา 3 และ 4 ตามลำดับ
ฮอนด้า โอดีสซีส์
นอกจากไฮไลต์จากค่ายรถญี่ปุ่น ที่ BRG เตรียมสรรหามาเอาใจไฮโซชอบความต่างหลากหลายรุ่นแล้ว ด้านความหรูจากฝั่งยุโรป BRG ก็ไม่ยอมพลาด ซึ่งทีเด็ดคงหนีไม่พ้น เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคลาส ใหม่ (W212)

ยนตรกรรมหรูขนาดกลางตราดาว 3 แฉก เพิ่งเผยโฉมสู่สายตาชาวโลกต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา กับรูปลักษณ์ใหม่หมดจด โดดเด่นด้วยไฟฟ้าคู่ อย่างละฝั่ง แต่เปลี่ยนจากแบบดวงกลมหรือดวงรีใน 2 รุ่นที่แล้วมาเป็นแบบทรงเหลี่ยม

ด้านระบบความปลอดภัยยังติดตั้งมาให้เพียบ เช่น ระบบไฟสูงแบบ Adaptive High Beam Assist ซึ่งจะใช้กล้องด้านหน้าซึ่งอยู่บนกระจกบังลมหน้าในการบันทึกภาพของสภาพการจราจรด้านหน้า และปรับเปลี่ยนลักษณะการส่องสว่างของไฟไปตามสภาพการจราจรเพื่อป้องกันไม่ให้แสงรบกวนรถยนต์คันอื่น และสามารถปรับระยะการส่องสว่างของไฟหน้าในระยะปกติ 65 เมตรมาเป็นสูงสุด 300 เมตรได้
อี-คลาส ใหม่
ระบบ Blind Spot Assist และ Lane Keeping Assist ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในจังหวะที่เปลี่ยนช่องทางการจราจร เพราะมุมอับทำให้มองไม่เห็น และ Night View System ที่ติดตั้งในเอส-คลาสก็ถูกนำมาใช้ในอี-คลาสรุ่นนี้ และระบบ Attention Assist ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนในกรณีที่ผู้ขับเริ่มมีอาการหลับใน

เครื่องยนต์มีให้เลือกหลากหลาย ไล่ตั้งแต่ เบนซิน 4 สูบไดเรกต์อินเจกชัน ขนาด 1.8 ลิตร กับ 2 ทางเลือก 184 แรงม้า และ 204 แรงม้า รวมถึงตัวแรงอย่าง วี6 และ วี8 ส่วนเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลเป็นแบบ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตรให้กำลังสูงสุด 136 และ 170 แรงม้า รวมถึงดีเซลบล็อกใหม่ 4 สูบ 2.2 ลิตร เทอร์โบคู่ รีดกำลังออกมาได้ 204 แรงม้า

อย่างไรก็ตาม BRG ยังไม่เผยว่าจะนำรุ่นใดเข้ามาทำตลาดก่อน แต่ที่แน่ๆบอสใหญ่ “ชลลธร” จะพยายามนำเข้ามาเปิดตัวพร้อมให้ลูกค้าได้สั่งจองเป็นเจ้าแรก ช่วงกลางปีนี้

ทั้งหมดเป็นหมัดเด็ดของ BRG “รามคำแหง กรุ๊ป” ที่จะนำมาใช้สู้ศึกในตลาดสีเทา....ใครใจร้อน หรือชอบรถที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็เตรียมกำลังทรัพย์กันไว้เนิ่นๆได้เลย
กำลังโหลดความคิดเห็น