อนุกรมน้องเล็กของบีเอ็มดับเบิลยู เปิดตัวลุยตลาดโลกตั้งแต่ปี 2004 โดยประเดิมกับรุ่นแฮทซ์แบ็ก 5 ประตู จากนั้นก็ทยอยเพิ่มทางเลือกกับตัวถังแฮทซ์แบ็ก 3 ประตู,เปิดประทุน และคูเป้ พร้อมความหลากหลายของขุมพลัง ทั้งเบนซิน ดีเซล ที่เรียงหน้ามาให้เลือกตามกำลังศรัทธา
สำหรับประเทศไทยแม้ บีเอ็มดับเบิลยูเคยนำ 120i เข้ามาทำตลาดเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ด้วยเหตุของราคาค่าตัว ตำแหน่งสินค้า และเทรนด์ผู้บริโภค(ตอนนั้น) ขณะที่ค่ายใบพัดสีฟ้าเองก็ไม่ได้หวังกับเซกเมนท์นี้มากนัก จึงทำให้กระแสของ “ซีรีส์1”เงียบหายไปในระยะเวลาอันสั้น
หลายปีผ่านไปสถานการณ์ตลาดก็เปลี่ยนตาม และอย่างที่เห็นกันว่าช่วงหลังๆบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ภายใต้การนำของ “มิคาเอล คอร์ดิส” พยายามนำรถซีบียู รุ่นใหม่ๆ เข้ามาเสริมตลาดพร้อมไปกับอนุกรมหลักอย่าง 3, 5, 7 อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็ตัดสินใจนำ “ซีรีส์1” มาแจ้งเกิดอีกครั้ง
การกลับมาของ “ซีรีส์ 1” คราวนี้ดูบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทยจะทำการบ้านเป็นอย่างดี ด้วยการเลือกตัวถังคูเป้ ประกบกับเครื่องยนต์ดีเซล N74 ที่กำลังขายดีในฝากระโปรงของ 320d และ520d ขณะเดียวกันก็พยายามชูจุดขายว่า นี่คือการสานต่อตำนานรุ่น 2002 สปอร์ตคูเป้ไซส์เล็กที่ได้รับความนิยมเมื่อ 30 ปีก่อน
BMW 120d กับราคา 3.699 ล้านบาท ซึ่งแพงกว่า 320d ซีดาน (2.849 ล้านบาท) แต่ก็ถูกกว่า 320d คูเป้ (4.299 ล้านบาท) ดังนั้นการวางตำแหน่งสินค้าและราคาแทรกกลางแบบนี้ จึงน่าสนใจว่าน้องนุชสุดท้อง ที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกันกับรุ่นพี่(ซีรีส์3) จะเทียบชั้นกันได้หรือไม่?
จะว่าไปด้วยตัว 120d เองมีความโดดเด่นอยู่แล้ว ทั้งรูปลักษณ์ที่สะดุดตากับการเป็นสปอร์ต คูเป้ขนาดเล็ก แม้ด้านหน้าอาจไม่แปลกใหม่ ทั้งโคมไฟ กระจังและกันชนหน้า แต่กับเส้นสายและมัดกล้ามด้านข้างที่ลากยาวตลอดแนวนั่นสื่อถึงพละกำลัง และเร้าอารมณ์สุดๆ ด้านฝากระโปรงหลังพร้อมสปอยเลอร์ในตัวที่คมสันขึ้นมา ซึ่งมองเผินๆก็คล้ายกับสปอร์ตคาร์ z4 ทั้งนี้ส่วนตัวหลังได้สัมผัสคันจริงและเพ่งพิจไปรอบๆ รู้สึกว่าเจ้า 120d คันนี้มันสวยกว่าที่เห็นในรูปเสียอีก
สำหรับคันที่เราได้มาลองขับเป็นรถสีขาวตามสมัยนิยม ซึ่งตัดกับการตกแต่งภายในที่เน้นโทนแดง-ดำ ด้านพวงมาลัยมีปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน (ไม่มี ไอ-ไดรฟ์) เบาะหนังคู่หน้าปรับระดับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบความจำ ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวก-ปลอดภัยอื่นก็ขนมาให้ตามสมควร ทั้งครูสคอนโทรล ระบบสตาร์ทเครื่อง เปิด-ปิด ประตูไม่ต้องใช้กุญแจ กระจกมองข้าง-มองหลังตัดแสง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า-ด้านข้าง สำหรับผู้โดยสารและคนขับ เบรก ABS ระบบควบคุมการทรงตัว และระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง เป็นต้น
ยอมรับครับว่าไม่เคยขับสปอร์ตในตำนานอย่าง 2002 แต่กับรุ่นหลังๆของบีเอ็มก็เคยผ่านมือผ่านเท้ามาบ้าง ซึ่งรวมถึงพวก E90 E92 E93…120d ถือเป็นคูเป้ที่ขับสนุกคันหนึ่ง จุดเด่นอยู่ที่เครื่องยนต์ดีเซล 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร มาตั้งแต่รอบต่ำ 1,750- 3,000 รอบต่อนาที จึงไม่ใช้เรื่องอยากที่การออกตัว-เร่งแซงจะมาแบบหลังติดเบาะ และตามสเปกของบีเอ็มดับเบิลยูบอกว่า 0-100 กม./ชม. 120d ทำได้ 7.8 วินาที ซึ่งเท่ากับตัวเลขของ 320d คูเป้พอดิบพอดี แต่กระนั้นก็เร็วกว่า 320d ซีดานที่ทำได้ 8.0 วินาที
การขับจริงรู้สึกถึงพลังมหาศาลที่ถ่ายทอดผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดลงสู่ล้อหลังได้เต็มประสิทธิภาพ ตัวรถทะยานพุ่งตามแรงกดของเท้าขวาอย่างไม่มีความปราณี หรือการจะเพิ่มความเร็วจาก 60-80 กม./ชม. ไปสู่ย่านความเร็วสูงก็ทำได้ทันใจ ไม่ว่ากดคิกดาวน์ หรือจะเลือกการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง
โดยเกียร์แบบสเต็ปทรอนิค ไม่ว่าจะโยกหน้า(ลดเกียร์) โยกหลัง(เพิ่มเกียร์) สั่งงานได้รวดเร็ว ค่อนข้างตามใจผู้ขับพอสมควร ด้านพวงมาลัยแน่นกระชับ ควบคุมม้าทุกตัวได้เชื่องมือ ไม่ว่าจะอยู่ในย่านความเร็วกลางๆหรือเกิน 120 กม./ชม.ขึ้นไป ขณะที่เบาะนั่งออกแนวแข็งนิดๆ แต่ก็พอดีกับสรีระนั่งสบายวิ่งทางไกลไม่เมื่อยหลัง
120d ถือเป็นรถคูเป้ที่ขับสนุกมาก ไม่ว่ามุดซ้ายป่ายขวาในเมืองก็คล่องตัว หรือขับทางยาวๆก็ให้ความเร้าใจตลอดเส้นทาง ซึ่งรวมถึงการกระจายน้ำหนักหน้าหลังเท่าๆกันของตัวรถ จึงทำให้การเข้า-ออกโค้งเป็นไปอย่างมั่นใจ แนบแน่นไปพื้นถนน
อย่างไรก็ตามถ้านำ 120d ไปเปรียบกับ 320d ทั้งซีดาน และคูเป้ ต้องบอกว่ายังมีช่องว่างเหลือไว้นิดๆสำหรับสองอนุกรมนี้...
จริงๆอยู่แม้ความเร็วระดับหนึ่งจะทำให้ 120d เป็นรถขับดี ขับสนุก และสมรรถนะไม่ต่างไปจาก 320d มากนัก ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเสียง การควบคุม อัตราเร่ง ช่วงล่าง แต่ถ้าสังเกตในช่วงที่เกิน 120 -140กม./ชม.ไปแล้ว ช่วงล่างของพวกอนุกรม 3 จะเนียนกว่านิดๆ(ลัษณะทางกายภาพ,น้ำหนักรถก็มีส่วน) เรียกว่าถ้าวัดกันทางยาวๆการขับ120d เราจะรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนมากกว่ารุ่น 320d พอสมควร
ด้านอัตราบริโภคน้ำมันสำหรับการขับขี่นอกเมือง ความเร็วประมาณ 120-130 กม./ชม. ก็มีระดับ 13 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนในเมืองรถติดมากๆ เห็นอยู่ระดับ 8-9 กม./ลิตร ขณะที่ตัวเลขเฉลี่ยที่บีเอ็มดับเบิลยูเคลมไว้ 16.4 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...บีเอ็มดับเบิลยู เปิดมิติใหม่ของสปอร์ตคูเป้ไซส์เล็ก ด้วยความงามทุกองศา(รอบคัน) โดดเด่นสะกดทุกสายตาบนท้องถนน ขับสนุก เร้าใจ กับขุมพลังดีเซล และถือเป็นอีกคุณภาพของค่ายใบพัดสีฟ้า ที่สาวกบิมเมอร์ไม่น่าพลาด