ในที่สุดความคลุมเคลือที่ว่าอนาคตของสายพันธุ์รถสปอร์ตอย่างซีแอลเค-คลาสจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ได้รับคำตอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์จัดการปัดฝุ่นนำตัวถังคูเป้กลับมาประจำการอยู่ในสายพันธุ์ อี-คลาสอีกครั้งหลังจากเว้นวรรคในการทำตลาดไป 2 เจนเนอเรชัน พร้อมบุกตลาดยุโรปกลางปีนี้ด้วย 5 ทางเลือกทั้งเบนซิน และเทอร์โบดีเซล
ค่ายดาว 3 แฉกเคยรุกตลาดรถสปอร์ตระดับหรูขนาดกลางกึ่งใหญ่ด้วยอี-คลาส คูเป้ และเปิดประทุนที่ใช้พื้นฐานของรหัส W124 แต่เมื่อถึงเวลาที่อี-คลาสเกิดความเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุค New-Eye รหัสตัวถัง W210 ในปี 1995 ตัวถังสปอร์ตก็ถูกถอดออก และมอบหมายหน้าที่นี้ให้กับสายพันธุ์ใหม่อย่างซีแอลเคไปแทน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าซีแอลเคจะมีหน้าตาและทางเลือกของเครื่องยนต์กระเดียดไปทางอี-คลาส แต่ความจริงแล้วสปอร์ตรุ่นนี้ใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับรถยนต์ขนาดเล็กกว่าอย่างซี-คลาส และจากการเปิดตัวออกมาในช่วงเวลาที่ตามหลังอี-คลาส ซีดาน W210 เพียง 10 เดือน ก็เลยทำให้คนทั่วโลกเข้าใจว่าจริงๆ แล้วซีแอลเค เข้ามาแทนที่ W124 คูเป้และเปิดประทุน ทั้งที่ระดับตลาดของซีแอลเคก็ไม่หนีไปจากบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 คูเป้
อย่างไรก็ตาม 2 รุ่นที่ทำตลาด W208 และ W209 ในที่สุดซีแอลเคก็เดินทางมาถึงทางตันต่อการทำตลาด เพราะความก้ำกึ่งในการทำตลาด และเมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์มีการปรับไลน์อัพใหม่ของซี-คลาส โดยเปิดตัวเวอร์ชันสปอร์ตคูเป้ของซี-คลาสออกมาขายชื่อซีแอลซี-คลาสก็กลายเป็นว่าไม่เหลือที่ว่างให้กับซีแอลเคแล้ว ครั้นจะอัพขนาดขึ้นไปลุยในตลาดที่สูงกว่า จากการใช้พื้นฐานเดียวกับซี-คลาสมาตั้งแต่แรกก็จะกลายเป็นเรื่องยาก ด้วยเหตุนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ก็เลยเลือกที่จะนำตัวถังคูเป้กลับมาขายในชื่ออี-คลาสอีกครั้ง
รุ่นใหม่นี้ บนตัวถังคูเป้แบบ 4 ที่นั่งรูปลักษณ์ด้านหน้าใช้ร่วมกับอี-คลาส W212 ซึ่งเป็นการปรับแต่งมาจากต้นแบบรุ่น ConceptFascination ที่เปิดตัวในปารีส มอเตอร์โชว์ 2008 ขณะที่ด้านท้ายได้รับการออกแบบได้อย่างสวยและสปอร์ตปราดเปรียวในทุกมุมมอง โดยมีความเพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cd เพียง 0.24 และมั่นใจได้เลยว่านี่คือรถสปอร์ตที่ใช้พื้นฐานเดียวกับอี-คลาสอย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับทางเลือกของเครื่องยนต์ เริ่มกับรุ่นเบนซิน E 250 CGI BlueEFFICIENCY เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบแบบไดเร็กต์อินเจ็กชันบล็อกใหม่ มีกำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 31.6 กก.-ม. ที่ 2,000-4,300 รอบต่อนาที ตามด้วย E 350 CGI BlueEFFICIENCY แบบวี6 3,500 ซีซี มีกำลังสูงสุด 292 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 37.2 กก.-ม. ที่ 3,000-5,100 รอบ/นาที และ E500 เครื่องยนต์วี8 5,500 ซีซี ที่มีกำลังสูงสุด 388 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 54.0 กก.-ม. ที่ 2,800-4,000 รอบ/นาที
อีก 2 รุ่นเป็นเทอร์โบดีเซล E 250 CDI BlueEFFICIENCY ขุมพลังเทอร์โบดีเซล 4 สูบ 2,100 ซีซี เทอร์โบคู่ ที่ใช้ระบบคอมมอนเรลรุ่นใหม่ล่าสุดมีกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 50.9 กก.-ม. ที่ 1,600-1,800 รอบต่อนาที และ E 350 CDI BlueEFFICIENCY มีกำลังสูงสุด 231 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 55.0 กก.-ม. ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที โดยทุกเครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะในการถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หลัง
อัดแน่นด้วยความล้ำสมัยที่ยกชุดมาจากเอส-คลาส โดยมีทั้งระบบฝากระโปรงหน้าแบบ Active-Bonnet ซึ่งสามารถยกตัวขึ้นเมื่อชนคนเดินถนน เพื่อป้องกันไม่ให้ศีรษะชนเข้ากับชิ้นส่วนแข็งๆ ของเครื่องยนต์ ตามด้วยระบบ Pre-Safety เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ระบบช่วงล่างแบบปรับระดับได้ หรือ Agility Control หรือของใหม่ล่าสุดอย่าง Attention Assist ในการช่วยเพิ่มความตื่นตัวในการขับขณะที่อยู่บนไฮเวย์ เพื่อป้องกันอาการหลับใน
ขณะที่เวอร์ชัน AMG ของแท้ยังไม่มีออกมาวางขาย เมอร์เซเดส-เบนซ์เอาใจคนรักความสปอร์ต ด้วยชุดแต่งของ AMG Package ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามของรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน พร้อมล้อแม็กขนาด 18 นิ้วประกบยางขนาด 235/40R18 ที่ด้านหน้า และ 255/35R18 ที่ด้านหลัง
การเปิดตัวจะมีขึ้นครั้งแรกในเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2009 ระหว่างวันที่ 5-15 มีนาคมที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยราคาถูกเคาะออกมาแล้วที่ 44,684-66,045 ยูโร หรือ 2.01-2.97 ล้านบาท และจะเริ่มทำตลาดในเดือนพฤษภาคมนี้
ค่ายดาว 3 แฉกเคยรุกตลาดรถสปอร์ตระดับหรูขนาดกลางกึ่งใหญ่ด้วยอี-คลาส คูเป้ และเปิดประทุนที่ใช้พื้นฐานของรหัส W124 แต่เมื่อถึงเวลาที่อี-คลาสเกิดความเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุค New-Eye รหัสตัวถัง W210 ในปี 1995 ตัวถังสปอร์ตก็ถูกถอดออก และมอบหมายหน้าที่นี้ให้กับสายพันธุ์ใหม่อย่างซีแอลเคไปแทน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าซีแอลเคจะมีหน้าตาและทางเลือกของเครื่องยนต์กระเดียดไปทางอี-คลาส แต่ความจริงแล้วสปอร์ตรุ่นนี้ใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับรถยนต์ขนาดเล็กกว่าอย่างซี-คลาส และจากการเปิดตัวออกมาในช่วงเวลาที่ตามหลังอี-คลาส ซีดาน W210 เพียง 10 เดือน ก็เลยทำให้คนทั่วโลกเข้าใจว่าจริงๆ แล้วซีแอลเค เข้ามาแทนที่ W124 คูเป้และเปิดประทุน ทั้งที่ระดับตลาดของซีแอลเคก็ไม่หนีไปจากบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 คูเป้
อย่างไรก็ตาม 2 รุ่นที่ทำตลาด W208 และ W209 ในที่สุดซีแอลเคก็เดินทางมาถึงทางตันต่อการทำตลาด เพราะความก้ำกึ่งในการทำตลาด และเมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์มีการปรับไลน์อัพใหม่ของซี-คลาส โดยเปิดตัวเวอร์ชันสปอร์ตคูเป้ของซี-คลาสออกมาขายชื่อซีแอลซี-คลาสก็กลายเป็นว่าไม่เหลือที่ว่างให้กับซีแอลเคแล้ว ครั้นจะอัพขนาดขึ้นไปลุยในตลาดที่สูงกว่า จากการใช้พื้นฐานเดียวกับซี-คลาสมาตั้งแต่แรกก็จะกลายเป็นเรื่องยาก ด้วยเหตุนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ก็เลยเลือกที่จะนำตัวถังคูเป้กลับมาขายในชื่ออี-คลาสอีกครั้ง
รุ่นใหม่นี้ บนตัวถังคูเป้แบบ 4 ที่นั่งรูปลักษณ์ด้านหน้าใช้ร่วมกับอี-คลาส W212 ซึ่งเป็นการปรับแต่งมาจากต้นแบบรุ่น ConceptFascination ที่เปิดตัวในปารีส มอเตอร์โชว์ 2008 ขณะที่ด้านท้ายได้รับการออกแบบได้อย่างสวยและสปอร์ตปราดเปรียวในทุกมุมมอง โดยมีความเพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cd เพียง 0.24 และมั่นใจได้เลยว่านี่คือรถสปอร์ตที่ใช้พื้นฐานเดียวกับอี-คลาสอย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับทางเลือกของเครื่องยนต์ เริ่มกับรุ่นเบนซิน E 250 CGI BlueEFFICIENCY เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบแบบไดเร็กต์อินเจ็กชันบล็อกใหม่ มีกำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 31.6 กก.-ม. ที่ 2,000-4,300 รอบต่อนาที ตามด้วย E 350 CGI BlueEFFICIENCY แบบวี6 3,500 ซีซี มีกำลังสูงสุด 292 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 37.2 กก.-ม. ที่ 3,000-5,100 รอบ/นาที และ E500 เครื่องยนต์วี8 5,500 ซีซี ที่มีกำลังสูงสุด 388 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 54.0 กก.-ม. ที่ 2,800-4,000 รอบ/นาที
อีก 2 รุ่นเป็นเทอร์โบดีเซล E 250 CDI BlueEFFICIENCY ขุมพลังเทอร์โบดีเซล 4 สูบ 2,100 ซีซี เทอร์โบคู่ ที่ใช้ระบบคอมมอนเรลรุ่นใหม่ล่าสุดมีกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 50.9 กก.-ม. ที่ 1,600-1,800 รอบต่อนาที และ E 350 CDI BlueEFFICIENCY มีกำลังสูงสุด 231 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 55.0 กก.-ม. ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที โดยทุกเครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะในการถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หลัง
อัดแน่นด้วยความล้ำสมัยที่ยกชุดมาจากเอส-คลาส โดยมีทั้งระบบฝากระโปรงหน้าแบบ Active-Bonnet ซึ่งสามารถยกตัวขึ้นเมื่อชนคนเดินถนน เพื่อป้องกันไม่ให้ศีรษะชนเข้ากับชิ้นส่วนแข็งๆ ของเครื่องยนต์ ตามด้วยระบบ Pre-Safety เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ระบบช่วงล่างแบบปรับระดับได้ หรือ Agility Control หรือของใหม่ล่าสุดอย่าง Attention Assist ในการช่วยเพิ่มความตื่นตัวในการขับขณะที่อยู่บนไฮเวย์ เพื่อป้องกันอาการหลับใน
ขณะที่เวอร์ชัน AMG ของแท้ยังไม่มีออกมาวางขาย เมอร์เซเดส-เบนซ์เอาใจคนรักความสปอร์ต ด้วยชุดแต่งของ AMG Package ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามของรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน พร้อมล้อแม็กขนาด 18 นิ้วประกบยางขนาด 235/40R18 ที่ด้านหน้า และ 255/35R18 ที่ด้านหลัง
การเปิดตัวจะมีขึ้นครั้งแรกในเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2009 ระหว่างวันที่ 5-15 มีนาคมที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยราคาถูกเคาะออกมาแล้วที่ 44,684-66,045 ยูโร หรือ 2.01-2.97 ล้านบาท และจะเริ่มทำตลาดในเดือนพฤษภาคมนี้