ข่าวต่างประเทศ - เกือบ 1 ปีหลังจากประกาศแผนร่วมกันผลิตและพัฒนารถยนต์ ดูเหมือนว่าโปรเจ็กต์การทำงานร่วมกันระหว่างนิสสันกับไครสเลอร์จะไปไม่รอดแล้ว เมื่อทั้งคู่ประกาศขอชะลอการทำงานเอาไว้ก่อน และขอทบทวนถึงความเป็นไปได้ในการผลักดันให้โครงการนี้เดินหน้าอีกครั้งหนึ่ง
จากการเปิดเผยของสำนักข่าวเอพีโดยอ้างแถลงการณ์ของนิสสันระบุว่า การชะลอการตัดสินใจในโปรเจฌกต์นี้เป็นการตัดสินใจร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย ด้วยเหตุผลในเรื่องของภาพรวมเศรษฐกิจ และปัญหาที่เกิดขึ้นกับทั้ง 2 บริษัทซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วน
"จากสาเหตุในเรื่องของเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทั้งนิสสันและไครสเลอร์จำเป็นที่จะต้องทบทวนถึงความเป็นไปได้ในการทำงานร่วมกันอีกครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องของความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะมีส่วนช่วยผลักดันให้โครงการนี้เดินหน้าต่อไป" โฆษกของนิสสันแถลง
ทางด้านไครสเลอร์เองยืนยันว่า จำเป็นที่จะต้องยุติบทบาทความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายลงชั่วคราวหลังจากที่แนวโน้มของผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2009 ดูแล้วไม่น่าจะสดใสเท่าไรนัก โดยยืนยันว่า การหยุดโครงการนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอภิมหาโปรเจ็กต์ของไครสเลอร์ในการจับมือกับทางเฟียตแต่อย่างใด แม้ว่าก่อนหน้านี้มีข่าวลือหนาหูว่า โครงการที่ร่วมมือกับทางนิสสันโดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กเป็นสิ่งที่กลายเป็นเรื่องซ้ำซ้อนเกินไป หากว่าทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเปิดไฟเขียวให้ไครสเลอร์สามารถจับมือกับ เฟียตได้สำเร็จ
ข้อตกลงระหว่างไครสเลอร์กับนิสสันเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2008 และไม่มีการเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เพียงแต่เป็นข้อตกลงร่วมกันที่นิสสันจะขอให้ทางไครสเลอร์ช่วยเหลือในการพัฒนาและผลิตปิกอัพขนาดฟูลล์-ไซส์อย่างรุ่นไตตันสำหรับขายในสหรัฐอเมริกา โดยแชร์พื้นฐานร่วมกับดอดจ์ แรมของทางค่ายไครสเลอร์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่นิสสันพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กให้กับไครสเลอร์
นอกจากนั้นนิสสันยังกล่าวว่า แม้ว่าจะมีการประกาศยุติความร่วมมือในครั้งนี้ ก็ไม่มีผลต่อการส่งนิสสัน ทีด้า หรือเวอร์ซ่าให้กับทางไครสเลอร์ เพื่อนำไปตีตราใหม่เพื่อขายในตลาดอเมริกาใต้ โดยใช้แบรนด์ดอดจ์ โดยโปรเจ็กต์นี้ยังเดินหน้าต่อไป
นิสสันประกาศว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2008 บริษัทประสบปัญหาขาดทุนถึง 81 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 2,835 ล้านบาท พร้อมกับประกาศเตรียมลดคนงานครั้งใหญ่ โดยจะปลดคนงานมากกว่า 20,000 คนจากฐานการผลิตทั่วโลก และจะมีการลดกำลังการผลิตต่อปีลง 20% เมื่อเปรียบเทียบกับกำลังการผลิตของปี 2008
จากการเปิดเผยของสำนักข่าวเอพีโดยอ้างแถลงการณ์ของนิสสันระบุว่า การชะลอการตัดสินใจในโปรเจฌกต์นี้เป็นการตัดสินใจร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย ด้วยเหตุผลในเรื่องของภาพรวมเศรษฐกิจ และปัญหาที่เกิดขึ้นกับทั้ง 2 บริษัทซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วน
"จากสาเหตุในเรื่องของเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทั้งนิสสันและไครสเลอร์จำเป็นที่จะต้องทบทวนถึงความเป็นไปได้ในการทำงานร่วมกันอีกครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องของความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะมีส่วนช่วยผลักดันให้โครงการนี้เดินหน้าต่อไป" โฆษกของนิสสันแถลง
ทางด้านไครสเลอร์เองยืนยันว่า จำเป็นที่จะต้องยุติบทบาทความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายลงชั่วคราวหลังจากที่แนวโน้มของผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2009 ดูแล้วไม่น่าจะสดใสเท่าไรนัก โดยยืนยันว่า การหยุดโครงการนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอภิมหาโปรเจ็กต์ของไครสเลอร์ในการจับมือกับทางเฟียตแต่อย่างใด แม้ว่าก่อนหน้านี้มีข่าวลือหนาหูว่า โครงการที่ร่วมมือกับทางนิสสันโดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กเป็นสิ่งที่กลายเป็นเรื่องซ้ำซ้อนเกินไป หากว่าทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเปิดไฟเขียวให้ไครสเลอร์สามารถจับมือกับ เฟียตได้สำเร็จ
ข้อตกลงระหว่างไครสเลอร์กับนิสสันเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2008 และไม่มีการเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เพียงแต่เป็นข้อตกลงร่วมกันที่นิสสันจะขอให้ทางไครสเลอร์ช่วยเหลือในการพัฒนาและผลิตปิกอัพขนาดฟูลล์-ไซส์อย่างรุ่นไตตันสำหรับขายในสหรัฐอเมริกา โดยแชร์พื้นฐานร่วมกับดอดจ์ แรมของทางค่ายไครสเลอร์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่นิสสันพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กให้กับไครสเลอร์
นอกจากนั้นนิสสันยังกล่าวว่า แม้ว่าจะมีการประกาศยุติความร่วมมือในครั้งนี้ ก็ไม่มีผลต่อการส่งนิสสัน ทีด้า หรือเวอร์ซ่าให้กับทางไครสเลอร์ เพื่อนำไปตีตราใหม่เพื่อขายในตลาดอเมริกาใต้ โดยใช้แบรนด์ดอดจ์ โดยโปรเจ็กต์นี้ยังเดินหน้าต่อไป
นิสสันประกาศว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2008 บริษัทประสบปัญหาขาดทุนถึง 81 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 2,835 ล้านบาท พร้อมกับประกาศเตรียมลดคนงานครั้งใหญ่ โดยจะปลดคนงานมากกว่า 20,000 คนจากฐานการผลิตทั่วโลก และจะมีการลดกำลังการผลิตต่อปีลง 20% เมื่อเปรียบเทียบกับกำลังการผลิตของปี 2008