ของขวัญปีใหม่ของพวกรถตระกูลซีเอ็นจี ในช่วงที่ผ่านมา คงเป็นเรื่องการตรึงราคาขายก๊าซของรัฐบาล (แม้ปตท.อยากขึ้นราคาใจจะขาด) บวกกับการทยอยปรับราคาน้ำมันให้เข้าสู่ความเป็นจริง โดยยกเลิกลดหย่อนภาษีสรรพสามิตตามนโยบายรัฐบาลชุดก่อน และการหักเงินสนับสนุนเข้ากองทุนน้ำมัน ตามรูปแบบและระยะเวลาที่วางแผนไว้
เมื่อน้ำมันแพงขึ้น ราคาก๊าซนิ่ง นับว่ามีผลด้านจิตวิทยาพอสมควร กับธุรกิจขนส่งและพวกใช้รถยนต์ส่วนตัว ที่เริ่มเห็นส่วนต่างพร้อมการการคำนวณต้นทุนได้ชัดเจน ขณะเดียวกันพวกค่ายรถยนต์ ที่เสริมอาวุธด้วยยนตรกรรมซีเอ็นจีรุ่นต่างๆ ก็สามารถดึงจุดขายด้านความประหยัดมาใช้ได้เต็มปากเต็มคำอีกครั้ง เช่นเดียวกับ “ทาทา” ที่เปิดตัวปิกอัพ ซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี ช่วงปลายปีที่แล้ว
ค่ายรถจากอินเดีย ถือเป็นเจ้าแรกที่กล้าเปิดตลาดปิกอัพใช้ก๊าซธรรมชาติอัด100% (Dedicated CNG) ซึ่งต่างจากเชฟโรเลต โคโรลาโด ที่เป็นแบบผสม“ดูอัลฟิว”(Dual fuel) จ่ายก๊าซกับน้ำมันดีเซลในสัดส่วน 65/35 ทั้งนี้ ทาทายังคุยว่าใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปีในการวิจัยและพัฒนา ซีนอน ซีเอ็นจี ให้เหมาะกับสภาพการใช้งาน รวมถึงคุณภาพก๊าซหลายมาตรฐานของประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็นการหาจุดลงตัวให้กับอีซียู 16 บิต ของ Bosch สมองกลที่สามารถตรวจจับก๊าซที่ค่ามีเทนต่างกัน(ตามแต่ละสถานีบริการ) และประมวลผลให้ก๊าซผสมกับอากาศในอัตราเหมาะสม พร้อมสั่งงานให้ฉีดจ่ายเข้าไปในห้องเผาไหม้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อการจุดระเบิดอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับระบบซีเอ็นจี ก็ใช้ของดีทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นท่อนำก๊าซ Sandvik ของเยอรมัน ข้อต่อคุณภาพจาก Swagelok สหรัฐอเมริกา วาล์วนิรภัย OMB จากอิตาลี ส่วนถังบรรจุก๊าซ 2 ใบ ขนาด 60 และ 40 ลิตรน้ำ (รวม2 ถังเติมซีเอ็นจีได้ 20 กิโลกรัมก๊าซ)ถูกวางระหว่างแชสซีส์ ใต้กระบะท้าย เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่บรรทุก และส่งผลถึงการถ่ายเทน้ำหนักของรถอย่างมีเสถียรภาพ
สำหรับเครื่องยนต์ ซีเอ็นจีทั้งระบบ ขนาด 2.1 ลิตร ที่ออกแบบมารองรับการจุดระเบิดด้วยก๊าซซีเอ็นจีโดยเฉพาะ แต่กระนั้นยังอ้างอิงพื้นฐานความอึดมาจากเครื่องยนต์ดีเซล อย่างพวงเสื้อสูบหรือระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเร็กอินเจกชัน ทั้งยังออกแบบให้วาล์วไอดี ไอเสียทนความร้อนเป็นพิเศษ โดยให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตร มาที่ 3,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และปรับอัตราทดเฟืองท้ายไว้ 5.98 ซึ่งจัดพอสมควร
แน่นอนว่าอัตราทดเฟืองท้ายจี๊ดๆแบบนี้ ทางวิศวกรคงหวังถึงกำลังชุดลาก เพื่อรองรับการใช้งานบรรทุก แต่นั้นก็ทำให้ ซีนอน ซีเอ็นจี เป็นปิกอัพรอบสูงทันที โดยความเร็วแค่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่เกียร์สูงสุด รอบก็ทะลุไป 3800 แล้ว หรือถ้าขับสัก 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็เจอกันโน้นครับ 4200 รอบ
ที่สำคัญอัตราเร่งยังมาช้าพอสมควร ทั้งช่วงเกียร์ 2-3-4 การกดคันเร่งลงไป ดูเหมือนจะได้การตอบรับจากเสียงเครื่องยนต์มากกว่า การพุ่งทะยานตามหวัง และอย่างที่บอกในย่านความเร็วปลาย ที่แม้จะอยู่เกียร์ 5 แล้ว ผมยังนึกว่ามันน่าจะมีอีกเกียร์ด้วยซ้ำ เพราะรอบเครื่องที่สูง และรถยังดูตื้อๆ หนืดๆ พอสมควร
การเก็บเสียงในห้องโดยสารยังไม่เนียนเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับปิกอัพยี่ห้ออื่นๆในท้องตลาด และถ้าคุณคิดจะกลบเสียงด้วย วิทยุ-เทป(ยังไม่ต้องพูดถึงซีดี) เจ้า ซีนอน ซีเอ็นจี ก็ไม่ได้ติดตั้งความสุนทรีย์ดังกล่าวมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ด้านความเร็วสูงสุดเหยียบได้ไม่เกิน 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เรียกว่าพอถึง 140 ปลายๆ และรอบดีดประมาณ 5200-5300 อีซียูจะสั่งตัดการทำงานทันที ซึ่งตรงนี้ก็นับเป็นผลดีครับ เพราะรถปิกอัพเพื่อการบรรทุกจริงไม่น่าขับระห้ำถึงขนาดนี้ ที่สำคัญพวกเถ้าแก่อาเฮีย น่าจะสบายใจกับการป้องปราบลูกน้องตีนระเบิดได้ระดับหนึ่ง
สำหรับระบบพวงมาลัย ที่แม้จะเป็นแบบลูกปืนหมุนวน ซึ่งผมมองว่าไม่ได้เสียหายอะไร เพราะยังบังคับควบคุมได้พอดิบพอตามสไตล์ปิกอัพ(ถ้าขับความเร็วไม่สูงมาก) ส่วนระบบรองรับที่ หน้าเป็นแบบปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นแหนบแผ่นซ้อนนั้น ออกแนวกระเด้งกระดอน สะท้อนความรู้สึกจากพื้นถนนส่งกลับมาในห้องโดยสารแบบ ไร้ความประนีประนอม และจากการเป็นรถยกสูงทำให้ตัวถัง ยังมีอาการโคลงเล็กน้อยยามเปลี่ยนเลน หรือการเข้าโค้งยาวๆด้วยความเร็วสัก 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มือคงต้องกำพวงมาลัยให้กระฉับเข้าไว้เพื่อความมั่นใจ (กรณีนี้กระบะท้ายเปล่า)
อีกจุดหนึ่งที่ตะขิดใจ และส่วนตัวคิดว่าต้องปรับปรุงด่วนคือ ตรงแป้นคลัทซ์ ไม่มีที่วาง(พัก)เท้าซ้าย ขณะเดียวกันยังมีกล่องอะไรสักอย่าง ปูดยื่นออกมาแกะกะเท้าพอสมควร ส่งผลให้เท้าซ้ายของคุณเมื่อไม่ได้เหยียบคลัทซ์ มันจะถูกบังคับให้วางผิดลักษณะ ยิ่งคนเท้าซ้ายใหญ่กว่าเท้าขวา จะพบความลำบากแน่นอน
อย่างไรก็ตามเมื่อถามปัญหานี้ไปยัง ทาทา มอเตอร์ส ก็ได้รับคำตอบว่าไอ้กล่องที่ยื่นมานั้น เรียกว่า “บอดี้ คอนโทรล ยูนิต” เป็นกล่องบรรจุเซ็นเซอร์ควบคุมพวก ระบบไฟส่องสว่างภายในรถ(ค่อยๆหรี่แบบบีเอ็มดับเบิลยู) เสียงเตือนการรัดเข็มขัด กระจกไฟฟ้า และระบบกันขโมย เป็นต้น ซึ่งปัญหาการวางตำแหน่งดังกล่าวทางผู้บริหารยืนยันว่า สามารถแก้ไขได้และจะปรับปรุงโดยเร็วที่สุด
มาถึงอัตราการบริโภคก๊าซของ ซีนอน ซีเอ็นจี หลังจากทดสอบโดยวิ่งระยะทางยาวๆ ต่างจังหวัด และไร้ซึ่งการบรรทุก จะทำได้ประมาณ 10-11 กิโลเมตรต่อกิโลกรัมก๊าซ ดังนั้นถ้าคิดจากพื้นฐานราคา ซีเอ็นจีที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท(กุมภาพันธ์ 2552) ต้นทุนการวิ่งจะอยู่ราว 0.85-0.77 บาทต่อกิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งนับว่าถูกมาก
จากตัวเลขการบริโภคเชื้อเพลิงดั้งกล่าว ถ้าเติมเต็ม(2)ถัง น่าจะวิ่งได้ระยะ 200-220 กิโลเมตร ดังนั้นผู้ประกอบการหรือใครอยากซื้อไปใช้คงต้องสำรวจสถานีบริการในพื้นที่ หรือระยะทางวิ่งให้ละเอียดก่อน (อย่าเพิ่งไปหวังกับการเสกปั๊มมากมายของ ปตท.) ส่วนเรื่องระยะเวลาการเติม(ถ้าไม่นับการต่อคิว) ใช้เวลาเพียง 2-3 นาที เท่านั้น และต้องขอบคุณการออกแบบรถจากโรงงานผลิต ที่ให้หัวรับเติมอยู่บริเวณฝาถังน้ำมัน พร้อมหน้าปัดบอกแรงดัน จึงทำให้รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ซีนอน ซีเอ็นจี ถือเป็นอาวุธใหม่ที่ ทาทา ตั้งใจส่งเข้าประกวดตาม กลุ่มโลจิสติกส์ หรือการขายล็อตใหญ่(Fleet) ให้กับบริษัทใช้รถเพื่อการขนส่ง รวมถึงพวกรถสองแถวที่มีเส้นทางวิ่งแน่นอน พร้อมตั้งราคาขายไว้ 5.19 แสนบาท
รวบรัดตัดความ...ซื้อใช้ในกิจการ(ให้ลูกน้องขับ) วิ่งงานทำเงิน สร้างผลกำไร ลดต้นทุนต่อหน่วยการวิ่ง พร้อมกับมีเส้นทางประจำ คำนวณระยะทางและปั๊มเติมก๊าซได้แน่นอน ซึ่งถ้าใครคิดกับ“ซีนอน ซีเอ็นจี”มากไปกว่านี้ ก็หาตัวเลือกอื่นครับ
เมื่อน้ำมันแพงขึ้น ราคาก๊าซนิ่ง นับว่ามีผลด้านจิตวิทยาพอสมควร กับธุรกิจขนส่งและพวกใช้รถยนต์ส่วนตัว ที่เริ่มเห็นส่วนต่างพร้อมการการคำนวณต้นทุนได้ชัดเจน ขณะเดียวกันพวกค่ายรถยนต์ ที่เสริมอาวุธด้วยยนตรกรรมซีเอ็นจีรุ่นต่างๆ ก็สามารถดึงจุดขายด้านความประหยัดมาใช้ได้เต็มปากเต็มคำอีกครั้ง เช่นเดียวกับ “ทาทา” ที่เปิดตัวปิกอัพ ซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี ช่วงปลายปีที่แล้ว
ค่ายรถจากอินเดีย ถือเป็นเจ้าแรกที่กล้าเปิดตลาดปิกอัพใช้ก๊าซธรรมชาติอัด100% (Dedicated CNG) ซึ่งต่างจากเชฟโรเลต โคโรลาโด ที่เป็นแบบผสม“ดูอัลฟิว”(Dual fuel) จ่ายก๊าซกับน้ำมันดีเซลในสัดส่วน 65/35 ทั้งนี้ ทาทายังคุยว่าใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปีในการวิจัยและพัฒนา ซีนอน ซีเอ็นจี ให้เหมาะกับสภาพการใช้งาน รวมถึงคุณภาพก๊าซหลายมาตรฐานของประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็นการหาจุดลงตัวให้กับอีซียู 16 บิต ของ Bosch สมองกลที่สามารถตรวจจับก๊าซที่ค่ามีเทนต่างกัน(ตามแต่ละสถานีบริการ) และประมวลผลให้ก๊าซผสมกับอากาศในอัตราเหมาะสม พร้อมสั่งงานให้ฉีดจ่ายเข้าไปในห้องเผาไหม้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อการจุดระเบิดอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับระบบซีเอ็นจี ก็ใช้ของดีทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นท่อนำก๊าซ Sandvik ของเยอรมัน ข้อต่อคุณภาพจาก Swagelok สหรัฐอเมริกา วาล์วนิรภัย OMB จากอิตาลี ส่วนถังบรรจุก๊าซ 2 ใบ ขนาด 60 และ 40 ลิตรน้ำ (รวม2 ถังเติมซีเอ็นจีได้ 20 กิโลกรัมก๊าซ)ถูกวางระหว่างแชสซีส์ ใต้กระบะท้าย เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่บรรทุก และส่งผลถึงการถ่ายเทน้ำหนักของรถอย่างมีเสถียรภาพ
สำหรับเครื่องยนต์ ซีเอ็นจีทั้งระบบ ขนาด 2.1 ลิตร ที่ออกแบบมารองรับการจุดระเบิดด้วยก๊าซซีเอ็นจีโดยเฉพาะ แต่กระนั้นยังอ้างอิงพื้นฐานความอึดมาจากเครื่องยนต์ดีเซล อย่างพวงเสื้อสูบหรือระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเร็กอินเจกชัน ทั้งยังออกแบบให้วาล์วไอดี ไอเสียทนความร้อนเป็นพิเศษ โดยให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตร มาที่ 3,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และปรับอัตราทดเฟืองท้ายไว้ 5.98 ซึ่งจัดพอสมควร
แน่นอนว่าอัตราทดเฟืองท้ายจี๊ดๆแบบนี้ ทางวิศวกรคงหวังถึงกำลังชุดลาก เพื่อรองรับการใช้งานบรรทุก แต่นั้นก็ทำให้ ซีนอน ซีเอ็นจี เป็นปิกอัพรอบสูงทันที โดยความเร็วแค่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่เกียร์สูงสุด รอบก็ทะลุไป 3800 แล้ว หรือถ้าขับสัก 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็เจอกันโน้นครับ 4200 รอบ
ที่สำคัญอัตราเร่งยังมาช้าพอสมควร ทั้งช่วงเกียร์ 2-3-4 การกดคันเร่งลงไป ดูเหมือนจะได้การตอบรับจากเสียงเครื่องยนต์มากกว่า การพุ่งทะยานตามหวัง และอย่างที่บอกในย่านความเร็วปลาย ที่แม้จะอยู่เกียร์ 5 แล้ว ผมยังนึกว่ามันน่าจะมีอีกเกียร์ด้วยซ้ำ เพราะรอบเครื่องที่สูง และรถยังดูตื้อๆ หนืดๆ พอสมควร
การเก็บเสียงในห้องโดยสารยังไม่เนียนเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับปิกอัพยี่ห้ออื่นๆในท้องตลาด และถ้าคุณคิดจะกลบเสียงด้วย วิทยุ-เทป(ยังไม่ต้องพูดถึงซีดี) เจ้า ซีนอน ซีเอ็นจี ก็ไม่ได้ติดตั้งความสุนทรีย์ดังกล่าวมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ด้านความเร็วสูงสุดเหยียบได้ไม่เกิน 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เรียกว่าพอถึง 140 ปลายๆ และรอบดีดประมาณ 5200-5300 อีซียูจะสั่งตัดการทำงานทันที ซึ่งตรงนี้ก็นับเป็นผลดีครับ เพราะรถปิกอัพเพื่อการบรรทุกจริงไม่น่าขับระห้ำถึงขนาดนี้ ที่สำคัญพวกเถ้าแก่อาเฮีย น่าจะสบายใจกับการป้องปราบลูกน้องตีนระเบิดได้ระดับหนึ่ง
สำหรับระบบพวงมาลัย ที่แม้จะเป็นแบบลูกปืนหมุนวน ซึ่งผมมองว่าไม่ได้เสียหายอะไร เพราะยังบังคับควบคุมได้พอดิบพอตามสไตล์ปิกอัพ(ถ้าขับความเร็วไม่สูงมาก) ส่วนระบบรองรับที่ หน้าเป็นแบบปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นแหนบแผ่นซ้อนนั้น ออกแนวกระเด้งกระดอน สะท้อนความรู้สึกจากพื้นถนนส่งกลับมาในห้องโดยสารแบบ ไร้ความประนีประนอม และจากการเป็นรถยกสูงทำให้ตัวถัง ยังมีอาการโคลงเล็กน้อยยามเปลี่ยนเลน หรือการเข้าโค้งยาวๆด้วยความเร็วสัก 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มือคงต้องกำพวงมาลัยให้กระฉับเข้าไว้เพื่อความมั่นใจ (กรณีนี้กระบะท้ายเปล่า)
อีกจุดหนึ่งที่ตะขิดใจ และส่วนตัวคิดว่าต้องปรับปรุงด่วนคือ ตรงแป้นคลัทซ์ ไม่มีที่วาง(พัก)เท้าซ้าย ขณะเดียวกันยังมีกล่องอะไรสักอย่าง ปูดยื่นออกมาแกะกะเท้าพอสมควร ส่งผลให้เท้าซ้ายของคุณเมื่อไม่ได้เหยียบคลัทซ์ มันจะถูกบังคับให้วางผิดลักษณะ ยิ่งคนเท้าซ้ายใหญ่กว่าเท้าขวา จะพบความลำบากแน่นอน
อย่างไรก็ตามเมื่อถามปัญหานี้ไปยัง ทาทา มอเตอร์ส ก็ได้รับคำตอบว่าไอ้กล่องที่ยื่นมานั้น เรียกว่า “บอดี้ คอนโทรล ยูนิต” เป็นกล่องบรรจุเซ็นเซอร์ควบคุมพวก ระบบไฟส่องสว่างภายในรถ(ค่อยๆหรี่แบบบีเอ็มดับเบิลยู) เสียงเตือนการรัดเข็มขัด กระจกไฟฟ้า และระบบกันขโมย เป็นต้น ซึ่งปัญหาการวางตำแหน่งดังกล่าวทางผู้บริหารยืนยันว่า สามารถแก้ไขได้และจะปรับปรุงโดยเร็วที่สุด
มาถึงอัตราการบริโภคก๊าซของ ซีนอน ซีเอ็นจี หลังจากทดสอบโดยวิ่งระยะทางยาวๆ ต่างจังหวัด และไร้ซึ่งการบรรทุก จะทำได้ประมาณ 10-11 กิโลเมตรต่อกิโลกรัมก๊าซ ดังนั้นถ้าคิดจากพื้นฐานราคา ซีเอ็นจีที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท(กุมภาพันธ์ 2552) ต้นทุนการวิ่งจะอยู่ราว 0.85-0.77 บาทต่อกิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งนับว่าถูกมาก
จากตัวเลขการบริโภคเชื้อเพลิงดั้งกล่าว ถ้าเติมเต็ม(2)ถัง น่าจะวิ่งได้ระยะ 200-220 กิโลเมตร ดังนั้นผู้ประกอบการหรือใครอยากซื้อไปใช้คงต้องสำรวจสถานีบริการในพื้นที่ หรือระยะทางวิ่งให้ละเอียดก่อน (อย่าเพิ่งไปหวังกับการเสกปั๊มมากมายของ ปตท.) ส่วนเรื่องระยะเวลาการเติม(ถ้าไม่นับการต่อคิว) ใช้เวลาเพียง 2-3 นาที เท่านั้น และต้องขอบคุณการออกแบบรถจากโรงงานผลิต ที่ให้หัวรับเติมอยู่บริเวณฝาถังน้ำมัน พร้อมหน้าปัดบอกแรงดัน จึงทำให้รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ซีนอน ซีเอ็นจี ถือเป็นอาวุธใหม่ที่ ทาทา ตั้งใจส่งเข้าประกวดตาม กลุ่มโลจิสติกส์ หรือการขายล็อตใหญ่(Fleet) ให้กับบริษัทใช้รถเพื่อการขนส่ง รวมถึงพวกรถสองแถวที่มีเส้นทางวิ่งแน่นอน พร้อมตั้งราคาขายไว้ 5.19 แสนบาท
รวบรัดตัดความ...ซื้อใช้ในกิจการ(ให้ลูกน้องขับ) วิ่งงานทำเงิน สร้างผลกำไร ลดต้นทุนต่อหน่วยการวิ่ง พร้อมกับมีเส้นทางประจำ คำนวณระยะทางและปั๊มเติมก๊าซได้แน่นอน ซึ่งถ้าใครคิดกับ“ซีนอน ซีเอ็นจี”มากไปกว่านี้ ก็หาตัวเลือกอื่นครับ