จริงอยู่ที่ โตโยต้า คัมรี่ เวอร์ชันอเมริกาเหนือและบ้านเราจะเป็นคันเดียวกันในเรื่องของโครงสร้างตัวถังหลักและรายละเอียดทางวิศวกรรม แต่ทว่าในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อยสำหรับรูปลักษณ์ภายนอก โดยเฉพาะด้านหลัง และภายในยังแตกต่างกันอย่างชัดเจน
และในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2009 ซึ่งเริ่มรอบสื่อมวลชนในวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา โตโยต้าจัดการเผยโฉมรุ่นปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์ของคัมรี่ ยูเอส สเปกออกมาแล้ว เพื่อบอกให้ลูกค้าทั่วโลกทราบว่า ในตอนนี้ มหกรรมปรับโฉมของรถยนต์ครอบครัวในกลุ่ม D-Segment รุ่นนี้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
คัมรี่รุ่นนี้เปิดตัวสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2007 และถือเป็นเจนเนอเรชันที่ 7 ของสายพันธุ์คัมรี่ โดยในเมืองลุงแซมนอกจากรุ่นธรรมดาแล้วยังมีเวอร์ชันไฮบริดตามออกมาขายด้วย ก่อนที่ช่วงปลายปี 2008 ที่ผ่านมาโตโยต้าจะประกาศนำคัมรี่ ไฮบริดเข้ามาตั้งไลน์ผลิตในบ้านเราด้วย ส่วนญี่ปุ่น โตโยต้ายังส่งคัมรี่ไปแปะโลโก้ของบริษัทในเครืออย่างไดฮัทสุเพื่อทำตลาดชื่ออัลติส (Altis ชื่อเดียวกับโคโรลล่า อัลติสในบ้านเรา) อีกด้วย
สำหรับความเปลี่บนแปลงสัมผัสได้กับความแตกต่างของกันชนหน้าซึ่งได้รับการออกแบบให้สปอร์ตขึ้น ขณะที่กระจังหน้าแม้จะดูแล้วเหมือนกับไม่เปลี่ยน แต่ความจริงแล้วมีความเปลี่ยนแปลงเรื่องของซี่กระจังแนวนอน ที่มีการโค้งลงไปตามโลโก้สามห่วงของโตโยต้า ส่วนไฟหน้าทรงเดิมก็จริง แต่ก็เปลี่ยนแถบไฟเลี้ยวด้านข้างให้มีขนาดเล็กลงจากรุ่นเดิม ส่วนไฟท้ายยังเป็นทรงเดิมก็จริง แต่ก็ย้ายตำแหน่งของแถบไฟเลี้ยวขาวจากเดิมที่วางอยู่ด้านบน ลงมาอยู่ด้านล่าง
ภายในห้องโดยสารคาดว่าไม่มีความเปลี่ยนแปลงมาก เพราะตอนนี้ทางโตโยต้ายังไม่เผยออกมา นอกจากชุดมาตรวัดของรุ่นไฮบริด ซึ่งยังเหมือนกับรุ่นเดิม โดยรุ่นไฮบริดจะแตกต่างจากคัมรี่รุ่นปกติตรงที่มาตรวัดรอบ โดยรุ่นปกติแล้วเข็มจะกวาดขึ้นลักษณะตามเข็มนาฬิกาแบบล่างขึ้นบน แต่สำหรับรุ่นใหม่จะกวาดในแบบทวนเข็มนาฬิกา จากบนลงล่าง และตัวเลขในการแสดงรอบเครื่องยนต์จะไม่ละเอียดมากแค่ 20, 40 และ 60 X 100 รอบต่อนาที ไม่ใช่ 1,000 รอบต่อนาทีเหมือนรุ่นปกติ
อีกจุดของความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ เครื่องยนต์รุ่น 4 สูบ ซึ่งโตโยต้าขยับแนวรุกขึ้นตามคู่แข่งอย่างมาสด้า 6 หรืออาเทนซ่า ซึ่งหันมาขยับความจุเป็น 2,500 ซีซี โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ไม่ใช่การยืดช่วงชักหรือขยายกระบอกสูบ แต่เป็นการเปลี่ยนจากรหัส 2AZ-FE แบบ 2,400 ซีซีมาเป็นรหัส AR ซึ่งวางอยู่ในเอสยูวีรุ่นราฟโฟร์, ไฮแลนเดอร์ และเวนซ่าที่ขายอยู่อเมริกาเหนือ โดยเปิดตัวครั้งแรกในราฟโฟร์ ไมเนอร์เชนจ์ ปลายปี 2008
เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นรหัส 2AR-FE (ส่วน 1AR-FE มีความจุ 2,700 ซีซี) มาแทนที่รหัส AZ เป็นแบบทวินแคม พร้อมระบบวาล์วแปรผันแบบ 2 ฝั่ง หรือ Dual VVT-I ทั้งไอดีและไอเสีย มีความจุกระบอกสูบ 2,494 ซีซีในพิกัด 2,500 ซีซี
รุ่น LE และ XLE มีกำลังสูงสุด 169 แรงม้า ส่วนรุ่น SE ได้รับการปรับแต่งเพิ่มความแรงอีกนิด เป็น 179 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ธรรมดา หรืออัตโนมัติ 6 จังหวะ ส่วนรุ่นวี6 3,500 ซีซียังมีเรี่ยวแรง 268 แรงม้าเท่าเดิม ขณะที่รุ่นไฮบริดยังไม่มีเปิดเผยรายละเอียดออกมา
ในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มวางขายไมเนอร์เชนจ์ของคัมรี่เดือนมีนาคมนี้ ส่วนบ้านเราน่าจะเปิดตัวอีกไม่นานหลังจากนั้น เพียงแต่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหนต้องติดตาม โดยเฉพาะเรื่องของเครื่องยนต์ว่าจะเดิมตามเวอร์ชันอเมริกัน หรือว่าจะหยุดอยู่ที่ 2,400 ซีซีเหมือนเดิม
และในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2009 ซึ่งเริ่มรอบสื่อมวลชนในวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา โตโยต้าจัดการเผยโฉมรุ่นปรับโฉม หรือไมเนอร์เชนจ์ของคัมรี่ ยูเอส สเปกออกมาแล้ว เพื่อบอกให้ลูกค้าทั่วโลกทราบว่า ในตอนนี้ มหกรรมปรับโฉมของรถยนต์ครอบครัวในกลุ่ม D-Segment รุ่นนี้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
คัมรี่รุ่นนี้เปิดตัวสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2007 และถือเป็นเจนเนอเรชันที่ 7 ของสายพันธุ์คัมรี่ โดยในเมืองลุงแซมนอกจากรุ่นธรรมดาแล้วยังมีเวอร์ชันไฮบริดตามออกมาขายด้วย ก่อนที่ช่วงปลายปี 2008 ที่ผ่านมาโตโยต้าจะประกาศนำคัมรี่ ไฮบริดเข้ามาตั้งไลน์ผลิตในบ้านเราด้วย ส่วนญี่ปุ่น โตโยต้ายังส่งคัมรี่ไปแปะโลโก้ของบริษัทในเครืออย่างไดฮัทสุเพื่อทำตลาดชื่ออัลติส (Altis ชื่อเดียวกับโคโรลล่า อัลติสในบ้านเรา) อีกด้วย
สำหรับความเปลี่บนแปลงสัมผัสได้กับความแตกต่างของกันชนหน้าซึ่งได้รับการออกแบบให้สปอร์ตขึ้น ขณะที่กระจังหน้าแม้จะดูแล้วเหมือนกับไม่เปลี่ยน แต่ความจริงแล้วมีความเปลี่ยนแปลงเรื่องของซี่กระจังแนวนอน ที่มีการโค้งลงไปตามโลโก้สามห่วงของโตโยต้า ส่วนไฟหน้าทรงเดิมก็จริง แต่ก็เปลี่ยนแถบไฟเลี้ยวด้านข้างให้มีขนาดเล็กลงจากรุ่นเดิม ส่วนไฟท้ายยังเป็นทรงเดิมก็จริง แต่ก็ย้ายตำแหน่งของแถบไฟเลี้ยวขาวจากเดิมที่วางอยู่ด้านบน ลงมาอยู่ด้านล่าง
ภายในห้องโดยสารคาดว่าไม่มีความเปลี่ยนแปลงมาก เพราะตอนนี้ทางโตโยต้ายังไม่เผยออกมา นอกจากชุดมาตรวัดของรุ่นไฮบริด ซึ่งยังเหมือนกับรุ่นเดิม โดยรุ่นไฮบริดจะแตกต่างจากคัมรี่รุ่นปกติตรงที่มาตรวัดรอบ โดยรุ่นปกติแล้วเข็มจะกวาดขึ้นลักษณะตามเข็มนาฬิกาแบบล่างขึ้นบน แต่สำหรับรุ่นใหม่จะกวาดในแบบทวนเข็มนาฬิกา จากบนลงล่าง และตัวเลขในการแสดงรอบเครื่องยนต์จะไม่ละเอียดมากแค่ 20, 40 และ 60 X 100 รอบต่อนาที ไม่ใช่ 1,000 รอบต่อนาทีเหมือนรุ่นปกติ
อีกจุดของความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ เครื่องยนต์รุ่น 4 สูบ ซึ่งโตโยต้าขยับแนวรุกขึ้นตามคู่แข่งอย่างมาสด้า 6 หรืออาเทนซ่า ซึ่งหันมาขยับความจุเป็น 2,500 ซีซี โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ไม่ใช่การยืดช่วงชักหรือขยายกระบอกสูบ แต่เป็นการเปลี่ยนจากรหัส 2AZ-FE แบบ 2,400 ซีซีมาเป็นรหัส AR ซึ่งวางอยู่ในเอสยูวีรุ่นราฟโฟร์, ไฮแลนเดอร์ และเวนซ่าที่ขายอยู่อเมริกาเหนือ โดยเปิดตัวครั้งแรกในราฟโฟร์ ไมเนอร์เชนจ์ ปลายปี 2008
เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นรหัส 2AR-FE (ส่วน 1AR-FE มีความจุ 2,700 ซีซี) มาแทนที่รหัส AZ เป็นแบบทวินแคม พร้อมระบบวาล์วแปรผันแบบ 2 ฝั่ง หรือ Dual VVT-I ทั้งไอดีและไอเสีย มีความจุกระบอกสูบ 2,494 ซีซีในพิกัด 2,500 ซีซี
รุ่น LE และ XLE มีกำลังสูงสุด 169 แรงม้า ส่วนรุ่น SE ได้รับการปรับแต่งเพิ่มความแรงอีกนิด เป็น 179 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ธรรมดา หรืออัตโนมัติ 6 จังหวะ ส่วนรุ่นวี6 3,500 ซีซียังมีเรี่ยวแรง 268 แรงม้าเท่าเดิม ขณะที่รุ่นไฮบริดยังไม่มีเปิดเผยรายละเอียดออกมา
ในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มวางขายไมเนอร์เชนจ์ของคัมรี่เดือนมีนาคมนี้ ส่วนบ้านเราน่าจะเปิดตัวอีกไม่นานหลังจากนั้น เพียงแต่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหนต้องติดตาม โดยเฉพาะเรื่องของเครื่องยนต์ว่าจะเดิมตามเวอร์ชันอเมริกัน หรือว่าจะหยุดอยู่ที่ 2,400 ซีซีเหมือนเดิม