xs
xsm
sm
md
lg

ฮอนด้า “พรีลูด” ยุคทองของสปอร์คูเป้(1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พรีลูด” (Prelude) หนึ่งในรถรุ่นที่ถือว่าเป็นจุดกำเนิดของสร้างชื่อเสียงและตำนานความเป็นสปอร์ตให้กับรถยนต์แบรนด์ “ฮอนด้า” แม้ว่าในปัจจุบัน ฮอนด้า จะยุติสายการผลิต พรีลูด ไปแล้วเป็นเวลานานนับ 10 ปี แต่ชื่อเสียงและรูปทรง ยังคงความขลังและมีมนต์เสน่ห์ ดึงดูดใจให้ผู้คนอยากเป็นเจ้าของและเหลียงมองตามหลัง เรามาดูอดีตของรถที่ได้ชื่อว่า เป็นตำนานของรถสปอร์ตคูเป้ อันดับ 1 ของค่ายฮอนด้ากัน
ฮอนด้า พรีลูด เจนเนอเรชั่น 1 ปี 1979
เจนเนอเรชั่น 1 (ค.ศ.1978-1982)

เริ่มต้นขึ้นในปี 1978 โดยได้รับแรงบัลดาลใจมาจากรถสปอร์ตระดับตำนาน “เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอล” ถือเป็นโปรดักซ์ตัวหลักอันดับที่ 3 ต่อจาก ซีวิค และแอคคอร์ดที่ทำตลาดอยู่ในเวลานั้น สำหรับพรีลูดเจนฯ 1 รูปทรงโดยรวมเป็นแนวเดียวกับทั้งสองรุ่นที่เอ่ยมา และมีจุดเด่นอยู่ที่ หลังคาแก้ว บานใหญ่ ซึ่งสร้างความแตกต่างจากรถสปอร์ตอื่นๆ ของยุค70

พรีลูด ได้รับการบรรจุหัวใจด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1751 ซีซี SOHC CVCC 4 สูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 127 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด แต่กำลังสูงสุดจะเหลือเพียง 68 แรงม้า ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีดที่เรียกว่า ฮอนด้าเมติก (Hondamatic) ต่อมาในปี 1980 เกียร์อัตโนมัติถูกเปลี่ยนมาเป็นแบบ 3 สปีด ตามสมัยนิยม

ช่วงล่างเป็นแบบอิสระ ทั้งด้านหน้าและหลัง ส่วนสมรรถนะ มีการจับเวลาควอเตอร์ไมล์(0-402 เมตร)ของเจนเนอเรชั่นนี้โดยทีมงานของนิตยสารฉบับหนึ่งในต่างประเทศ ระบุตัวเลข 18.8 วินาที ถือว่าดีเยี่ยมในช่วงเวลานั้น

สำหรับการทำตลาดจะเคียงคู่มากับคู่แข่งอย่าง โตโยต้า เซลิก้า และนิสสัน ซิลเวีย
ฮอนด้า พรีลูด เจนเนอเรชั่น 2 ได้ชื่อว่าเป็นรถที่มีรูปทรงสมบูรณ์แบบที่สุดรุ่นหนึ่ง
เจนเนอเรชั่น 2 (ค.ศ. 1983-1987)

พรีลูด เจนฯ 2 แม้จะแชร์โครงสร้างฐานล้อกับรุ่นแอคคอร์ด แต่ภายนอกได้รับการปรับปรุงใหม่หมด รูปทรงลู่ลมมากขึ้น, ใหญ่และแรงขึ้น ดูดีกว่าเดิมในทุกด้านเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบป๊อป-อัพ ตามกระแสนิยมของรถสปอร์ตยุคนั้น ส่วนเครื่องยนต์เปลี่ยนใหม่เป็นขนาด 1.8 ลิตร 12 วาล์ว SOHC คาร์บูเรเตอร์คู่ ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า

ขณะที่ในปี 1985 เพิ่มรุ่น “เอสไอ” เป็นเครื่องแบบหัวฉีดขนาด 2.0 ลิตร DOHC 16 วาล์ว PGM-FI ภายใต้รหัส JDM B20A ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 6300 รอบ/นาที ขณะที่รหัส EDM B20A1 จะมีกำลังเพียง 137 แรงม้า นอกจากนั้นสำหรับเวอร์ชั่นทำตลาดในยุโรป ได้รับการปรับแต่งภายนอกใหม่เล็กน้อยรวมถึงการลดน้ำหนักลงเหลือ 1,025 กิโลกรัม จากน้ำหนักปกติประมาณ 1,340 กิโลกรัม)

ส่วนระบบส่งกำลังยังคงมีให้เลือก 2 ทางเช่นเดิมคือ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด โดยพรีลูดเจนเนอร์เรชั่นนี้ได้รับการยกย่องจากนักทดสอบรถของอเมริกาว่าเป็นรถที่สวยและสมบูรณ์แบบรุ่นหนึ่งของฮอนด้า
ฮอนด้า พรีลูด เจนเนอเรชั่น 3 ปี 1990 รูปทรงไม่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้ามากนักและคล้ายคลึงกับแอคคอร์ดพอสมควร
เจนเนอเรชั่น 3 (ค.ศ. 1988-1991)

พรีลูด เจนเนอเรชั่นที่ 3 ได้รับการเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อปี 1987 และทยอยเปิดตัวในภูมิภาคต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะบอกว่าเป็น โมเดล ใหม่หมดจดแต่ทว่ารูปทรงโดยรวมเมื่อดูแล้วส่วนใหญ่จะมีความคล้ายคลึงรุ่นก่อนหน้าค่อนข้างมาก ไฟหน้ายังคงเป็นแบบป๊อป-อัพเช่นเดิม แต่จุดแตกต่างที่เด่นชัดคือ การมีระบบเลี้ยว 4 ล้อ (Four-Wheel Steering หรือ 4WS) เสริมเข้ามาในบางรุ่นเป็นครั้งแรก

โครงสร้างได้รับการขยายฐานล้อให้มีขนาดเป็น 101 นิ้ว กว้างกว่าโฉมเดิม แบ่งเป็นรุ่นย่อย รหัสต่อท้าย S และ SI ระบบช่วงล่างหน้ายังคงเป็นแบบดับเบิลวิชโบน
สำหรับเครื่องยนต์ มีให้เลือกอย่างหลากหลายส่วนที่เป็นหลัก คือ รหัส B20A3 ขนาด 2.0 SOHC 12 วาล์ว คาร์บูเรเตอร์คู่ ให้กำลังสูงสุด 104 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตัน-เมตร และ รหัส B20A5 ขนาด 2.0 DOHC หัวฉีด PGM-FI ให้กำลังสูงสุด 135 แรงม้า ขณะที่ในปี 1990 เพิ่มรหัส B21A1 ขนาด 2.1 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้า ซึ่งขนาดและกำลังของแต่ละเครื่องยนต์จะไม่เท่ากันขึ้นกับประเทศที่ทำตลาด
ฮอนด้า พรีลูด รุ่นพิเศษ SI States พกพาความแรงระดับ 150 แรงม้า
โดยพรีลูด เจนเนอเรชั่นนี้ จะมีรุ่นพิเศษ SI States ผลิตจำนวนจำกัดและจำหน่ายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งจะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ทั้ง 4WS, ABS, limited slip differential, เบาะ พวงมาลัยและเกียร์หุ้มหนังแท้, เครื่องเสียงระบบพิเศษ, ที่ปัดน้ำฝนหลัง ขณะที่เครื่องยนต์เป็นรหัส B21A แต่เพิ่มกำลังเป็น 150 แรงม้า ซึ่งผลิตเฉพาะรุ่นพิเศษนี้เท่านั้น

โปรดติดตามตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น