ด้านมอเตอร์สปอร์ต แฟนๆ ของออดี้อาจจะต้องเซ็งรับปลายปี เมื่อทางค่าย 4 ห่วงประกาศที่จะถอนทีมโรงงานออกจากการแข่งขันทางเรียบชั้นนำของโลกอย่าง AMLS-American Le Mans Series เพราะปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ แต่สำหรับตลาดรถยนต์ งานนี้ไม่มีการทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวัง เมื่อออดี้จัดการเผยโฉมของเวอร์ชันเปิดประทุนของสปอร์ตสายพันธุ์ 5 โดยมาพร้อมกันทีเดียวทั้งรุ่นธรรมดาในรหัส A5 และตัวแรงจัดจ้านในแบบซูเปอร์จชาร์จกับรหัส S5
นับเป็นการขยับตัวครั้งใหม่หลังจากที่ออดี้แนะนำรถยนต์สายพันธุ์นี้ออกมาในปี 2007 ซึ่งจริงอยู่ที่แม้ว่าจะพัฒนาอยู่บนพื้นฐานเดียวกับ A4รุ่นที่ 4 ในรหัส B8 ที่เปิดตัวตามหลังในปี 2008 แต่การที่ออดี้แยกใช้รหัสใหม่ในการทำตลาดนั้นจะช่วยเรื่องของการสร้างความชัดเจนในการทำตลาดรถสปอร์ตอย่างแท้จริง เหมือนกับที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ประสบความสำเร็จกับ CLK-Class
ในรุ่นเปิดประทุนมาพร้อมกับความพิเศษด้วยชุดหลังคาผ้าใบที่ได้รับการผลิตจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบาหนาถึง 3 ชั้นเพื่อป้องกันเสียงและความร้อน อีกทั้งยังให้ความสะดวก เพราะสามารถพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้าและมีความรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียงแค่ 15 วินาทีสำหรับการกางออกหรือพับเก็บ และเวลาจะเพิ่มเป็น 17 วินาทีหากต้องกางออกในขณะที่แล่นด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง
รองรับความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยตัวรถที่เป็นแบบสปอร์ต 4 ที่นั่ง และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังแบบเหลือๆ โดยเมื่อหลังคาถูกพับเก็บลงมาจะมีความจุอยู่ที่ 320 ลิตร และเพิ่มเป็น 380 ลิตรเมื่อหลังคากางออก ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกและภายในถอดแบบมาจากรุ่น A5 คูเป้ จะต่างกันก็ตรงที่ตัวถังด้านท้ายที่จะต้องออกแบบใหม่เพื่อให้สอดคล้องสมกับเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนคันสวย
เครื่องยนต์มีให้เลือกหลายรุ่นเช่นเคย เริ่มกับเบนซิน รุ่นพื้นฐานแบบ 4 สูบ ไดเร็กต์ชันเทอร์โบ หรือ TFSi 2,000 ซีซี ที่มีให้เลือกทั้งรุ่น 180 แรงม้า และ 211 แรงม้า มีความเร็วสูงสุด 219 และ 241 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนรุ่นท็อปของเบนซินเป็นวี6 3,200 ซีซี FSi 265 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 33.6 กก.-ม. พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 6.9 วินาที และความเร็วปลาย 246 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ในกลุ่มเทอร์โบดีเซลมีเป็นแบบวี6 ที่มีให้เลือก 2 ความจุ คือ 2,700 ซีซี 190 แรงม้า และ 3,000 ซีซี 240 แรงม้า โดยมาทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ 4 ล้ออัตโนมัติแบบควอตโตร ซึ่งมีอัตราส่วนการกระจายแรงบิดสู่เพลาขับด้านหน้าและหลังในอัตราส่วน 40-60% ส่วนระบบเกียร์มีทั้งแบบธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติทั้งแบบ 7 จังหวะแบบ S-Tronic และอัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องหรือ CVT Multitronic
ถ้ายังเร้าใจไม่พอก็ต้องกันมาคบหารุ่น S5 กับเครื่องยนต์วี6 3,200 ที่ได้รับการรีดกำลังด้วยซูเปอร์ชาร์จ จนมีตัวเลขขยับขึ้นมาเป็น 333 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 44.8 กก.-ม. ขับเคลื่อน 4 ล้อ และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 5.6 วินาที และความเร็วปลายถูกล็อกเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
คนที่สนใจ ต้องรออีกสักระยะ เพราะคันจริงของทั้ง A5 และ S5 จะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าในยุโรปได้ต้องรอจนถึงเดือนมีนาคม 2009 และราคาจะอยู่ที่ 30,000-42,000 ปอนด์ หรือ 1.9-2.7 ล้านบาท