xs
xsm
sm
md
lg

เดอะพิซซ่าติดลมสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งรุกตปท.เป็นว่าเล่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เดอะพิซซ่าคอมปะนีปลื้ม สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งติดลมบน สร้างแบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างดี ส่งผลขยายธุรกิจต่างประเทศสะดวกรวดเร็ว เป้าปีหน้าลุยต่างประเทศอีก 70 แห่ง

นายอนิรุทธิ์ มหธร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เดอะพิซซ่า คอมปะนี บริษัท ไมเนอร์ ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้ามีแผนขยายสาขาต่อเนื่อง โดยทั้งปีตั้งเป้าไว้ว่าจะลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท เปิดสาขาในไทย 25 แห่ง (เป็นแฟรนไชส์ประมาณ 80%) และต่างประเทศ 45 แห่ง (ทั้งแบบลงทุนเองและขายแฟรนไชส์) โดยต่างประเทศนั้นเน้นไปที่ตลาดประเทศตะวันออกกลาง จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปัจจุบันเดอะพิซซ่าคอมปะนีมีสาขารวมทั้งสิ้น 206 สาขา แบ่งเป็นในไทยมี 177 สาขา และต่างประเทศมี 29 สาขา โดยปีที่แล้วเปิดสาขาในต่างประเทศได้เร็วกว่าแผนงาน โดยเปิดที่จีน 3 สาขาจากเดิมมี 9 สาขา และเปิดสาขาที่บาห์เรน 1 สาขา ที่จอร์แดน 1 สาขา โดยปัจจุบันเดอะพิซซ่าคอมปะนีมีสาขาในต่างประเทศรวม 29 สาขา แบ่งเป็น ดูไบ 4 สาขา, ซาอุดิอาระเบีย 4 สาขา, จีน 13 สาขา, ฟิลิปปินส์ 2 สาขา, กัมพูชา 3 สาขา, จอร์แดน 1 สาขา และ บาห์เรน 2 สาขา

ทั้งนี้แผนการขยายธุรกิจในต่างประเทศมีต่อเนื่องและประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งมาจากกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ด้วยกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตโดยเป็นผู้สนับสนุนทีมนักแข่งรถในนาม เดอะพิซซ่าคอมปะนีทีม ในรายการมอเตอร์สปอร์ตต่างๆ ส่งผลให้แบรนด์เป็นที่รู้จักของคนต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งในแต่ละปีจะใช้งบประมาณทางด้านนี้ประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งช่วง 2 ปีที่ผ่านมากลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งส่งผลดีต่อการสร้างแบรนด์ เดอะพิซซ่าคอมปะนี ให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ทำให้ธุรกิจโดยรวมขยายตัวได้เร็วขึ้น

ส่วนแผนตลาดในประเทศนั้น แม้สภาพเศรษฐกิจไม่ดี แต่ในฐานะผู้นำตลาดถือเป็นโอกาสที่จะรุกตลาดโดยการเพิ่มงบตลาดมากกว่า 15% เพื่อสร้างแรงดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาที่ร้านเดอะพิซซ่า ซึ่งเฉลี่ยแล้วลูกค้าเข้าประมาณ 1-2 ครั้งต่อดือน อีกทั้งยังต้องมีการจัดกิจกรรมและการออกเมนูใหม่เฉลี่ย 2 เดือนต่อครั้ง ล่าสุด คือ ชีสซี่แม็กโดยตลาดที่เติบโตมากคือ ดีลิเวอรี่ มีสัดส่วนรายได้ 45% นั่งทานในร้านส่วนรายได้ 40% และเทคโฮมสัดส่วนรายได้ 15% ซึ่งคาดว่าในอีก 3-4 ปีจากนี้ สัดส่วนรายได้จากดีลิเวอรี่น่าจะขึ้นมาเป็น 50% เพราะผู้บริโภคยุค

ปัจจุบันต้องการความสะดวกมากขึ้น อีกทั้งค่าครองชีพด้านการเดินทางก็สูงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันแพงขึ้น อย่างไรก็ตาม การทำตลาดนั่งทานก็ยังจำเป็น เพราะเป็นตลาดใหญ่เหมือนกัน โดยล่าสุดบริษัทฯได้ขยายการให้บริการเมนูอาหารใหม่ๆกระจายทุกสาขาทั่วประเทศแล้วเช่น ซุป พาสต้า สปาเก็ตตี้ จากเดิมที่ยังมีไม่ครบ
กำลังโหลดความคิดเห็น