รหัสแห่งความสปอร์ต Z ของนิสสันกลับมาเป็นหัวข้อสนทนาของบรรดาแฟนๆ ที่ชื่นชอบความแรงกันอีกครั้ง เมื่อผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นเผยโฉมแรกของโมเดลเชนจ์ หรือเจนเนอเรชันใหม่ของรถสปอร์ตรหัส Z โดยมาพร้อมกับรหัสใหม่ 370Z ที่เติมความเร้าใจด้วยการขยายความจุของเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อน
ชื่อของ Z เป็นที่รู้จักของบรรดาคนที่ชื่นชอบรถสปอร์ตทั่วโลกมานับตั้งแต่เปิดตัวเจนเนอเรชันแรกออกมาในปี 1969 กับรหัส S30 ที่ใช้ชื่อในการทำตลาดว่า 240Z หรือแฟร์เลดี้ แซดสำหรับตลาดญี่ปุ่น โดยรถสปอร์ตรุ่นนี้นิสสันนำออกเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรก พร้อมรูปทรงสปอร์ต GT และถือเป็นคู่ปรับร่วมยุคกับโตโยต้า 2000GT
Z-Car ของนิสสันสร้างความตื่นตาตื่นใจในตลาดรถสปอร์ตทั่วโลกเป็นระยะเวลากว่า 30 ปีกับ 4 เจนเนอเรชัน ก่อนที่นิสสันจะยุติบทบาทของสปอร์ตรุ่นนี้ในปี 1996 หลังจากที่ตัวเองประสบปัญหาทางด้านการเงิน และหันไปสนใจกับการเจาะตลาดเอสยูวีที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องแทน และนั่นทำให้การทำตลาดของ Z-Car ต้องขาดตอนลงและในตอนแรกลูกค้าส่วนใหญ่คาดคิดว่า Z32 หรือรุ่นที่ 4 น่าจะเป็นบทสุดท้ายในการเดินทางของรถสปอร์ตรุ่นนี้
อย่างไรก็ตาม หลังการเข้ามาช่วยเหลือของเรโนลต์แห่งฝรั่งเศสและซื้อหุ้น 44.4% ของนิสสันเข้ามาครอบครอง พร้อมกับส่งผู้บริหารมือดีอย่างคาร์ลอส กอส์นเข้ามาดูแลและจัดการบริษัทเพื่อพลิกสถานการณ์ให้กลับมาสู่สภาพปกติให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความหวังของชาว Z-Car ก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง เมื่อนิสสันนำต้นแบบรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า 240Z ออกเปิดตัวในดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ปี 1999 ซึ่งต้นแบบรุ่นนี้ถือเป็นบันไดขั้นแรกที่นำไปสู่การปัดฝุ่นนำชื่อ Z-Car กลับมาอีกครั้งในปี 2002 กับเจนเนอเนชันที่ 5 ซึ่งมีรหัสตัวถังว่า Z33
Z33 สามารถสร้างชื่อให้กับนิสสันในตลาดรถสปอร์ตอย่างมาก และเป็นรถสปอร์ตที่ได้รับการยอมรับถึงสมรรถนะเช่นเดียวกับความสะดวกสบายในการขับสมกับเป็นรถสปอร์ตที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน แถมยังมีราคาที่ไม่แพงจนเกินไป เพียง 26,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 858,000 บาทนั้นเอง
สำหรับรุ่นใหม่แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรหัสตัวถัง แต่เชื่อว่าคงจะนับต่อเนื่องไปจากรุ่นที่แล้วเป็น Z34 และเป็นเจนเนอเรชันที่ 6 ของรถสปอร์จ Z-Car โดยจะมีการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในแอลเอ มอเตอร์โชว์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 21-30 พฤศจิกายนนี้
รุ่นแรกที่เปิดตัวเป็นสปอร์ตคูเป้หลังคาแข็ง แต่เชื่อว่ารุ่นเปิดประทุนจะมีขายตามมาอย่างแน่นอน และน่าจะเป็นแบบหลังคาอ่อนพับได้เหมือนกับรุ่นที่แล้ว มากกว่าที่จะเป็นหลังคาแข็งแบบพับได้ ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกอาจจะดูแล้วเหมือนกับรุ่นที่แล้ว แต่นิสสันยืนยันว่าทุกรายละเอียดทั้งภายนอกและภายในได้รับการออกแบบใหม่หมด แต่ยังใช้พื้นตัวถังรหัส FM ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ซึ่งพื้นตัวถังรุ่นนี้นอกจาก 370Z แล้ว ยังมีการนำไปใช้กับรถยนต์ขนาดกลางของนิสสันอย่างรุ่นสกายไลน์ หรือใช้ชื่ออินฟินิตี้ G-Series สำหรับขายในตลาดโลกและสหรัฐอเมริกา
นอกจากพื้นตัวถังแล้ว นิสสันยังใช้เครื่องยนต์วี6 เหมือนเดิม แต่ขยายขุมพลังในการขับเคลื่อนของ Z-Car ใหม่รุ่นนี้ จากความจุ 3,500 ซีซีมาเป็นขุมพลังใหม่ในรหัส VQ37VHR ที่ใช้อยู่ใน G37 ของอินฟินิตี้ และนิสสัน สกายไลน์ มีความจุกระบอกสูบ 3,700 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผันรุ่นไหม่ที่เรียกว่า VVEL หรือ Variable Valve Event and Lift
ในเรื่องสมรรถนะไม่มีการเปิดเผย แต่คาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับสเปกที่ใช้อยู่ในรถยนต์นั่ง ซึ่งมีกำลังอยู่ที่ 333 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 37.0 กก.-ม. ที่ 5,200 รอบต่อนาที และใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนระบบส่งกำลังมีทั้งแบบธรรมดา 6 จังหวะและอัตโนมัติที่ยังไม่เปิดเผยจำนวนจังหวะ แต่อาจจะเป็นรุ่น 7 จังหวะก็ได้ เพราะเกียร์อัตโนมัติชุดนี้มีใช้อยู่แล้วในเอสยูวีของอินฟินิตี้รุ่น EX37 ซึ่งใช้พื้นตัวถังรุ่น FM เหมือนกัน
การเริ่มทำตลาดของ 370Z จะมีขึ้นต้นปีหน้า และนิสสันส่งขายทั่วโลกเช่นเคย แต่ก่อนที่จะได้สัมผัสกับคันจริง นิสสันนำ 370Z มาให้บรรดาคอเกมได้เลือกขับกันก่อนใคร เพราะว่านิสสันร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง EA หรือ Electronic Arts ซึ่งเป็นผู้ผลิตเกมชื่อดังในการนำรถสปอร์ตรุ่นนี้มาบรรจุในเกม NFS หรือ Need For Speed เวอร์ชันใหม่ที่เรียกว่า Undercover ซึ่งจะวางแผงขายในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ หรือเพียง 1 วันก่อนที่ 370Z จะเปิดตัวในรอบสื่อมวลชนของงานที่แอลเอ
ใครที่อยากรู้ว่ารถจะเป็นอย่างไรก็ลองซื้อเกมมาทดลองขับก่อนก็ได้ หากไม่ชอบจะได้ไม่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ เพียงแค่ไม่กี่สิบเหรียญสหรัฐฯ สำหรับค่าเกมเท่านั้น
ชื่อของ Z เป็นที่รู้จักของบรรดาคนที่ชื่นชอบรถสปอร์ตทั่วโลกมานับตั้งแต่เปิดตัวเจนเนอเรชันแรกออกมาในปี 1969 กับรหัส S30 ที่ใช้ชื่อในการทำตลาดว่า 240Z หรือแฟร์เลดี้ แซดสำหรับตลาดญี่ปุ่น โดยรถสปอร์ตรุ่นนี้นิสสันนำออกเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรก พร้อมรูปทรงสปอร์ต GT และถือเป็นคู่ปรับร่วมยุคกับโตโยต้า 2000GT
Z-Car ของนิสสันสร้างความตื่นตาตื่นใจในตลาดรถสปอร์ตทั่วโลกเป็นระยะเวลากว่า 30 ปีกับ 4 เจนเนอเรชัน ก่อนที่นิสสันจะยุติบทบาทของสปอร์ตรุ่นนี้ในปี 1996 หลังจากที่ตัวเองประสบปัญหาทางด้านการเงิน และหันไปสนใจกับการเจาะตลาดเอสยูวีที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องแทน และนั่นทำให้การทำตลาดของ Z-Car ต้องขาดตอนลงและในตอนแรกลูกค้าส่วนใหญ่คาดคิดว่า Z32 หรือรุ่นที่ 4 น่าจะเป็นบทสุดท้ายในการเดินทางของรถสปอร์ตรุ่นนี้
อย่างไรก็ตาม หลังการเข้ามาช่วยเหลือของเรโนลต์แห่งฝรั่งเศสและซื้อหุ้น 44.4% ของนิสสันเข้ามาครอบครอง พร้อมกับส่งผู้บริหารมือดีอย่างคาร์ลอส กอส์นเข้ามาดูแลและจัดการบริษัทเพื่อพลิกสถานการณ์ให้กลับมาสู่สภาพปกติให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความหวังของชาว Z-Car ก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง เมื่อนิสสันนำต้นแบบรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า 240Z ออกเปิดตัวในดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ปี 1999 ซึ่งต้นแบบรุ่นนี้ถือเป็นบันไดขั้นแรกที่นำไปสู่การปัดฝุ่นนำชื่อ Z-Car กลับมาอีกครั้งในปี 2002 กับเจนเนอเนชันที่ 5 ซึ่งมีรหัสตัวถังว่า Z33
Z33 สามารถสร้างชื่อให้กับนิสสันในตลาดรถสปอร์ตอย่างมาก และเป็นรถสปอร์ตที่ได้รับการยอมรับถึงสมรรถนะเช่นเดียวกับความสะดวกสบายในการขับสมกับเป็นรถสปอร์ตที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน แถมยังมีราคาที่ไม่แพงจนเกินไป เพียง 26,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 858,000 บาทนั้นเอง
สำหรับรุ่นใหม่แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรหัสตัวถัง แต่เชื่อว่าคงจะนับต่อเนื่องไปจากรุ่นที่แล้วเป็น Z34 และเป็นเจนเนอเรชันที่ 6 ของรถสปอร์จ Z-Car โดยจะมีการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในแอลเอ มอเตอร์โชว์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 21-30 พฤศจิกายนนี้
รุ่นแรกที่เปิดตัวเป็นสปอร์ตคูเป้หลังคาแข็ง แต่เชื่อว่ารุ่นเปิดประทุนจะมีขายตามมาอย่างแน่นอน และน่าจะเป็นแบบหลังคาอ่อนพับได้เหมือนกับรุ่นที่แล้ว มากกว่าที่จะเป็นหลังคาแข็งแบบพับได้ ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกอาจจะดูแล้วเหมือนกับรุ่นที่แล้ว แต่นิสสันยืนยันว่าทุกรายละเอียดทั้งภายนอกและภายในได้รับการออกแบบใหม่หมด แต่ยังใช้พื้นตัวถังรหัส FM ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ซึ่งพื้นตัวถังรุ่นนี้นอกจาก 370Z แล้ว ยังมีการนำไปใช้กับรถยนต์ขนาดกลางของนิสสันอย่างรุ่นสกายไลน์ หรือใช้ชื่ออินฟินิตี้ G-Series สำหรับขายในตลาดโลกและสหรัฐอเมริกา
นอกจากพื้นตัวถังแล้ว นิสสันยังใช้เครื่องยนต์วี6 เหมือนเดิม แต่ขยายขุมพลังในการขับเคลื่อนของ Z-Car ใหม่รุ่นนี้ จากความจุ 3,500 ซีซีมาเป็นขุมพลังใหม่ในรหัส VQ37VHR ที่ใช้อยู่ใน G37 ของอินฟินิตี้ และนิสสัน สกายไลน์ มีความจุกระบอกสูบ 3,700 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผันรุ่นไหม่ที่เรียกว่า VVEL หรือ Variable Valve Event and Lift
ในเรื่องสมรรถนะไม่มีการเปิดเผย แต่คาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับสเปกที่ใช้อยู่ในรถยนต์นั่ง ซึ่งมีกำลังอยู่ที่ 333 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 37.0 กก.-ม. ที่ 5,200 รอบต่อนาที และใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนระบบส่งกำลังมีทั้งแบบธรรมดา 6 จังหวะและอัตโนมัติที่ยังไม่เปิดเผยจำนวนจังหวะ แต่อาจจะเป็นรุ่น 7 จังหวะก็ได้ เพราะเกียร์อัตโนมัติชุดนี้มีใช้อยู่แล้วในเอสยูวีของอินฟินิตี้รุ่น EX37 ซึ่งใช้พื้นตัวถังรุ่น FM เหมือนกัน
การเริ่มทำตลาดของ 370Z จะมีขึ้นต้นปีหน้า และนิสสันส่งขายทั่วโลกเช่นเคย แต่ก่อนที่จะได้สัมผัสกับคันจริง นิสสันนำ 370Z มาให้บรรดาคอเกมได้เลือกขับกันก่อนใคร เพราะว่านิสสันร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง EA หรือ Electronic Arts ซึ่งเป็นผู้ผลิตเกมชื่อดังในการนำรถสปอร์ตรุ่นนี้มาบรรจุในเกม NFS หรือ Need For Speed เวอร์ชันใหม่ที่เรียกว่า Undercover ซึ่งจะวางแผงขายในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ หรือเพียง 1 วันก่อนที่ 370Z จะเปิดตัวในรอบสื่อมวลชนของงานที่แอลเอ
ใครที่อยากรู้ว่ารถจะเป็นอย่างไรก็ลองซื้อเกมมาทดลองขับก่อนก็ได้ หากไม่ชอบจะได้ไม่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ เพียงแค่ไม่กี่สิบเหรียญสหรัฐฯ สำหรับค่าเกมเท่านั้น