หลังเผยภาพ Teaser บางส่วนของตัวรถออกมายั่วน้ำลายและประลองเชาว์ของบรรดาแฟนๆ ลัมบอร์กินีทั่วโลกก่อนที่งานปารีส มอเตอร์โชว์ 2009 ที่ฝรั่งเศสจะเริ่มขึ้น ในที่สุดคำตอบก็ถูกเฉลยออกมาพร้อมกับความแปลกใจชนิดที่แทบไม่น่าเชื่อสายตา เพราะตอนแรกคิดว่าจะเป็นซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ที่มีราคาแพงว่าเรเบนตัน ซึ่งครองสติถิค่าตัวสูงสุดอยู่ในตอนนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่รถสปอร์ต แต่เป็นต้นแบบของสปอร์ตซีดานรุ่น 4 ประตูในชื่อ Estoque พร้อมกับมีเครื่องหมายคำถามตามมาว่า จะได้รับการผลิตออกขายในอนาคตหรือไม่ ?
ในตอนแรกก่อนการเปิดตัวมีการยืนยันว่าซีดานต้นแบบรุ่นนี้จะใช้ชื่อว่า Urus แต่ไปๆ มาๆ ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงจนได้ และลัมบอร์กินีก็ตัดสินใจใช้ชื่อ Estoque ซึ่งหมายถึงดาบเล่มเล็กๆ ที่มีความยาวประมาณ 90 เซ็นติเมตรสำหรับใช้ในการปลิดชีพวัวกระทิง ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เดินตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิมในการใช้ชื่อของวัวกระทิงที่เคยโด่งดังในอดีต แต่ยังไงก็ยังเป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกับแวดวงนี้อยู่ดี และมีความสอดคล้องกับชื่อเอสพาดา (Espada) ซึ่งเป็นคำภาษาสเปนที่มีความหมายถึงดาบเล็กๆ เช่นกัน และเป็นสปอร์ตแบบ 4 ที่นั่งในสไตล์ GT ที่ลัมบอร์กินีผลิตขายในช่วงปี 1968-1978
งานนี้เข้าทำนองเอาคืนจากบรรดาแบรนด์รถยนต์ระดับหรูสายพันธุ์เยอรมันอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์, ออดี้ และบีเอ็มดับเบิลยูที่ครั้งหนึ่งเคยแห่กันพัฒนาซูเปอร์คาร์เพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาดจากพวกแบรนด์ซูเปอร์คาร์พันธุ์แท้ โดยตอนนี้รถยนต์ 4 ประตูในแบบสปอร์ตกำลังได้รับความสนใจจากบรรดาผู้ผลิตรถสปอร์ตในการผลิตออกขายเพื่อเป็นอีกทางเลือกที่ดึงลูกค้าที่ชอบความแตกต่างจากบรรดา 3 แบรนด์ข้างต้น โดยพอร์ชมีคิวเปิดตัวพานาเมอราปีหน้า ขณะที่แอสตัน มาร์ตินจะส่งรุ่นราปิดตามออกมาในเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนลัมบอร์กินียังไม่คอนเฟิร์มเพราะบอกว่า Estoque เป็นแค่ต้นแบบสำหรับจัดแสดง แต่หลายกระแสเชื่อว่า โอกาสขึ้นไลน์ผลิตจริงมีเกือบ 100%
ตัวรถได้รับการพัฒนาบนเลย์เอาท์ของเครื่องยนต์วางด้านหน้าแบบ Front Mid-Engine ดันเครื่องยนต์ให้อยู่พลังเพลาด้านหน้าและถอยหลังที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อกประโยชน์ในเรื่องของการกระจายน้ำหนักซึ่งมีความสมดุลในแบบด้านหน้าและหลัง 50-50% ส่วนการออกแบบเป็นผลงานของทีมออกแบบจาก Sant’ Agata ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยและสปอร์ตอย่างสุดขั้วในสไตล์ GT หรือ Gran Tourismo แบบ 4 ประตูเพื่อให้มีความโดดเด่นสมกับที่เป็นรถยนต์ซีดาน 4 ประตูรุ่นแรกของลัมบอร์กินี
แม้จะแปะชื่อของลัมบอร์กินี แต่ตัวรถได้รับการพัฒนาให้มีความสะดวกต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อธุรกิจ หรือการขับไปตีกอล์ฟ เพราะตัวรถมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง มีห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่สำหรับรองรับการบรรทุกได้ในระดับหนึ่งเหมือนกับรถยนต์ซีดานในระดับเดียวกัน ถึงแม้ว่าตัวรถจะออกแนวสปอร์ตเพราะมีความสูงเพียง 1.35 เมตรก็ตาม ขณะที่ความยาวใกล้เคียงกับรถยนต์ซีดานระดับหรูอย่างเอส -คลาส หรือซีรีส์ 7 ด้วยตัวเลข 5.15 เมตร และระยะฐานล้อที่ยาวถึง 3.01 เมตร
เรื่องความดุดันของรูปลักษณ์ภายนอกและภายในสามารถสัมผัสได้ผ่านงานออกแบบ ทั้งเส้นทางที่โฉบเฉี่ยวและเน้นเหลี่ยมสันรอบคัน ล้อแม็กขนาดใหญ่ซึ่งด้านหน้ามีขนาด 22 นิ้ว และด้านหลัง 23 นิ้ว รวมถึงแผงมาตรวัดแบบสปอร์ตที่มีกลิ่นอายการออกแบบมาจากค็อกพิตของเครื่องบินเหมือนกับรุ่นเรเบนตัน และตกแต่งด้วยวัสดุระดับหรูอย่างหนัง Nappa
เครื่องยนต์ในตัวต้นแบบมากับเครื่องยนต์เบนซินที่ยกชุดมาจากกัลญาร์โด LP560-4 เป็นบล็อกวี10 แต่มีการปรับปรุงให้มีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นทั้งในแง่แรงม้าและแรงบิด แต่ลัมบอร์กินีไม่ได้เปิดเผยออกมาว่ามีมากขึ้นเท่าไร และขับเคลื่อนในแบบ 4 ล้อตลอดเวลาตามสไตล์รถสปอร์ตจากค่ายนี้ ส่วนในอนาคตถ้ามีการผลิตอาจจะมีเวอร์ชันเบนซินวี8 เทอร์โบตามออกมาเช่นเดียวกับรุ่นประหยัดน้ำมันที่กำลังพิจารณากันอยู่ว่าจะเป็นเบนซินไฮบริด ซึ่งจับคู่กับเครื่องยนต์วี8 หรือว่าเทอร์โบดีเซล
เหมือนกับยุคสมัยที่ถูกยึดครองโดยบริษัทจากต่างแดน ซึ่งลัมบอร์กินีมักจะผลผลิตที่แปลกใหม่นอกจากรถสปอร์ตออกมาเซอร์ไพรส์แฟนๆ เพราะถ้ายังจำกันได้ในยุคที่ไครสเลอร์เทคโอเวอร์กิจการของสปอร์ตแบรนด์นี้ ก็มีการผลักดันโปรเจ็กต์เอสยูวีออกสู่ตลาดชื่อ LM002 หรือ Rambo Lambo และขายระหว่างปี 1986-1993
และยุคนี้ที่มีออดี้เป็นบริษัทแม่ สปอร์ตซีดานก็น่าจะเป็นทางออกในการเสริมสร้างรายได้ให้กับกิจการควบคู่กับการบุกตลาดรถสปอร์ต และ Estoque จะเป็นทางเลือกที่ 3 ต่อจากมูร์ซิเอลาโก้ และกัลญาร์โด (ไม่นับเรเวนตันที่เป็นรุ่นพิเศษแบบลิมิเต็ด เอดิชันและมีราคาแพง) ซึ่งจะถูกวางขายอยู่บนโชว์รูมของตัวเอง ส่วนจะมาเมื่อไรนั้น อีกไม่นานน่าจะได้คำตอบ