ในปีค.ศ. ที่ลงท้ายด้วยเลขคู่อย่างเช่นปีนี้ ความเคลื่อนไหวในช่วงปลายปีกับงานมอเตอร์โชว์ระดับชั้นแนวหน้าของโลกยังมีให้ติดตามอย่างต่อเนื่อง เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ในช่วงเวลานี้ ปารีส มอเตอร์โชว์ ที่ประเทศฝรั่งเศสถูกวางให้เป็นเวทีสำหรับสร้างสีสันให้กับโลกยานยนต์ โดยงานนี้มีการจัดขึ้น 2 ปีต่อครั้งในปีค.ศ. ที่ลงท้ายด้วยเลขคู่ สลับกับแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ของเยอรมนี ส่วนโตเกียว มอเตอร์โชว์กลายเป็นงานที่มีเป็นประจำทุกปีแล้ว เพียงแต่ในปีค.ศ. ที่ลงท้ายด้วยเลขคู่จะเป็นงานสำหรับแสดงรถยนต์เพื่อการพาณิชย์
สำหรับปารีส มอเตอร์โชว์ หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า Mondial de L’Automobile ในปีนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 4-19 ตุลาคม โดยในวันที่ 2-3 ตุลาคมเป็นช่วงเวลาสำหรับบรรดาสื่อมวลชนในรอบ Press Day และใช้พื้นที่ของเอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ที่ Porte de Versailles ในการจัดแสดงเหมือนเดิม
ส่วนสีสันและความเคลื่อนไหวของงาน เรียกว่าแต่ละค่ายต่างนำ ‘ของใหม่’ มาประชันกันอย่างเต็มเพียบทั้งจากแบรนด์เจ้าถิ่นอย่างเรโนลต์ และพีเอสเอภายใต้การผนึกกำลังของเปอโยต์และซีตรองเอง รวมถึงแบรนด์ยุโรปชื่อดังอย่างบีเอ็มดับเบิลยู, เมอร์เซเดส-เบนซ์, ออดี้ หรือโฟล์คสวาเกน และบริษัทรถยนต์จากเอเชีย เช่น โตโยต้า ฮอนด้า เกีย และฮุนได สมกับที่ปารีส มอเตอร์โชว์ได้รับการยอมรับว่าเป็น 1 ใน 5 มอเตอร์โชว์ชั้นนำของโลก
นอกจากการโชว์โฉมของรถยนต์ต้นแบบและรถยนต์ในสายการผลิตรุ่นใหม่ๆ เป็นครั้งแรกของโลกแล้ว ตามอาคารต่างๆ ของปารีส มอเตอร์โชว์ยังมีการจัดกิจกรรมพิเศษอีกด้วย และในปีนี้ มีทั้ง EV สำหรับคนที่สนใจเทคโนโลยีและความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับรถยนต์พลังไฟฟ้า, Disney Pixar Cars event นำรถยนต์คันจริงที่สร้างขึ้นจากอะนิเมชั่นเรื่อง Cars มาจัดแสดง ตามด้วย Taxis from around the world ซึ่งมีการนำสามล้อเครื่อง หรือ ‘ตุ๊ก ตุ๊ก’ ของบ้านเรามาจัดแสดงด้วย
ปีนี้เจ้าถิ่นไม่ยอมน้อยหน้า
เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่เมื่อมอเตอร์โชว์นัดสำคัญมีขึ้นที่ประเทศไหน แบรนด์รถยนต์ที่เป็นเจ้าถิ่นก็จะต้องสร้างความโดดเด่นเหนือบรรดาผู้มาเยือน และใครที่เป็นแฟนของบริษัทรถยนต์แดนน้ำหอมแล้ว เรียกว่าในปีนี้ได้สัมผัสอะไรใหม่ๆ กันอย่างเต็มคราบอย่างแน่นอน
เริ่มต้นกับ เรโนลต์ ที่ในงานนี้ปลุกตลาดรถยนต์คอมแพ็กต์ด้วยการเผยโฉมใหม่ หรือโมเดลเชนจ์ของ เมกาน พร้อมกับความเปลี่ยนแปลง เพราะว่าในรุ่นแฮทช์แบ็ก 3 ประตูจะถูกเรียกชื่อใหม่เป็นคูเป้ อันเนื่องมาจากการออกแบบตัวถังด้านท้ายให้มีความปราดเปรียวและเพรียวชนิดเสาหลังคาหลังลาดเทมากจนคนนั่งหลังอาจนั่งแล้วอึดอัด ขณะที่รุ่น 5 ประตูแฮทช์แบ็กยังมีขายเหมือนเดิม
ในกลุ่มของต้นแบบที่มีความโดดเด่น คือ การเปิดตัว ZE Concept พร้อมกับแย้มว่านี่คือผลผลิตแรกเริ่มทางฝั่งเรโนลต์ภายใต้แนวคิด Better Place ที่ร่วมมือกันพันธมิตรอย่างนิสสันในการรุกตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าทั่วโลก โดยต้นแบบรุ่นนี้ใช้พื้นฐานของรถตู้เพื่อการพาณิชย์รุ่น แกงกู บีบ็อบแต่ปรับแต่งหน้าตาจนไฮเทคและติดตั้งระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 แรงม้าสำหรับขับเคลื่อน ส่วนชื่อรุ่นย่อมาจากคำว่า Zero Emission
ทางฝั่ง ซีตรอง ดูเหมือนจะเน้นไปกับต้นแบบเป็นหลัก และไฮไลต์ในปีนี้เห็นจะหนีไม่พ้นการเปิดตัวต้นแบบที่ชื่อว่า จีที กับมาดสปอร์ตแบบสุดๆ พร้อมเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งโปรเจ็กต์นี้เป็นการพัฒนาร่วมกับ Polyphony Digital ผู้ผลิตเกม Gran Turismo ของเครื่องเพลย์สเตชัน และรถยนต์ต้นแบบคันนี้จะถูกบรรจุเอาไว้ในเกม GT5 ด้วย
ส่วนอีกรุ่นคือ ฮิปนอส ทรงเอสยูวีมาดสปอร์ตขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลแบบไฮบริดที่รีดกำลังออกมาได้ 200 แรงม้า แต่นั่นไม่ใช่จุดเด่นของตัวรถ เพราะซีตรองเปิดเผยว่า ภายในตัวรถมีการออกแบบเบาะนั่งโดยสามารถแสดงสีสันได้ครบทั้ง 7 สีของสายรุ้ง และสามารถเปลี่ยนไปตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ
เปอโยต์ มากับความหลากหลายของผลผลิต โดยเฉพาะในกลุ่มต้นแบบ ซึ่งมาทั้งรถแข่งเลอมังส์รุ่นใหม่ 908 HY ที่ใช้ขุมพลังไฮบริดแบบเทอร์โบดีเซลในการขับเคลื่อน และทางเปอโยต์เองก็กำลังพัฒนาเพื่อใช้ในการแข่งขันปีหน้า ตามด้วยต้นแบบรุ่น Prologue ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรถยนต์รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะเป็นเอ็มพีวีสายพันธุ์ใหม่ที่เปอโยต์ส่งทำตลาดในปีหน้าในชื่อ 3008 โดยที่เครื่องยนต์เป็นแบบเทอร์โบดีเซลไฮบริดแบบ 200 แรงม้า และปิดท้ายกับความหรูแบบ 4 ประตูของต้นแบบในชื่อ อาร์ซี ไฮโมชั่นโฟร์ ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดแบบเบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า
สำหรับปารีส มอเตอร์โชว์ หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า Mondial de L’Automobile ในปีนี้มีขึ้นระหว่างวันที่ 4-19 ตุลาคม โดยในวันที่ 2-3 ตุลาคมเป็นช่วงเวลาสำหรับบรรดาสื่อมวลชนในรอบ Press Day และใช้พื้นที่ของเอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ที่ Porte de Versailles ในการจัดแสดงเหมือนเดิม
ส่วนสีสันและความเคลื่อนไหวของงาน เรียกว่าแต่ละค่ายต่างนำ ‘ของใหม่’ มาประชันกันอย่างเต็มเพียบทั้งจากแบรนด์เจ้าถิ่นอย่างเรโนลต์ และพีเอสเอภายใต้การผนึกกำลังของเปอโยต์และซีตรองเอง รวมถึงแบรนด์ยุโรปชื่อดังอย่างบีเอ็มดับเบิลยู, เมอร์เซเดส-เบนซ์, ออดี้ หรือโฟล์คสวาเกน และบริษัทรถยนต์จากเอเชีย เช่น โตโยต้า ฮอนด้า เกีย และฮุนได สมกับที่ปารีส มอเตอร์โชว์ได้รับการยอมรับว่าเป็น 1 ใน 5 มอเตอร์โชว์ชั้นนำของโลก
นอกจากการโชว์โฉมของรถยนต์ต้นแบบและรถยนต์ในสายการผลิตรุ่นใหม่ๆ เป็นครั้งแรกของโลกแล้ว ตามอาคารต่างๆ ของปารีส มอเตอร์โชว์ยังมีการจัดกิจกรรมพิเศษอีกด้วย และในปีนี้ มีทั้ง EV สำหรับคนที่สนใจเทคโนโลยีและความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับรถยนต์พลังไฟฟ้า, Disney Pixar Cars event นำรถยนต์คันจริงที่สร้างขึ้นจากอะนิเมชั่นเรื่อง Cars มาจัดแสดง ตามด้วย Taxis from around the world ซึ่งมีการนำสามล้อเครื่อง หรือ ‘ตุ๊ก ตุ๊ก’ ของบ้านเรามาจัดแสดงด้วย
ปีนี้เจ้าถิ่นไม่ยอมน้อยหน้า
เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ที่เมื่อมอเตอร์โชว์นัดสำคัญมีขึ้นที่ประเทศไหน แบรนด์รถยนต์ที่เป็นเจ้าถิ่นก็จะต้องสร้างความโดดเด่นเหนือบรรดาผู้มาเยือน และใครที่เป็นแฟนของบริษัทรถยนต์แดนน้ำหอมแล้ว เรียกว่าในปีนี้ได้สัมผัสอะไรใหม่ๆ กันอย่างเต็มคราบอย่างแน่นอน
เริ่มต้นกับ เรโนลต์ ที่ในงานนี้ปลุกตลาดรถยนต์คอมแพ็กต์ด้วยการเผยโฉมใหม่ หรือโมเดลเชนจ์ของ เมกาน พร้อมกับความเปลี่ยนแปลง เพราะว่าในรุ่นแฮทช์แบ็ก 3 ประตูจะถูกเรียกชื่อใหม่เป็นคูเป้ อันเนื่องมาจากการออกแบบตัวถังด้านท้ายให้มีความปราดเปรียวและเพรียวชนิดเสาหลังคาหลังลาดเทมากจนคนนั่งหลังอาจนั่งแล้วอึดอัด ขณะที่รุ่น 5 ประตูแฮทช์แบ็กยังมีขายเหมือนเดิม
ในกลุ่มของต้นแบบที่มีความโดดเด่น คือ การเปิดตัว ZE Concept พร้อมกับแย้มว่านี่คือผลผลิตแรกเริ่มทางฝั่งเรโนลต์ภายใต้แนวคิด Better Place ที่ร่วมมือกันพันธมิตรอย่างนิสสันในการรุกตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าทั่วโลก โดยต้นแบบรุ่นนี้ใช้พื้นฐานของรถตู้เพื่อการพาณิชย์รุ่น แกงกู บีบ็อบแต่ปรับแต่งหน้าตาจนไฮเทคและติดตั้งระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 แรงม้าสำหรับขับเคลื่อน ส่วนชื่อรุ่นย่อมาจากคำว่า Zero Emission
ทางฝั่ง ซีตรอง ดูเหมือนจะเน้นไปกับต้นแบบเป็นหลัก และไฮไลต์ในปีนี้เห็นจะหนีไม่พ้นการเปิดตัวต้นแบบที่ชื่อว่า จีที กับมาดสปอร์ตแบบสุดๆ พร้อมเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งโปรเจ็กต์นี้เป็นการพัฒนาร่วมกับ Polyphony Digital ผู้ผลิตเกม Gran Turismo ของเครื่องเพลย์สเตชัน และรถยนต์ต้นแบบคันนี้จะถูกบรรจุเอาไว้ในเกม GT5 ด้วย
ส่วนอีกรุ่นคือ ฮิปนอส ทรงเอสยูวีมาดสปอร์ตขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลแบบไฮบริดที่รีดกำลังออกมาได้ 200 แรงม้า แต่นั่นไม่ใช่จุดเด่นของตัวรถ เพราะซีตรองเปิดเผยว่า ภายในตัวรถมีการออกแบบเบาะนั่งโดยสามารถแสดงสีสันได้ครบทั้ง 7 สีของสายรุ้ง และสามารถเปลี่ยนไปตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ
เปอโยต์ มากับความหลากหลายของผลผลิต โดยเฉพาะในกลุ่มต้นแบบ ซึ่งมาทั้งรถแข่งเลอมังส์รุ่นใหม่ 908 HY ที่ใช้ขุมพลังไฮบริดแบบเทอร์โบดีเซลในการขับเคลื่อน และทางเปอโยต์เองก็กำลังพัฒนาเพื่อใช้ในการแข่งขันปีหน้า ตามด้วยต้นแบบรุ่น Prologue ที่พัฒนาบนพื้นฐานของรถยนต์รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะเป็นเอ็มพีวีสายพันธุ์ใหม่ที่เปอโยต์ส่งทำตลาดในปีหน้าในชื่อ 3008 โดยที่เครื่องยนต์เป็นแบบเทอร์โบดีเซลไฮบริดแบบ 200 แรงม้า และปิดท้ายกับความหรูแบบ 4 ประตูของต้นแบบในชื่อ อาร์ซี ไฮโมชั่นโฟร์ ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดแบบเบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า