xs
xsm
sm
md
lg

ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ ดีอีกนิด-สบายอีกหน่อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เลือกจังหวะเวลาได้เหมาะสม สำหรับการเปิดตัวเจ้าพ่อพีพีวี "ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่" ที่ถึงแม้จะอยู่ช่วงนอกฤดูกาลขาย มิหนำซ้ำยังมีปัจจัยลบอย่าง เศรษฐกิจซบ-การเมืองป่วน แต่ก็ยังโชคดีเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ทั้งจากสภาวะตลาดโลกและการลดภาษีสรรพษามิตน้ำมัน หนึ่งใน 6 มาตรการ(ประชานิยม)เร่งด่วนของรัฐบาล น่าจะส่งผลให้ผู้บริโภคมีอารมณ์อยากซื้อมากขึ้น ขณะเดียวกันยิ่งมีโมเดลใหม่ มาให้เลือกตัดสินใจ ก็อาจเผลอไผลควักกระเป๋าได้ง่ายๆ

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือการที่โตโยต้าเลือกเปิดตัวช่วงนี้ อาจต้องการข่มขวัญหรือตีกันน้องใหม่อย่าง "มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต" ที่จ่อคิวเปิดตัวปลายเดือนสิงหาคมนี้เช่นกัน ซึ่งจริงๆแล้วถ้าถามโตโยต้าว่ากลัวคู่แข่งบ้างไหม? ยักษ์ใหญ่จากแดนปลาดิบคงตอบอย่างมั่นใจว่าไม่กลัว แต่กระนั้นในแง่มุมของธุรกิจ และการแข่งขัน การชิงไหวชิงพริบจากทรัพยากร(โปรดักส์-งบประมาณ)ที่ตนเองมีอยู่ คงต้องมองหลายมิติรอบด้าน และเป็นที่มาของการเปิดตัวแบบรวดเร็วทันใจครั้งนี้

เปิดตัวก่อนขายก่อน! สร้างกระแสแย่งชิงพื้นที่ข่าว ก็ถือว่าได้เปรียบระดับหนึ่งแล้วในแง่ธุรกิจ..."ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่" แนะนำตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา จากนั้นเพียง 2 อาทิตย์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ก็รีบจัดทริปทดสอบ (18-19 ส.ค.)ทันที โดยใช้เส้นทาง เชียงราย-เชียงใหม่

-รูปลักษณ์

ด้วยร่างมหึมา ใหญ่สง่าบนท้องถนนเมืองไทยมานานเกือบ 4 ปี จนถึงปัจจุบันมีประชากรกว่า 74,000 คัน(นับถึงเดือนกรกฎาคม 2551) ทั้งยังส่งออกไปขายทั่วโลกทะลุ 62,000 คันแล้ว... "ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่" ที่โตโยต้าถือว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่สอง มีการปรับโฉมเพิ่มความสดทั้ง ออกแบบกระจังหน้า-โคมไฟหน้าใหม่ ไฟท้ายทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนกรอบเป็นสีแดง-ขาวให้ดูโดดเด่นแตกต่างจากรุ่นก่อน ส่วนล้ออัลลอย์ 17 นิ้วลายใหม่วงใหญ่กว่ารุ่นเดิม(16 นิ้ว) ประกบยางขนาด 265/65 R17 (เดิม 265/70R16) ส่งผลให้ระยะต่ำสุดจากพื้น (Ground Clearance)ลดลง 10 มิลลิเมตร

ภายในถ้าเข้าไปนั่งเฉยๆจะไม่รู้สึกต่างจากเดิม จึงต้องบอกให้รู้ว่า "ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่" ได้เสริมฟังก์ชันสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ เบาะนั่งคนขับปรับระดับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี จอแสดงผลแบบทัชสกรีน และเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือด้วยบลูทูธ(เฉพาะรุ่นท็อป3.0 V Navi ) รวมถึงครูสคอนโทรล (ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ) กระจะมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า ทั้งยังเผื่อแผ่ความเย็นสบายด้วยช่องแอร์ที่ฝังอยู่บนแพดานสำหรับผู้โดยสารแถวสองและสาม

-ความปลอดภัย

โตโยต้า พยายามลบจุดที่โดนโจมตีหนักในรุ่นก่อน โดยเฉพาะการเบรกและการทรงตัว ดังนั้นฟอร์จูนเนอร์ใหม่จึงอุดมไปด้วย อุปกรณ์เสริมความปลอดภัย ทั้งเบรก ABS (เดิมก็มีอยู่แล้ว) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรก BA ระบบควบคุมการทรงตัว VSC และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Tracion control

สำหรับ VSC และ Tracion control โตโยต้าบอกว่าเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาเป็นเจเนอเรชั่นที่สอง โดยจะมี โซลินอยด์วาล์ว 10 ตัว ในการควบคุมแรงดันน้ำมันเบรก และดูแลเบรกที่แยกทำงานอิสระทั้ง 4 ล้อ ประกอบกับการสั่งงานที่ไวขึ้น แม่นยำขึ้น ประสานการทำงานอย่างสามัคคีด้วยการเพิ่มแรงเบรก-ลดกำลังเครื่องยนต์ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด พร้อมกันนี้ยังใช้จานเบรกใหญ่ขึ้นจาก 15 นิ้ว เป็น 16 นิ้ว เพิ่มแรงดันแม่ปั๊มเบรกจากเดิม 300 นิวตันเมตร เป็น 450 นิวตันเมตร และจะสุดยอดกว่านี้หากเปลี่ยนเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ เนื่องจากตัวใหม่เบรกหลังยังเป็นดรัมเบรกอยู่เหมือนรุ่นเดิม

-สมรรถนะ

ในทริปนี้ รถค่อนข้างมีจำนวนจำกัด ซึ่งโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก็จัดมาให้แค่ 2 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล คือ 3.0V 2WD (1.249 ล้านบาท)และตัวท็อป 3.0V 4WD Navi (1.419 ล้านบาท ) รวม 8 คัน มารองรับนักข่าวกว่า 20 ชีวิต..."ผู้จัดการมอเตอริ่ง"ได้เพื่อนรวมทางคือรุ่น 3.0V ขับเคลื่อนสองล้อเป็นพาหนะ พร้อมกับผู้สื่อข่าวอีก 3 สำนัก

เราถูกเลือกเป็นไม้แรกในการขับ โดยเริ่มต้นจากสนามบินจังหวัดเชียงราย มุ่งไปที่อำเภอแม่อายซึ่งเป็นจุดหมายแรกกับระยะทางร่วมๆ 80 กิโลเมตร(ได้ขับแค่นี้)...ช่วงแรกก็วิ่งผ่านชุมชุน รถราควักไขว่ จึงต้องใช้ความระมัดระวัง พร้อมปรับตัวให้เข้ากับ"พีพีวีน้องยักษ์" พอสมควร โดยใช้ความเร็วประมาณ 60-80 กม./ชม.

สำหรับ "ฟอร์จูนเนอร์" ยังเป็นรถที่ให้ทัศนวิสัยการขับกว้างไกล จากรถสูงใหญ่ตันโต ขณะเดียวกันในเวลาต้องการเรียกพลังม้า163 ตัว ที่อยู่ในคอก 1KD-FTV พร้อมเทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัต 4 สปีด ยังรู้สึกได้ถึงความกระตือรือร้นตั้งใจรับใช้เจ้านายอย่างเต็มความสามรถ คือจะยั้งหรือไม่ยั้ง เจ้า "ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่" ยังตอบสนองแรงกดของฝ่าเท้าได้ดี การเร่งความเร็ว ปรู้ดปร้าดมาทันใจ ขณะที่การขึ้นเขาสูงชันทำได้สบายๆโดยไม่ต้องละมือเชนเกียร์ช่วยเพิ่มรอบเสริมพลัง

อีกจุดที่น่าชื่นชมคือการเก็บเสียงในห้องโดยสาร ทั้งเสียงลมปะทะ เสียงยางบดพื้นถนน ที่ความเร็ว 80-100 กม./ชม.ทำได้ดีพอตัว ส่วนเสียงเครื่องยนต์เวลาวิ่งปกติไม่หนวกหูน่ารำคาญ แต่อาจกระแทกกระทั้นบ้างเวลาเข่นเรียกพลัง ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนอัตราการบริโภคน้ำมันที่เราขับแบบ โหดบ้าง นิ่มบ้าง คิกดาวน์บ้าง ทางขึ้นเขาสลับลงเนิน ตัวเลขจากจอแสดงผลบอกว่าทำได้ 9.8 กม./ลิตร ขณะที่โตโยต้าเปิดเผยว่า รุ่นเครื่องยนต์3.0V 2WD ถ้าวิ่งเส้นทางเรียบปกติ เฉลี่ยแล้วน่าจะทำได้ถึง 11.16 กม./ลิตร

-ควบคุม-ช่วงล่าง

การสั่งงานผ่านพวงมาลัยแร็คแอนพิเนี่ยน ยังคงเฉียบคมตรงไปตรงมา ส่วนช่วงล่างที่เซ็ทโช้กอัพให้นุ่มขึ้นก็เป็นไปตามนั้นครับ คือถ้าขับเรื่อยๆสบายๆไม่ว่าจะนั่งหน้า-นั่งหลัง(แถว 2) การซับแรงกระแทกดีนิ่มนวลกว่าตัวเก่าที่ค่อนข้างกระดอนเด้งพอสมควร...อ้อ!แล้วอย่าลืมว่าเบาะนั่งชุดใหม่นี้ โตโยต้าเค้าสั่งซัพพลายเออร์ทำให้นุ่มกว่าเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับความนุ่มสบายที่ต่างไป อย่างไรก็ตามรุ่นที่ "ผู้จัดการมอเตอริ่ง" ได้ขับเป็นแค่รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง และเมื่อบวกกับช่วงล่างที่เซ็ทใหม่ การยิงทางตรงยาวๆ หรือเข้า-ออกโค้งจึงรู้สึกถึงความยวบโยกเล็กน้อย

นอกจากนี้ในรุ่น 3.0V 2WD โตโยต้าให้ข้อมูลว่า ระยะเบรกจากความเร็ว 100 กม./ชม.จนรถหยุดนิ่ง ทำได้ 42.18 เมตร ส่วนการลองเบรกจริงยังพอจะรู้สึกได้ว่ามันจับและระยะเป็นไปตามที่คาด ดีกว่าตัวเก่า แต่ก็ไม่ถึงกับต่างมากมายอะไร เพราะใจจริงแล้วอยากให้มันเนี้ยบเนียนกว่านี้

รวบรัดตัดความ...ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ เสริมออปชัน เพิ่มสมรรถนะ-ศักยภาพ ทั้งความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ส่วนการขับจริงก็พอจะกล่าวได้ว่า เป็นรถที่มีพัฒนาการดีขึ้น ถึงแม้จะต้องควักเงินเพิ่มจากรุ่นเดิมอืกประมาณ 2 - 5 หมื่นบาท(เทียบรุ่นต่อรุ่น)...เอาเป็นว่าถ้าคุณมีความสามารถในการจ่ายเงินระดับล้านต้นๆไปถึงล้านกลางๆแล้วละก็ คิดสักนิดว่าอยากได้อะไร? มันเหมาะสมกับการใช้งานของคุณไหม? และสิ่งสำคัญที่"ผู้จัดการมอเตอริ่ง" ย้ำเสมอคือควรไปลองขับเอง และเปรียบเทียข้อมูลกับรถยี่ห้ออื่นแล้วค่อยตัดสินใจครับ








กำลังโหลดความคิดเห็น