ประกาศเดินหน้ารุกเครื่องยนต์ดีเซลเต็มสูบ สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย หลังชิมลางหยั่งเชิงมาเกือบสองปีกับ 520d ที่ได้การตอบรับจากสาวกบิมเมอร์ดีพอสมควร มาปีนี้ไม่รอช้า จัดการนำขุมพลังดีเซลเจเนอเรชั่นที่ 3 ของค่าย รหัส N74 มาวางในอนุกรม 3 และคอมแพกต์เอสยูวี(บีเอ็มดับเบิลยูเรียก เอสเอวี)X3…โดยรุ่น 320d นั้น “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” เคยนำเสนอบททดสอบไปแล้ว วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่ได้ลอง X3 2.0d บ้าง
รูปลักษณ์
หน้าตารวมๆต้องบอกว่าหล่อครับ โดดเด่นกับกระจังหน้าไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ โคมไฟหน้าบรรจุไฟสูง-ต่ำแบบไบ-ซีนอน ดูเรียบง่ายแต่รับกับฝากระโปรงเส้นสายดุดัน เข้มขลัง ตรงข้ามกับด้านท้ายที่ดูจิ้มลิ้มกับไฟท้ายสองชิ้นในแนวตั้งและแนวนอนที่ครอบดวงไฟแบบแอลอีดีเอาไว้ ขณะที่ล้ออัลลอยด์ลาย 5 ก้านคู่ วงโต ขนาด 17 นิ้ว ประกบยาง 235/55 R17 เสริมความบึกบึน
ภายในอุดมด้วยวัสดุชั้นดี ประกอบประณีตทั้งเบาะหนังสีเบจ พวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่น คอนโซลหน้า แผงประตูแต้มหรูด้วยลายไม้ ส่งผลให้บรรยากาศห้องโดยสารรวมๆดูโปร่ง ส่วนแผงควบคุมการทำงานต่างๆยังดูรกตา ต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคย ซึ่งจะว่าไปถ้าเป็นฟังก์ชั่น “ไอ-ไดร์ฟ” (ที่อยู่ในบีเอ็มดับเบิลยูหลายรุ่น)ก็ต้องอาศัยเวลาศึกษาเช่นกัน แต่เมื่อเข้าใจแล้วจะใช้งานง่าย เร็ว และสนุกกว่ามาก
ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆถือว่าใส่มาให้พอตัว เช่น ครูสคอนโทรล ระบบบลูทูธเชื่อมต่อโทรศัพท์ อเนกประสงค์กับช่องเก็บของมากมาย แต่ส่วนตัวคิดว่าที่วางแก้วหรือขวดน้ำน้อยไปนิด ขณะที่ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายมีเนื้อที่ 480 ลิตร แต่ถ้าพับเบาะหลังแบบแบ่ง 50: 50 จะเพิ่มเนื้อที่ได้ถึง 1,560 ลิตร
สมรรถนะ
เทคโนโลยีเครื่องยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยู เป็นที่รู้กันว่าไม่เป็นรองยี่ห้อใดในโลก แน่นอนว่าเจ้าดีเซล 2.0 ลิตร รหัส N74 บล็อกนี้ก็ถูกพัฒนาถ่ายทอดความอัจฉริยะมาเช่นกัน ทั้งเสื้อสูบทำจากอลูมิเนียมให้ความทนทาน และน้ำหนักเบา ระบบรางร่วมคอมมอนเรล และฉีดจ่ายน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ด้วยหัวฉีดมีแรงดันสูงระดับ 1,800 บาร์ พร้อมเทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-3,000 รอบต่อนาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมเล่นเป็นเกียร์ธรรมดาแบบ “สเต็ปทรอนิกส์” โดยชุดเกียร์และเฟืองท้าย พยายามออกแบบให้ลดแรงเสียดทานของชิ้นส่วนกลไกต่างๆเพื่อประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน
ตลอด 4 วัน ที่“ผู้จัดการมอเตอริ่ง”ได้อยู่กับ X3 ดีเซล ต้องบอกว่าประทับใจ กับการเป็นเอสยูวีขับสนุก พละกำลังเร่งติดเท้าพอๆกับตัวเบนซิน ด้านอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 9.2 วินาที (รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรทำได้ 8.5 วินาที)ส่วนความเร็วสูงสุด 205 กม./ชม.(เบนซิน 2.5 ลิตร 208 กม./ชม.) รอบเครื่องยนต์ต่ำตามสไตล์ดีเซล
โดยความเร็ว 100 กม./ชม. ที่เกียร์สูงสุด รอบอยู่เกือบๆ 2,000 เท่านั้น ขณะเดียวกันเข็มไมล์น้ำมัน(ช่วงต้นๆ)แข็งมากครับ เพราะวิ่งไปตั้ง 80-90 กิโลเมตรแล้วยังไม่กระดิกเลย
ด้านอัตราบริโภคน้ำมันที่เป็นขับในเมืองเสียส่วนมาก และมีโอกาสได้ยิงทางยาวๆนิดหน่อย เฉลี่ยแล้วอยู่ประมาณ 12-13 กิโลเมตร/ลิตร ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูเคลมไว้ 14.3 กิโลเมตรต่อลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน EU) ทั้งยังยืนยันว่าใช้ ดีเซล บี2 และ บี5 ได้ไม่มีปัญหา
สำหรับการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารยังทำได้สุดยอดเหมือนเดิม เพราะถ้าสตาร์ทเครื่องแล้วเปิดประตู (หรือกระจก)เอาไว้เฉยๆ เสียงเครื่องฮึ่มๆกระหึ่มดังพอสมควร แต่แค่ปิดประตูเข้ามานั่งให้เป็นกิจจะลักษณะเท่านั้นครับ เงียบเหมือนอยู่คนละโลกเลย ยิ่งการขับบนถนนตั้งแต่ความเร็วกลางๆไล่ไปถึงระดับ 120-140 กม./ชม. เสียงลม เสียงยาง เล็ดลอดเข้าน้อยมาก
ควบคุม-ช่วงล่าง
แฮนด์ลิ่งยังเนียนสไตล์ บีเอ็มดับเบิลยู การควบคุมกระฉับแม่นยำ แต่ช่วงล่างแบบอิสระสี่ล้อ เซ็ทมาค่อนข้างแข็ง และจะรู้สึกได้ถึงแรงสะท้อน ขณะวิ่งผ่านรอยต่อพื้นถนน หรือขึ้นลงคอสะพาน อย่างไรก็ตามการขับทางไกลความเร็วพุ่งไป 140-160 กม./ชม. ตัวรถยังนิ่ง ทรงตัวเยี่ยม เรียกว่ามือสองข้างกำพวงมาลัยได้สบายๆไม่ต้องเกร็งเหงื่อแตก
ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ xDrive ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา ที่จะปรับการทำงานตามสภาพขับขี่ โดยสภาวะปกติกำลังของเครื่องยนต์จะแบ่งไปยังล้อคู่หน้าและหลังในอัตราส่วน 40 : 60 แต่ทันทีที่พื้นผิวถนนหรือสภาพการขับเปลี่ยน เจ้า xDrive จะปรับอัตราการกระจายกำลังตามลำดับ โดยแปรผันตามแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวถนน ขณะเดียวกันยังสามารถแก้อาการหน้าดื้อในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง โดยแผ่นคลัทช์จะจับตัวแน่นขึ้นเพื่อส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า เพิ่มเสถียรภาพการควบคุมและยึดเกาะถนนให้อยู่ระดับสูงสุด
ความปลอดภัย
ระบบพระเอกอย่าง DSC (Dynamic Stability Control) ควบคุมการทรงตัวอัจฉริยะ ได้พัฒนาการทำงานร่วมกับระบบอื่นๆอย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมเสถียรภาพในการขับขี่อัตโนมัติ (ASC - Automatic Stability Control) ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะขับลงทางลาดชัน (HDC - Hill Descent Control) ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง (CBC - Cornering Brake Control)
ทั้งยังสามารถเพิ่มแรงดันเบรกเมื่อระบบห้ามล้อเริ่มมีอาการเฟด เนื่องมาจากอุณหภูมิของเบรกอยู่ในระดับที่สูงมาก รวมถึงการเพิ่มแรงดันเบรกเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่ต้องหยุดกะทันหัน ขณะที่ระบบ Dry Braking ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหยุดรถบนพื้นเปียก จะทำหน้าที่อัตโนมัติ ทันทีที่คนขับเปิดสวิทช์ให้ใบปัดน้ำฝนที่กระจกหน้าทำงาน
แต่ถ้าไอ้ระบบที่ว่ามาข้างบนมันทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถแล้ว คุณยังจะหาเรื่องเกิดอุบัติเหตุได้อีก ก็พออุ่นใจได้กับถุงลมนิรภัยคู่หน้า-ด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า รวมถึงม่านนิรภัยด้านข้างเพื่อป้องกันศีรษะที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยจะครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่เสา เอ-พิลลาร์ไปตลอดเส้นแนวหลังคา เพื่อลดความบาดเจ็บให้คนนั่งด้านหน้าและหลัง
รวบรัดตัดความ...ราคา 3.299 ล้านบาท แลกโลโก้ใบพัดสีฟ้า ที่มาพร้อมเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรบล็อกล่าสุด ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ได้อย่างนุ่มนวล การควบคุมคล่องแคล่ว ช่วงล่างหนึบแน่นมั่นใจ ความปลอดภัยครบครัน ที่สำคัญกินน้ำมันไม่ดุถ้าเทียบกับการเป็นเอสยูวี…
คุ้มค่าหรือเปล่า? คุณต้องไปลองขับเอง ดูความชอบส่วนตัว ลักษณะการใช้รถ และความสามารถในการจ่าย ส่วนจะซื้อไม่ซื้อตัดสินใจเองครับ แต่อย่างไรก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “X3 ดีเซล” เป็นอีกทางเลือกของเอสยูวีคุณภาพในยุคนี้